การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 55

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 55 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๕๕

 

“แม่บ้านหลี่?”

 

ซูหลี่เรียกแม่บ้านหลี่ และแม่บ้านหลี่ก็รีบอธิบาย “คุณหนู ผ้าในตอนเช้าถูกส่งไปที่หอบัญชีแล้วเจ้าค่ะ ส่วนผ้าพวกนี้พ่อบ้านเป็นคนส่งมา เขาบอกว่านายท่านบอกให้คุณหนูตัดชุด หลังจากนั้นไม่กี่วันจะเป็นงานวันเกิดของท่านปู่คุณชายหยาง ท่านไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเป็นการขายหน้าตระกูลซูได้เจ้าค่ะ”

 

ซูหลี่พยักหน้าและบอกให้แม่บ้านหลี่ส่งพวกมันไปยังร้านตัดเสื้อเพื่อตัดเย็บเป็นชุด

 

ภายในโกดังในตอนนี้…

 

ซูฮ่วนหลี่มองผ้าราคาแพงที่กองสุมในโกดังแล้วถอนหายใจเบา ๆ “สาวน้อยคนนี้ช่างเป็นห่วงครอบครัวนัก นางมีเหตุผลจริง ๆ”

 

หลี่หยินโน้มตัวมากระซิบใกล้ ๆ “ในหลายเดือนผ่านมา กิจการร้านอาหารก็รุ่งเรืองภายใต้การจัดการดูแลของคุณหนูสอง และผลกำไรก็เพิ่มขึ้นสองเท่า นายท่าน ท่านน่าจะมีความสุขนะขอรับ ทำไมท่านถึงถอนหายใจอยู่?”

 

หลังจากซูฮ่วนหลี่ได้ยินคำพูด เขาก็ส่ายหน้า “ไอ้ลูกหมาหยางเว่ยนั่นทำเกินไปแล้ว! ข้าจะทำอย่างไรได้? ตอนนี้เราถูกขโมยส่งจดหมายข่มขู่ ดังนั้นจึงไม่มีเงินเหลืออยู่แล้ว แต่ข้อมูลนี้ต้องรั่วไหลไปที่ตระกูลหยางแน่นอน เรื่องราวต่าง ๆ มักจะกระหน่ำมารวดเดียว ช่างโชคร้ายนัก!”

 

หลี่หยินคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยตอบ “คุณชายหยางเว่ยเป็นผู้บัญชาการของดินแดนต้าฮั่น หากข้าสู้กับเขา ข้าจะทำลายข้อห้ามใหญ่ ข้าเองก็จนปัญญาขอรับ”

 

ซูฮ่วนหลี่โกรธนัก สิ่งที่เขาเผชิญในตอนนี้ช่างย่ำแย่ หากกำไรของตึกไป๋เว่ยไม่ได้ยอดเยี่ยมเขาก็คงล้มหมอนนอนเสื่อ

 

เวลาไม่กี่วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ถึงวันฉลองวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของอดีตนายใหญ่ตระกูลหยาง

 

เมื่อดวงจันทร์ลอยเด่นบนท้องฟ้า ทั้งบ้านตระกูลหยางก็สว่างสดใสและเต็มไปด้วยโคมไฟ ตรงหน้าประตูมีรถม้างดงามเต็มถนนจนการจราจรหนาแน่น

 

“คุณหนู บ้านตระกูลหยางอยู่ที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”

 

แม่บ้านหลี่ตะโกนข้างรถม้าที่สลักตราประจำตระกูลซูและม่านก็ถูกเปิดออก ซูหลี่สวมชุดขาวก้าวออกจากรถม้าช้า ๆ

 

ทันใดนั้นเหล่าชายหนุ่มมากพรสวรรค์ของตระกูลใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะมองนางด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม

 

ต่อให้นางอำพรางรูปลักษณ์งดงามของตัวเองโดยใช้วิชา ไม่มีอะไรประหลาด ซูหลี่ที่ประทินเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยก็ยังดูน่าหลงใหล อวัยวะทั้งห้าของนางแทบจะสมบูรณ์แบบและงดงาม ผิวของนางก็เนียนละเอียด บวกกับรูปร่างอันสง่างาม นางก็เป็นหญิงสาวผู้เลอโฉมที่สุด

 

“ฮ่า ๆๆ น้องสาว ในที่สุดเจ้าก็อยู่ที่นี่”

 

ด้วยเสียงหัวเราะร่า หยางเว่ยในชุดสีทองก็ปรากฏตัวที่ประตูและเดินมาหาซูหลี่ เขาไม่เห็นสายตาเกลียดชังของคุณชายคนอื่นและเอ่ยอย่างรักใคร่ “ท่านป้าของเจ้ารอเจ้ามานานแล้ว ตามข้าไปที่หอด้านหลังเถอะ”

 

ซูหลี่ยิ้มหวานและเอ่ยเสียงเบา “ท่านพี่ นำทางไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเยี่ยมท่านป้ามาก่อนเลย”

เสียงนุ่มพลันทำให้หยางเว่ยมีการตอบสนอง ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว แต่เขาแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษผู้สุุขุมและผายมือนำทางซูหลี่เข้าไปในเรือน

 

งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ที่นั่งส่วนใหญ่จึงว่างเปล่า ซูหลี่เดินมาตามทางเดินพร้อมกับหยางเว่ยในเรือนด้านหลังของตระกูลหยาง หยางเว่ยเดินช้าอย่างจงใจจนอยู่ข้างกายซูหลี่ เขาพยายามที่จะใกล้ชิดนาง

 

ซูหลี่จงใจเลี่ยงเขา หยางเว่ยก็พยายามเข้าถึงตัวนางแต่เขาก็ไม่อาจแตะต้องมือเล็กของซูหลี่ได้และรู้สึกโมโหขึ้นมา หญิงสาวช่างลื่นไหลนักจนเขาไม่อาจฉวยโอกาสกับนางได้

 

เมื่อหยางเว่ยพยายามประชิดตัวนาง ซูหลี่ก็หยุดเดินและถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ หลังไหนคือเรือนของท่านป้าเจ้าคะ? เราเดินรอบเรือนเป็นสามรอบแล้ว”

 

หยางเว่ยมีอาการกระอักกระอ่วนในทันที แต่โชคดีที่เขาเป็นคนอวดดีและรีบเอ่ยในทันที “หลังนี้แหละ ตามข้ามา”

 

ครั้งนี้หยางเว่ยไม่กล้าเดินวนรอบทางเดินไปกับนางอีก หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านสวน พวกเขาก็เดินไปที่ห้องของซูเยว่จู๋

 

เมื่อซูเยว่จู๋เห็นซูหลี่ นางก็รู้สึกประหลาดใจ จูเหยียนช่างดูธรรมดานัก เหตุใดนางถึงให้กำเนิดบุตรสาวสวยขนาดนี้ได้? นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา

 

คิดดังนี้แล้วซูเยว่จู๋ก็กุมมือซูหลี่ไว้และมองนางด้วยสายตาอบอุ่น “เจ้าคงเป็นซูหลี่สินะ เจ้างดงามเหลือเกิน งดงามยิ่งกว่าน้องสาวของเจ้าอีก”

 

“ท่านเอ่ยชมข้าเกินจริงแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้งดงามเท่ากับท่าน หลังจากที่ท่านให้กำเนิดท่านพี่ ท่านก็ยังดูเป็นสาวรุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”

 

ซูหลี่แสร้งทำเป็นสุภาพเรียบร้อย นางเพียงต้องการจะฆ่าเวลาเท่านั้น

 

เดิมทีซูเยว่จู๋ต้องการจะล้วงความลับตระกูลซูจากซูหลี่ แต่ไม่ว่านางจะถามอย่างไรซูหลี่ก็ตีความหมายของนางผิดและให้คำตอบที่ไม่เกี่ยวข้องเลย ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับซูเยว่จู๋เป็นอันมาก

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้เวลาของงานเลี้ยงฉลอง ซูเยว่จู๋ส่งซูหลี่ไปที่งานเลี้ยงด้วยรอยยิ้มเสแสร้งขณะที่ลอบบ่นอยู่ในใจ “สาวน้อยคนนี้ได้แต่พูดอะไรไร้สาระ การทำครัวทำให้นางโง่ลงหรือเปล่านะ?”

 

หลังจากที่พวกเขาเดินไปที่เรือนด้านหน้า ซูเยว่จู๋ก็ไม่มีเวลาดูแลซูหลี่และเดินไปหาหยางลี่เพื่อพบปะกับแขกคนอื่น ซูหลี่พบที่นั่งที่จองไว้ให้เหล่าคนหนุ่มสาว นางจึงนั่งลงและเช็ดมืออย่างระมัดระวัง

 

แม้ในชีวิตชาติที่แล้วนางจะถ่อมตน แต่เรื่องอื้อฉาวของซูเยว่จู๋กับบุตรชายของนางก็เป็นที่รู้จักดีของทุกคน แม้แต่สาวใช้ยังพูดถึงพวกเขาในบางเวลา นางจึงรู้เรื่องอื้อฉาวเหล่านั้นด้วย หยางเว่ยเป็นบุตรชายที่แท้จริงของหยางลี่หรือไม่ก็เป็นเรื่องยากที่จะพูด

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถึงยามซวี งานเลี้ยงวันเกิดจึงได้เริ่มต้นในที่สุด

 

“ตระกูลหลี่แห่งเมืองหงส่งเงินมาให้หนึ่งพันชั่ง พวกเขาขอให้อดีตนายใหญ่หยางหวายมีความสุขมาก ๆ อายุมั่นขวัญยืนราวกับภูเขาทิศใต้!”

 

“ตระกูลจูส่งปะการังแดงมาให้ พวกเขาขอให้อดีตนายใหญ่หยางหวายมีอายุยืนยาว!”

 

“ตระกูลหยาง…”

 

เมื่อมีเสียงประกาศเฉลิมฉลองจากเจ้าบ้าน นายใหญ่ทั้งหลายก็มาถึงในที่สุด บรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่น หยางหวายที่สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ก็ปรากฏตัว เขายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหลักและดูยิ่งใหญ่ เขาหัวเราะเสียงดังและเอ่ยขึ้น

 

“ขอบคุณที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของข้า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ธุรกิจตระกูลของเราจึงราบรื่นด้วยดี เชิญตามสบาย

 

จากนั้นแขกทั้งหลายจึงส่งเสียงร้องยินดีในทันที

 

“ยอดเยี่ยม!”

 

“ขอให้ท่านมีกำลังวังชาและแข็งแรง!”

 

“ข้าขอดื่มอวยพรให้ท่าน!”

 

“…”

 

ในขณะเดียวกันที่โต๊ะของบรรดาคนหนุ่มสาว คุณชายทั้งหลายที่นั่งรอบกายซูหลี่ก็ถือโอกาสดื่มอวยพรให้นางเช่นกัน ทำให้เหล่าคุณหนูทั้งหลายโกรธเคือง ก่อนหน้านี้ยามพวกนางไปไหนก็ตามก็จะมีแต่ชายหนุ่มมารุมล้อม พวกนางไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาเช่นวันนี้มาก่อน

 

“หึ! ข้าไม่ยอมแพ้สาวน้อยจอมมารยาแห่งตระกูลซูหรอกนะ!”

 

หญิงสาวที่นั่งโต๊ะถัดไปโกรธเสียจนหน้าซีด หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ซูหลี่ก็คงจะตายไปแล้วนับพัน ๆ ครั้ง ซูจื่อเผยที่นั่งข้างนางก็ได้กระซิบ “อย่าโกรธเคืองไปเลย พี่สาวสองของข้ามักจะหยิ่งผยองและอารมณ์ร้อนอย่างยิ่ง นางไม่ได้อ่อนโยนอย่างเจ้าและทำได้แค่ทำอาหารเท่านั้นแหละ”

 

ได้ยินซูจื่อเผยพูด หลินเซียงพลันรู้สึกดีขึ้น นางพยักหน้าและเอ่ยตอบ “เจ้าช่างมีเหตุผลนัก หากข้ามีโอกาส ข้าก็จะเผยธาตุแท้ของซูหลี่ซะ อย่างน้อยคุณชายหยางก็น่าจะถูกหลอกแล้ว”

 

ซูจื่อเผยดูร้ายกาจขึ้นมาและกระซิบต่อ “พี่สาว ท่านไม่จำเป็นต้องรอหรอก ตอนนี้มีโอกาสเหมาะอย่างยิ่งอยู่แล้ว”

 

“งั้นหรือ?” หลินเซียงอึ้งไปและยิ้มออกมา “บอกวิธีของเจ้าให้ข้าฟังได้เลย ข้าจะช่วยเจ้า”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด