การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 34
ตอนที่ ๓๔
“ท่านแม่ พี่ชายหยางผิดอะไรเจ้าคะ? ตอนนี้เขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ถ้าข้าเป็นภรรยาของเขา ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมองหน้าใครแล้ว แบบนี้มันผิดตรงไหนเจ้าคะ?” ซูจื่อเผยแย้งอย่างตรงไปตรงมา
เพี๊ยะ!
นางรู้สึกเจ็บแปลบบนฝ่ามือ ซูจื่อเผยเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของมารดาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง นางไม่เข้าใจมารดาของนางเลย เป็นมารดาของนางเองที่สอนให้นางไล่ตามความร่ำรวยและอำนาจ แต่ทำไมมารดาของนางถึงปฏิเสธการตัดสินใจของนางกัน
“ท่านแม่ ข้าไม่ซื้อมัน! ท่านไม่ได้เกิดในตระกูลขุนนาง ท่านสามารถหาสามีให้ข้าได้ดีกว่าหยางเว่ยได้ไหมล่ะเจ้าคะ? ถ้าท่านหาได้ก็พาเขามาให้ข้าสิเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะแต่งงานกับพี่หยางเว่ยวันนี้ล่ะ!”
จูเหยียนโกรธจัดเสียจนแทบจะฆ่าใครสักคนได้ นางมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นว่าใครลอบฟังอยู่ นางจึงตัดสินใจในฉับพลัน
เห็นมารดาปิดประตูหน้าต่างในเวลากลางวัน ซูจื่อเผยก็ดูงุนงงไป “ท่านแม่ ท่านทำอะไรน่ะเจ้าคะ?”
ในตอนนี้จูเหยียนได้แตะลิ้นชักลับใต้โต๊ะเครื่องเเป้ง และหยิบหยกออกมา ซูจื่อเผยรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ นี่อะไรเจ้าคะ? ทำไมท่านไม่เคยเอาให้ข้าดูเลย?”
“มันเป็นเรื่องของอนาคตเจ้า”
จูเหยียนรู้สึกว่าทั้งกายได้ผ่อนคลายลงหลังจากเอ่ยเช่นนั้น และนางตระหนักได้ว่ามันเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินที่ได้แบ่งปันความลับกับใครสักคน นางเก็บความลับไว้คนเดียวมานานกว่าทศวรรษแล้ว และนางก็กำลังอึดอัดจนจะระเบิด
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม…
ซูจื่อเผยปิดปากด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดเลยว่าเหตุผลที่แม่ของนางดูลึกลับนักมาตลอดหลายปีนี้ก็เพราะเพื่อนาง ยิ่งกว่านั้นนางยังไม่เคยรู้เลยว่าซูเอ้อร์หยาไม่ใช่บุตรสาวที่เกิดจากมารดาของนาง หรือก็คือเบื้องหลังของนางสูงส่งกว่านั้น!
“ท่านแม่! ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ข้าไม่อาจแต่งงานกับหยางเว่ยได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์หรือนายพลในอนาคตได้อย่างไร?”
ซูจื่อเผยอยู่ในอาการตื่นตระหนก หากนางมีโอกาสได้แต่งงานสูง นางก็จะแต่งงานกับหยางเว่ยไร้ประโยชน์คนนั้นเเค่ตอนที่นางสมองฟั่นเฟือนเท่านั้นแหละ!
“วางใจเถอะ ข้ามีวิธีแก้ไขอยู่ ตอนนี้เจ้ากับข้าอยู่ข้างเดียวกันแล้ว สิ่งต่าง ๆ ก็จะง่ายขึ้น เจ้าอย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องหยกนะ หากมีใครสักคนรู้แผนของเรา เราก็จะตกอยู่ในอันตราย!”
ซูจื่อเผยพยักหน้าด้วยดวงตามุ่งมั่น “อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะท่านแม่ เมื่อใดที่ข้าได้เป็นองค์หญิง ข้าจะทำให้ท่านได้เสวยสุขบนเกียรติยศและความมั่งคั่งในโลกนี้ทุกอย่าง!”
“ดี! ดี!” ดวงตาของจูเหยียนปรากฏน้ำตารื้น “จื่อเผยเป็นเด็กดีของข้าจริง ๆ!”
จูเหยียนรีบรุดไปที่เรือนใหญ่เพื่อหาซูฮ่วนหลี่ นางไม่คิดเลยว่าระหว่างทางนางจะได้รู้ว่าหยางเว่ยเปลี่ยนใจและยกเลิกคำขอแต่งงานแล้ว นางรู้สึกประหลาดใจแกมยินดี และรีบกลับไปบอกบุตรสาวของนางเกี่ยวกับเรื่องนั้น
อีกด้านหนึ่ง พ่อบ้านชราที่มายังเรือนจินหยวนก็ได้หวาดกลัวแทบตายเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของซูเอ้อร์หยา
“ดูเหมือนคุณหนูสองจะฝึกวิชากับฉีเซี่ยนชิง มันเป็นวิชาอะไรกันที่ทำให้คุณหนูสองดูงดงามขนาดนี้? ไม่แปลกเลยที่หยางเว่ยจะไม่อาจควบคุมตัวเองได้และเปลี่ยนใจกะทันหัน”
“พ่อบ้านหลี่ พี่หยางพูดเช่นนั้นจริงหรือเจ้าคะ?” ซูเอ้อร์หยาดูเศร้าลงและเอ่ยพึมพำ “แต่ท่านอาจารย์บอกว่าข้าไม่สามารถแต่งงานได้”
แม้เสียงของซูเอ้อร์หยาจะทุ้มต่ำราวกับเสียงยุงบิน แต่หลี่หยินที่ฝึกวรยุทธ์มาหลายปีก็ยังได้ยินอยู่
“ฉีเซี่ยนชิงสั่งให้คุณหนูสองรักษาความบริสุทธิ์ไว้ ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการฝึกวิชาที่เหมาะสมแล้ว หากเขาเป็นสมาชิกของโรงเรียนเหอฮ่วน เขาก็จะมีความสุขมากที่ได้เห็นคุณหนูสองไปด้วยกันได้ดีกับบุรุษบางคน”
หลี่หยินสงบอารมณ์ลง จากนั้นแม่บ้านหลี่ก็เข้ามาพร้อมกับตะกร้าเปล่าและเอ่ยเสียงดังพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจแกมยินดี “คุณหนู ข้าเข้าเมืองไปขายขนมงาทอดของท่านแล้วเจ้าค่ะ และแน่นอนว่าพวกมันถูกขายหมดเกลี้ยงในไม่กี่เค่อ! เราได้กำไรมาสามชั่งและไม่อดตายแล้วเจ้าค่ะ!”
“งั้นหรือ? เยี่ยมไปเลย!” ซูเอ้อร์หยาแสร้งทำเป็นตกใจ แต่ในใจนางบอกได้ว่าแม่บ้านหลี่ช่างมาถูกเวลานัก
“ขนมงาทอดมันคืออะไรกัน? ทำไมท่านถึงจะอดตาย?” หลี่หยินสับสน จากนั้นเขาก็โมโหขึ้นมา “คุณหนูสอง ฮูหยินหนึ่งยึดเงินห้าร้อยชั่งไปหรือขอรับ?”
“พ่อบ้าน มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอก” ก่อนที่ซูเอ้อร์หยาจะพูด แม่บ้านหลี่ก็อธิบาย “คุณหนูสองแค่ใจดีเกินไป…”
หลังได้ยินความจริงจากแม่บ้านหลี่ พ่อบ้านชราก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี คน ๆ หนึ่งจะให้คนอื่นได้มากขนาดนั้นโดยไม่สนใจเสื้อผ้าอาหารของตัวเองเลยงั้นหรือ? คุณหนูสองหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ขนมงาทอดก็คงไม่ถูกทำขึ้น ทุกวันนี้นายท่านไม่เพียงแต่มีกำลังใจกล้าแข็ง และบางทีขนมงาทอดก็อาจเป็นของที่เขาต้องการในตอนนี้
คิดดังนี้แล้ว หลี่หยินก็ถามขึ้น “คุณหนูสอง ยังมีขนมงาทอดเหลืออยู่หรือไม่ขอรับ? ข้าจะเอาไปให้นายท่านสักส่วน”
ซูเอ้อร์หยาหัวเราะและเอ่ยขึ้นทันที “ขนมงาทอดทั้งหมดถูกแม่บ้านหลี่ขายไปแล้วจ้ะ แต่ยังมีวัตถุดิบเหลืออยู่อีกมาก ข้าจะทำมันในตอนนี้ล่ะ รอสักครู่นะ”
“ฮ่า ๆๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยท่านขอรับ” หลี่หยินหัวเราะอย่างใจดี “ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูสองทำอาหารเลย”
ดวงตาของซูเอ้อร์หยาเป็นประกายเล็กน้อย แต่นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นท่านก็ดูข้าไปนะ!”
หลี่หยินหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ในใจกลับเอ่ยกับตัวเอง “สาวน้อยคนนี้มีความมั่นใจในการทำอาหารที่ไม่ได้เห็นในเวลาปกติ เหมือนกับว่านางทำมันอย่างมีจุดประสงค์เลย…”
หลี่หยินที่เห็นเรื่องราวมาทุกซอกทุกมุมของประเทศรู้สึกถึงบางสิ่งได้อย่างเฉียบคมและรวดเร็ว เหตุบังเอิญที่ผ่านมาหลายเดือนทำให้เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้น
“ฉีเซี่ยนชิง ตาเฒ่านั้นลึกลับเกินไปแล้วและกลยุทธ์ของเขาก็ล้ำลึกนัก แน่นอนว่าข้าไม่อาจคาดเดาได้เลย”
หลี่หยินถอนหายใจเบา ๆ ในตอนนั้นที่เขาลงมือในเรือนตะวันตก เขาก็ได้เห็นช่องว่างระหว่างตัวเขากับฉีเซี่ยนชิง หากเขาต้องสู้กับอีกฝ่ายจริง ๆ เขาก็แน่ใจว่าไม่อาจโค่นเขาได้
ภายในครัว กลิ่นหอมเฉพาะตัวของขนมงาทอดได้ลอยฟุ้งอีกครั้ง หลี่หยินกลืนน้ำลายอย่างตะกละขณะมองดู เขาไปมาหลายที่และกินของอร่อยมามาก แต่ไม่มีสิ่งใดที่เทียบกับอาหารของคุณหนูสองได้เลย
คิดดังนี้แล้ว หลี่หยินก็รู้สึกว่าโชคดีแล้วที่เขาอยู่ในบ้านตระกูลซู อย่างน้อยความอยากอาหารของเขาก็ถูกเติมเต็ม
คอมเม้นต์