การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 31

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 31 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๓๑

 

แม่บ้านหลี่พลันนึกขึ้นได้ว่านายท่านบอกซูเอ้อร์หยาไม่ให้ทำบ๊ะจ่างอีก นางก็หวาดกลัวขึ้นมาและหยุดพูด

 

ซูเอ้อร์หยาดูผ่อนคลายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “หากข้าสามารถเปลี่ยนอาหารธรรมดาเพื่ออนาคตที่รุ่งเรืองกว่านี้ของพี่ชายใหญ่ได้ มันก็ไม่สำคัญแล้ว!”

 

ตอนนี้แม่บ้านหลี่เข้าใจการเเลกเปลี่ยนแล้วและตัวสั่นขึ้นมา

 

คุณหนูสองฉลาดกว่าที่นางคิด เรื่องนี้คุณหนูสองวางเเผนไว้แล้วหรือ?

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วฉายวาบเข้ามาในใจของนาง นางอยู่ใกล้กับซูเอ้อร์หยาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่นางไม่อาจหาร่องรอยของเจตนาใด ๆ ได้เลย เรื่องทั้งหมดนี้เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ

 

แม่บ้านหลี่ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป นางหวาดกลัวนัก ลึก ๆ แล้วนางก็ยากจะเชื่อว่าคุณหนูสองเป็นคนใจดีน่ารักที่ไม่มีแผนการใด ๆ ในใจ

 

“แม่บ้านหลี่ ทำไมท่านเหงื่อออกล่ะ? ที่นี่ร้อนงั้นหรือ?” ซูเอ้อร์หยาเอ่ยถาม

 

แม่บ้านหลี่สะดุ้งได้สติทันที นางยิ้มและปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและเอ่ยตอบ “ข้ากินมากเกินไปก็เลยร้อนน่ะเจ้าค่ะ”

 

“งั้นเราก็ห่อกลับแล้วค่อยกินทีหลังแล้วกันจ้ะ เรากินทิ้งขว้างไม่ได้หรอก”

 

เมื่อแม่บ้านหลี่เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของซูเอ้อร์หยา นางก็ยิ้มตามปกติพร้อมกับความตื่นตระหนกที่หายไป

 

“ลำบากท่านแล้วเจ้าค่ะ”

 

อาหารมื้อนี้มีราคาเป็นเงินสามสิบชั่ง ขณะที่แม่บ้านหลี่จ่ายเงิน นางก็จ่ายด้วยอาการกระมิดกระเมี้ยน ตอนที่แม่บ้านหลี่ปรุงอาหารให้คุณหนูสอง เงินสามสิบชั่งนี้สามารถประทังชีพพวกนางได้เป็นสามเดือนเลยทีเดียว

 

“แม่บ้านหลี่ ตลาดวายแล้ว ท่านเรียกสารถีให้นำรถม้ามาที่นี่ได้เลยจ้ะ ข้าจะเดินดูของสักหน่อย” ซูเอ้อร์หยาเอ่ยและชี้ไปที่ร้านเล็ก ๆ ตรงข้ามภัตตาคารไป๋เว่ย

 

“คุณหนู อยู่ในร้านนะเจ้าคะ อย่าเดินเตร็ดเตร่ไปไหน แล้วข้าจะมาในไม่ช้าเจ้าค่ะ” แม่บ้านหลี่เอ่ยด้วยท่าทางดูเป็นกังวล

 

“อย่ากังวลเลย แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นแหละ ไม่มีใครกล้าฆาตกรรมใครตอนกลางวันแสก ๆ หรอก” ซูเอ้อร์หยากระพริบตาขณะเอ่ยตอบ แม่บ้านหลี่หัวเราะและลืมความคิดแย่ๆ จนหมด คุณหนูสองช่างไร้เดียงสานัก ทำไมนางถึงคิดเรื่องของนางในแง่ร้ายอยู่เรื่อยกันนะ?

 

หลังจากแม่บ้านหลี่จากไปแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็หุบยิ้มและเดินเข้าไปในร้านเล็ก ๆ ตรงข้ามกับภัตตาคารไป๋เว่ย กล่าวให้ชัดก็คือนางเดินเข้าไปหาพี่ชายและน้องสาวในชุดเสื้อผ้าแปลกตาคู่หนึ่ง

 

เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ คนเป็นพี่ชายพลันยกมือขึ้นและเผยรอยยิ้มใจดีออกมา “แม่นาง ท่านช่างงดงามนัก น้องสาวข้ากับตัวข้าโชคร้ายเร่ร่อนมาที่นี่ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถซื้ออาหารและเสื้อผ้าให้กับน้องสาวของข้าได้นะขอรับ”

 

เบื้องหลังชายหนุ่ม เด็กหญิงตัวน้อยก็จ้องมองซูเอ้อร์หยาตาเเป๋วด้วยดวงตากลมโตราวหยาดน้ำ นางมีอายุประมาณสิบขวบ

 

ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะถูกใจและเอ่ยเบา ๆ “เราอายุเท่ากัน ข้าไม่เชื่อว่าชีวิตของเจ้าจะยากลำบากมากหรอก น้องสาวของเจ้าอายุแค่สิบขวบเท่านั้น นางจะใช้ชีวิตเร่ร่อนไปกับเจ้าได้อย่างไร? เอาล่ะ ข้าจะใช้เงินห้าร้อยชั่งซื้อทุกอย่างที่อยู่บนแผงของเจ้าแล้วกัน ทำธุรกิจเก็บเงินเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นล่ะ”

 

ฟ่างหยวนพลันตกใจ เขาจ้องมองใบหน้างดงามไร้เครื่องประทินโฉม ยังมีคนที่บริสุทธิ์ใจดีแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?

 

จากเมืองหนานเจียงมาถึงเมืองต้าฮั่น พี่ชายและน้องสาวได้เผชิญกับความยากลำบากและอันตรายมากมาย แต่พวกเขาไม่เคยเจอคนที่ใจดีเหมือนกับซูเอ้อร์หยาเลย

 

“พี่ชาย ท่านจ้องไม่วางตาเลยนะ! นางสวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

ฟ่างหลิงผลักพี่ชายอย่างโกรธเคือง ฟ่างหยวนพลันได้สติ แต่เขาก็พบว่าทั้งแผงว่างเปล่า ซูเอ้อร์หยาหยิบของทั้งหมดจากไปและแทนที่ด้วยถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเงิน

 

ฟ่างหลิงย่นจมูกและเอ่ยอย่างกังวล “พี่ชาย ข้ารู้สึกไม่ดีที่ต้องโกหกอย่างนี้เลย พี่สาวคนนั้นให้เงินทั้งหมดของนางกับเรา นางจะไม่ถูกครอบครัวของนางดุด่าเหรอ?”

 

ฟ่างหยวนเอ่ยเสียงเย็น “หญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยไม่สนเงินจำนวนห้าร้อยชั่งนักหรอก จำนวนเงินนั่นเป็นแค่ขนเส้นหนึ่งบนหลังกระทิงสำหรับพวกเขาเท่านั้นแหละ”

 

ในตอนนี้ รถม้าคันหนึ่งก็เคลื่อนผ่านไปช้า ๆ ตามมาด้วยแม่บ้านชราคนหนึ่ง

 

“คุณหนู ท่านคงจะสับสนนะเจ้าคะ ท่านให้เงินเดือนทั้งหมดที่ใช้ในเดือนหน้าไปกับพวกเขาแล้ว แล้วท่านจะขายของไร้ประโยชน์พวกนี้ออกได้อย่างไรเจ้าคะ? เดือนหน้าเราจะกินอะไร…”

 

เสียงนั้นค่อย ๆ จางหายไป และฟ่างหลิงก็ฟังคำพูดของแม่บ้านด้วยอาการนิ่งขรึมพลางกระซิบ “คำพูดของเจ้าเชื่อไม่ได้ทุกคำหรอก”

 

“หึ! แม่นางคนนั้นอยากทำเอง ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย”

 

ใบหน้าของฟ่างหยวนเย็นชาและมือทั้งคู่ก็กำแน่น หัวใจเย็นชาของเขาเหมือนจะสั่นไหว

 

กลับถึงบ้านตระกูลซูแล้ว แม่บ้านหลี่ก็ไม่มีพลังที่จะบ่นซูเอ้อร์หยา นางก้าวออกจากรถและหันไปล้างจาน

 

ภายในห้องเรียนสว่างไสว ซูเอ้อร์หยาคลี่พัสดุสกปรกและหยิบเปลือกหอยสีดำออกมา นางหยิบเปลือกหอยวางบนโต๊ะและโยนทุกสิ่งที่เหลือลงไปในถังขยะ

 

ซูเอ้อร์หยาจ้องมองเปลือกหอยมันวาวสีดำพร้อมกับดวงตาเบิกขึ้น

 

นางทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้เปลือกหอยมา ในการจะได้มันมานางต้องทำทุกสิ่ง แม้แต่การฆาตกรรม!

 

ผู้คนในเมืองหนานเจียงมีฝีมือด้านการเลี้ยงแมลงพิษ แม้พี่ชายน้องสาวคู่นั้นจะมาจากเมืองหนานเจียง พวกเขาก็ไม่อาจระบุได้ว่าเปลือกหอยนั้นเป็นแมลงพิษที่แสร้งทำเป็นตาย

 

“แมลงพิษชนิดนี้มีชื่อว่า หยินเซียงชี่” ซูเอ้อร์หยาคิดในใจ “และข้าก็ไม่คิดเลยว่าแมลงพิษขึ้นชื่อที่เป็นของเซียนมากหน้าหลายตาในชีวิตชาติที่แล้วจะกลายเป็นของข้าในชีวิตนี้”

 

ตำนานกล่าวไว้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะฝึกแมลงพิษและมันก็มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น มันสามารถเลียนเสียงใด ๆ ก็ได้ที่มันได้ยิน ไม่ต้องพูดถึงการเลียนเสียงสัตว์เลย

 

“ก๊อก ๆๆ!…”

 

ซูเอ้อร์หยาเคาะเปลือกหอยเป็นจังหวะนานอยู่ครู่หนึ่ง

 

ทันใดนั้นเอง…

 

แกร๊ก!

 

รอยร้าวปรากฏบนเปลือกหอยสีดำ จากนั้นเปลือกหอกก็กะเทาะออกเบา ๆ เผยให้เห็นแมลงพิษฉายแสงมืดทึมขณะที่มันส่งเสียงครางเบา ๆ

 

เห็นชัดว่าแมลงตัวนี้อ่อนแอมากและต้องการอาหาร

 

ซูเอ้อร์หยายิ้มบางและร้องเพลงกล่อมเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์

 

ร่างกายยู่ยี่ของแมลงพิษพลันอวบเต่งขึ้นและเปล่งแสงสีขาวเป็นเงาออกมา

 

“หยินเซียงชี่” เป็นแมลงพิษด้านเสียง มันกินเสียงเป็นอาหาร มันกินเพียงเสียงที่มันชอบเท่านั้น สิ่งที่ซูเอ้อร์หยาฮัมคือเพลงกล่อมที่เซียนร้อยหน้าเป็นผู้ประพันธ์ขึ้น

 

ชีวิตประจำวันของซูเอ้อร์หยาดูมีสีสันมากขึ้นเนื่องจากสัตว์เลี้ยง นอกจากการเรียนตำราและการฝึกวิชาแล้วนางก็ร้องเพลงกล่อมทุกวัน แม้แม่บ้านหลี่จะสงสัยว่าทำไมคุณหนูสองจู่ ๆ ถึงชอบร้องเพลงขึ้นมา นางก็ไม่ได้ถามอะไร

 

เมื่อวันอันแสนวุ่นวายผ่านไป ในที่สุดซูเอ้อร์หยาก็ฝึกวิชาสมาธิหุบเหวภูตจนถึงระดับสาม การพัฒนาจากระดับสองเข้าสู่ระดับสามดูยากเย็น ซูเอ้อร์หยารู้สึกว่าร่างกายของนางได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพลังงานภายในถูกเติมเต็มถึงสามหน พื้นฐานของนางแข็งแกร่งมากกว่าเเต่ก่อนแล้ว

 

“กลายเป็นว่าห้าระดับสูงสุดของกำลังภายในใช้เพื่อปูพื้นฐาน ในชีวิตชาติที่แล้วข้าไม่มีพื้นฐานพลังอยู่ มันเลยเป็นการง่ายที่ข้าจะเสียสติไป” ซูเอ้อร์หยาพึมพำ นางขอให้แม่บ้านหลี่ต้มน้ำเพื่อเตรียมอาบน้ำและขัดคราบไคลบนหลังออก

 

นางก้าวออกมาจากเบื้องหลังม่านและแม่บ้านหลี่ที่ถือเสื้อผ้าอยู่ด้านนอกก็พลันตะลึงไป

 

“คุณหนู ท่าน… ท่าน… ดูสวยกว่าเมื่อก่อนอีกนะเจ้าคะ!”

 

เเม่บ้านหลี่สูดหายใจและเกือบจะตาลุกวาว คุณหนูเหมือนจะตัวสูงขึ้นในชั่วข้ามคืน และมีโครงหน้าดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ผิวหน้าของนางดูเหมือนชุ่มชื้้นอิ่มเอิบขึ้น

 

“กล่าวกันว่าหญิงสาวเปลี่ยนเเปลงไปถึงสิบแปดครั้งก่อนจะถึงวัยสาวสะพรั่ง คุณหนูสองกลายเป็นอีกคนไปเลยเจ้าค่ะ!”

 

สิ่งที่ฉุดรั้งอย่างเดียวเท่านั้นก็คือรอยแผลเป็นจากการถูกแส้หวดยังคงอยู่บนร่างของนางราวกับใยแมงมุม

 

ขณะที่แม่บ้านหลี่สวมเสื้อผ้าให้ซูเอ้อร์หยา นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้คร่ำครวญ เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้! แต่บนร่างของนางกลับมีแผลเป็นจำนวนมากอยู่ ช่างไม่ยุติธรรมเหลือเกิน

 

“แม่บ้านหลี่ อย่าร้องไห้เลย นับจากบัดนี้เป็นต้นไปข้าไม่ถูกตีแล้วนะ ท่านควรจะมีความสุขกับข้าสิ”

 

เมื่อซูเอ้อร์หยาเอ่ยปลอบแม่บ้านหลี่ นางก็ย่นคิ้ว หากนางรู้ว่าเสวียนกงระดับสามจะทรงพลังขนาดนี้ นางก็จะไม่ฝึกมัน นางหวังว่าฉีเซี่ยนชิงจะไม่จับได้

 

ระหว่างช่วงยามเฉิน เมื่อซูเอ้อร์หยามาถึงห้องเรียน ฉีเซี่ยนชิงก็มีท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นชัด และซูชิงฮ่าวก็ตะลึงมากกว่าเดิม ซูชิงฮ่าวคิดว่าพี่สาวของเขางดงามยิ่งขึ้นมากกว่านางฟ้าเสียอีก

 

หลังเลิกเรียน ฉีเซี่ยนชิงก็ขอให้ซูเอ้อร์หยาอยู่ต่อเพียงลำพังและอ้ำอึ้งที่จะเอ่ยออกมาหลังจากนั้นเป็นเวลานาน “เอ้อร์หยา เจ้าบรรลุขุมพลังถึงขั้นที่สองแล้วหรือ?”

 

ซูเอ้อร์หยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเอ่ยตามน้ำ “ข้าไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าแค่หลับไป พอข้าตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันนี้ รูปร่างของข้าก็เปลี่ยนไป แม่บ้านหลี่เห็นแล้วยังตกใจเลยเจ้าค่ะ”

 

รู้สึกประหลาดใจและมีความสุข ฉีเซี่ยนชิงอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วและเอ่ยเบา ๆ “มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้นะ มันเป็นข้อได้เปรียบทางด้านร่างกายงั้นหรือ?”

 

“ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรหรือเจ้าคะ?” ซูเอ้อร์หยากระพริบตาและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 

เมื่อฉีเซี่ยนชิงตกใจกับความคิดของตัวเองจากรูปลักษณ์น่าตื่นตาของลูกศิษย์ เขาก็มีท่าทีตื่นตระหนก

 

“แย่แล้ว! รูปลักษณ์ของเจ้าอาจนำอันตรายมาสู่เมืองและผู้คนแล้วก็สร้างความวุ่นวายได้เลยนะ” ฉีเซี่ยนชิงเอ่ยเตือนด้วยความรู้สึกหนักใจ “ข้าจะออกไปในไม่กี่วันนี้เพื่อหาวิธีอำพรางรูปลักษณ์บางส่วนของเจ้า เจ้าแค่เรียนให้หนักอยู่ที่บ้าน อย่าออกไปนะ”

 

ฉีเซี่ยนชิงคิดว่าซูเอ้อร์หยาคงจะปฏิเสธ นางเป็นสาวแรกรุ่น สาวน้อยทุกคนในวัยนี้ต่างต้องการเผยความงามของนางให้เป็นที่รู้จัก แต่ซูเอ้อร์หยากลับเห็นด้วยอย่างชัดเจน

 

ซูเอ้อร์หยามีปัญหากับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ตอนนี้นางมีข้ออ้างที่ดีในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างแล้ว คำแนะนำของฉีเซี่ยนชิงช่วยเหลือนางได้มากเลยทีเดียว

 

หลังจากฉีเซี่ยนชิงจากไป ซูเอ้อร์หยาก็กลับไปที่เรือนจินหยวนและไม่ได้ออกไปไหนอย่างที่นางพูด ทุกครั้งแม่บ้านหลี่รู้สึกสับสน นางจะจ้องมองหน้าซูเอ้อร์หยา ดูเหมือนว่านางรู้สึกหลงใหลนางเข้าแล้ว

 

“ในที่สุดข้าก็เจอต้นไม้ที่คุณหนูต้องการในวันนี้แล้วเจ้าค่ะ”

 

แม่บ้านหลี่ถือช่อต้นไม้สีทองดูราวกับไม้กวาดขนไก่อย่างดีใจ ก่อนหน้านี้ซูเอ้อร์หยาได้ให้คลังรูปภาพที่นางวาดเองกับมือให้แม่บ้านหลี่และบอกให้นางสนใจดูต้นไม้ในคลังภาพ

 

ซูเอ้อร์หยามองพวกมันอย่างประหลาดใจ “นี่มันต้นงานี่ ข้าเอามาทำขนมงาทอดได้นะ”

 

“อะไรคือขนมงาทอดหรือเจ้าคะ?”

 

ซูเอ้อร์หยาเริ่มต้นแปรรูปงา นางกะเทาะเมล็ดงาออกมาและวางผึ่งไว้ใต้แสงแดด แม่บ้านหลี่จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วช่วยงานซูเอ้อร์หยา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด