การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 36
LS ตอนที่ ๓๖
“เยี่ยมไปเลย! เราจะได้เห็นสามตระกูลต่อสู้กันเองเเล้ว ท่านลุง ท่านฉลาดนัก!” หลี่เว่ยเอ่ยและรีบจัดการเรื่องต่าง ๆ ในทันที
ด้วยการจงใจประโคมข่าวของหลี่เว่ย ข่าวเกี่ยวกับแม่ครัวอัจฉริยะของตระกูลซูก็แพร่กระจายเป็นวงกว้าง เรื่องต่าง ๆ ถูกคนทั้งหมดประโคม ตระกูลหยาง ตระกูลจู และตระกูลซูต่างปิดปากเงียบ
“ใครหน้าไหนมันทำเรื่องนี้กัน? ใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้?” ซูฮ่วนหลี่รู้สึกเดือดดาลนัก “โชคดีที่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องของเอ้อร์หยา พวกเขาคิดว่าจื่อเผยเป็นคนทำทุกอย่าง แต่ความจริงจะถูกเปิดเผยไม่เร็วก็ช้า พ่อบ้าน เจ้ามีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ไหม?”
หลี่หยินขมวดคิ้วมุ่นและคิดวิเคราะห์ “ข่าวนี้ไม่ดีต่อตระกูลจูหรือตระกูลหยางเลยขอรับ ข้าคิดว่าเป็นยุทธวิธีไม้ตายของผู้ปกครองมณฑล ตอนนี้ตระกูลจูกับตระกูลหยางอาจจะร้อนใจยิ่งกว่าเราก็ได้ขอรับ”
สีหน้าของซูฮ่วนหลี่เปลี่ยนเป็นจริงจัง “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาเยี่ยมเราในอีกไม่ช้าแล้ว”
“นายท่าน คนสองหน้าช่างรับมือได้ยากนัก จะเป็นการดีกว่าที่เราจะฉวยโอกาสตอนที่กำลังวุ่นวาย เราอาจจะได้อะไรบางอย่างจากเรื่องนี้ก็ได้ขอรับ”
สายตาของซฺูฮ่วนหลี่จับจ้องที่หลี่หยินราวกับเห็นเขาเป็นครั้งแรก เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อบ้านชราจะฉลาดขนาดนี้
หลี่หยินสะดุ้งและตระหนักว่าเขาอาจจะพูดมากเกินไป เขาจึงรีบเอ่ยเสริม “คำพูดเหล่านี้ฮูหยินหนึ่งเป็นคนวิเคราะห์ไว้แล้วขอรับ นางไม่อยากให้คุณหนูสามแต่งงานกับหยางเว่ย”
“นางจะตัดสินใจเพื่อตระกูลซูได้อย่างไร?” ซูฮ่วนหลี่พลันดูเกรี้ยวกราดขึ้นมา “นับจากตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่ฮูหยินหนึ่งพูด ได้ยินไหม?”
“ขอรับนายท่าน”
นายท่านต้องการข้ออ้างในการลงโทษฮูหยินหนึ่ง หลี่หยินก็แค่สนองให้เขาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
เช้าวันต่อมา รถม้าของตระกูลจูกับตระกูลหยางต่างหยุดที่หน้าประตูของบ้านตระกูลซูเกือบจะในเวลาเดียวกัน นายท่านทั้งสองมองหน้ากันและไม่เอ่ยอะไร พวกเขาต่างรีบตรงไปที่เรือนใหญ่ของบ้านตระกูลซู
ในเรือนรายล้อมไปด้วยผู้คุ้มกันจำนวนมากจากตระกูลซู นอกเหนือจากบรรดาสาวใช้ที่นำอาหารกลางวันมาให้แล้วก็ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ แม้แต่จูเหยียนก็ตาม นายท่านของทั้งสองตระกูลได้จากไปพร้อมกับก้มหน้า
น้องสาวของซูฮ่วนหลี่ ซูเยว่จู๋ ได้แต่งงานเข้าตระกูลหยางอันต่ำต้อย นางกับบุตรชายของนาง หยางเว่ย จากตระกูลหยางต่างตัดสินใจที่จะพักอาศัยต่อ
“พี่ชาย ข้าไม่ได้อยู่ที่บ้านของเรานานแล้ว อาเว่ยกับข้าขออยู่ที่นี่เป็นเวลาไม่กี่วันนะเจ้าคะ”
ซูเยว่จู่ยิ้มอย่างสุภาพ และซูฮ่วนหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเยว่จู๋จะอยู่อย่างไรเมื่อถูกตามใจ แม้เขารู้วัตถุประสงค์ของนาง แต่หัวใจของเขาก็อ่อนยวบและเห็นด้วยกับนาง
“ยังมีห้องว่างอยู่ในเรือนด้านตะวันตกอยู่ เจ้าเลือกห้องรับรองแขกอยู่สักห้องได้เลย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่” ซูเยว่จู่เอ่ยเสียงหวาน เมื่อนางมีอายุสามสิบต้นนางก็ได้บำรุงดูแลโฉมเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงดูเหมือนหญิงอายุยี่สิบปีอย่างมาก
“ขอบคุณท่านลุงขอรับ” หยางเว่ยทำความเคารพเช่นกันขณะยืนอยู่ด้านหลัง เขาดูอ่อนโยนและสง่างาม แต่ดวงตาของเขากลับหลุกหลิกอยู่ตลอด เห็นชัดว่าเขากำลังมองหาใครสักคนอยู่
ซูฮ่วนหลี่พลันมีสายตาเย็นชาและเอ่ยเตือนเสียงเข้ม “หลานข้า อย่าไปที่เรือนจินหยวนอีกเลย เช่นกันกับเจ้าด้วยเยว่จูู๋ เอ้อร์หยาได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อไม่กี่วันก่อนและต้องการการพักรักษาตัว”
“เอ้อร์หยาเป็นลูกสาวคนที่สองของพี่หรือ?” ซูเยว่จู๋ประหลาดใจ “ทำไมนางถึงได้อยู่ในเรือนจินหยวนล่ะเจ้าคะ?”
ซูฮ่วนหลี่กระแอมและไม่อธิบายอะไร ท้ายที่สุดซูเยว่จู๋ก็ทำได้เพียงจากไปพร้อมกับบุตรชาย
มีห้องหลายห้องในเรือนฝั่งตะวันตก และทุกห้องก็ได้รับการทำความสะอาดอย่างดีจากบรรดาสาวใช้ หลังปักหลักเรียบร้อยแล้วซูเยว่จู๋ก็พลันถามบุตรชายว่าเกิดอะไรขึ้นในเรือนจินหยวน
“ท่านแม่ ข้าบอกท่านไปแล้ว มีสาวน้อยแสนสวยคนหนึ่งอยู่ในตระกูลซู! แต่ข้าไม่คิดว่าชื่อของนางจะไม่เป็นที่สนใจขนาดนั้น” เมื่อกล่าวถึงสาวงาม หยางเว่ยก็มักจะตื่นเต้นเสมอ
“ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แค่มองหญิงสาวก็ทำให้เจ้ายึดติดได้ขนาดนี้แล้ว” ซูเยว่จู๋ดุเขาแต่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก “เจ้าแต่งกับนางทีหลังก็ได้ สิ่งสำคัญของเจ้าตอนนี้ก็คือต้องแต่งงานกับซูจื่อเผยในทันที!”
“ข้ารู้ขอรับ” เมื่อมารดาเอ่ยถึงซูจื่อเผย เขาก็พลันสูญเสียความสนใจในทันทีและรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา
ซูเยว่จู๋ไร้คำพูดไป บุตรชายของนางเป็นที่รักยิ่งเว้นแต่ว่าเขาเจ้าชู้เกินไป เรื่องนั้นไม่เป็นไร แต่ตัณหาของเขามีผลกระทบต่อธุรกิจของตระกูลหยาง อย่างเช่นสูญเสียโอกาสแรกที่จะได้ครองภัตตาคารไป๋เว่ยไป ผลที่เกิดขึ้นก็คือสถานการณ์น่าอับอายที่ทั้งสามตระกูลต้องมาเผชิญหน้ากัน
หลี่ซานเป่าไล่พ่อครัวทั้งหมดออกจากเมืองต้าซู เขาจ้างคนช่วยงานจำนวนมากแต่ไม่มีพ่อครัวสักคนหนึ่ง ซูจื่อเผยทำอาหารอร่อยได้ ดังนั้นตอนนี้นางจึงเป็นผู้กอบกู้คนเดียวที่เหลืออยู่
กล่าวกันว่าตระกูลที่ชนะใจซูจื่อเผยได้จะได้กำไรก้อนใหญ่จากภัตตาคารไป๋เว่ย!
“อาเว่ย บุรุษควรมุ่งสนใจในหน้าที่การงาน ถ้าเจ้าเป็นข้าราชการระดับสูง เจ้าก็สามารถแต่งงานกับสตรีที่เจ้าชอบกี่คนก็ได้” ซูเยว่จู๋อดไม่ได้ที่จะชักนำเขา “หากเจ้าแต่งงานกับซูจื่อเผย ทั้งภัตตาคารไป๋เว่ยก็จะเป็นของเจ้า ทุกคนในตระกูลซูจะเชื่อฟังเจ้า ซูเอ้อร์หยาก็จะเป็นของเจ้าด้วย”
“จริงหรือขอรับ?!” หยางเว่ยพลันเข้าใจกระจ่างราวกับตื่นจากความฝัน เขากุมมือซูเยว่จู๋ไว้แน่นและเอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะแต่งงานกับซูจื่อเผยแล้วล้วงเอาสูตรอาหารของนางออกมาให้หมด จากนั้นข้าก็จะหย่าจากนางแล้วแต่งเอ้อร์หยาเป็นภรรยา!”
จากนั้นเขาก็มองหาซูจื่อเผยด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ซูเยว่จู๋อึ้งไป ทำไมบุตรชายของนางถึงหลงใหลซูเอ้อร์หยาอย่างลึกซึ้งนัก? ความประทับใจของนางก็คือเอ้อร์หยาเป็นเพียงเด็กหญิงผอมแห้งน่าเกลียด ไม่ว่านางจะเปลี่ยนเเปลงไปมากขนาดไหนในหลายปี นางก็ไม่อาจเป็นนางฟ้าได้
แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไร มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโน้มน้าวบุตรชายให้ไล่ตามซูจื่อเผย ตอนนี้นางไม่อยากบั่นทอนความกระตือรือร้นของเขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หยางเว่ยก็กลับมาที่ห้องรับรองแขกด้วยท่าทางโมโห
“ท่านแม่ ข้าไม่เห็นน้องจื่อเผยเลย ท่านป้าหนึ่งขวางข้าไม่ให้ไปเรือนจินหยวนและบอกว่าน้องจื่อเผยกำลังเรียนเย็บปักถักร้อยอยู่ ไม่ใช่เวลาสมควรที่ข้าจะไปรบกวนนาง”
ซูเยว่จู๋กำลังงีบหลับอยู่ นางลืมตาขึ้นและสาวใช้ส่วนตัวที่นวดตัวรับใช้นางอยู่ก็ลุกขึ้นทันทีและออกไป พร้อมกับปิดประตูช้า ๆ
“ข้าลืมไปว่าพี่ชายของข้าแต่งงานกับจูเหยียน ตระกูลจูก็เป็นครอบครัวฝั่งยายของซูจื่อเผย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดีต่อตระกูลหยางของเราเลย” ตระหนักถึงเรื่องนี้ ซูเยว่จู๋ก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว
บุตรสาวทั้งหลายต่างใกล้ชิดกับมารดาของพวกนาง หากเป็นเช่นนั้นซูจื่อเผยก็ต้องทำตามคำแนะนำของมารดานางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ต่อให้อาเว่ยสำเร็จ ตระกูลหยางก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า
“ไม่เเปลกเลยว่าทำไมสามีข้าถึงท้อใจนักตอนบอกให้ข้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ บางทีเขาคิดว่ามันมีความหวังไม่มากนัก ไม่ว่ากรณีใด ๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้อาเว่ยแต่งงานกับจื่อเผย”
ซูเยว่จู๋ผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่ตระกูลหยางจะขึ้นมามีอำนาจแข็งแกร่งมากขึ้น
หากพี่ชายของข้ายังมีความคิดถึงอยู่บ้าง เขาก็จะแบ่งกำไรให้กับตระกูลหยาง ข้าจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้วกัน!
ดวงตาของซูเยว่จู๋สดใสมากกว่าเดิม นางรีบเดินออกไปหาตัวพี่ชาย และลืมไปสนิทว่าบุตรชายที่เข้ามาพบนางได้ออกจากห้องของนางไปนานแล้ว
ด้านนอกเรือนจินหยวน หยางเว่ยรู้สึกปวดหัวเพราะรอบเรือนถูกคุ้มกันอย่างหนาแน่น ตาเฒ่าซูฮ่วนหลี่จัดผู้คุ้มกันไว้หลายคนเพื่อคุ้มกันเขา ช่างหยาบคายอะไรเช่นนี้!
หยางเว่ยกระแอมสองทีและเดินไปที่เรือนจินหยวนแบบสุภาพบุรุษ ต่างงจากคราวที่แล้ว ครั้งนี้เขาถูกผู้คุ้มกันขวางไว้อย่างไร้ปรานีก่อนจะก้าวถึงหน้าประตูเสียอีก
“นายท่านสั่งพวกเราว่าไม่มีใครเข้าเรือนจินหยวนได้ในช่วงนี้ขอรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวท่าน”
หยางเว่ยรู้สึกโมโหจากความอับอาย “เจ้ากล้าดีอย่างไร! ข้าเป็นคุณชายหยางนะ นายท่านของพวกเจ้าก็คือท่านลุงของข้า แล้วท่านแม่ข้าก็เป็นน้องสาวของเขา เขาขวางข้าได้อย่างไร? ให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้!”
ผู้คุ้มกันยังไม่ขยับตัว ราวกับพวกเขาเป็นศิลาแข็งทึบด้านนอกบ้าน พวกเขาเมินคำพูดของหยางเว่ยเสีย
หยางเว่ยรู้สึกรำคาญขึ้นมาจนจะใช้กำลัง แต่เมื่อคิดถึงวรยุทธ์อันต่ำต้อยของตัวเองเขาก็ล้มเลิก เขาไม่ได้อะไรกับการต่อสู้กับผู้คุ้มกันจำนวนมาก หากเขาเสียหน้าต่อหน้าเอ้อร์หยามันก็จะไม่ใช่เรื่องดี
“หึ! คอยดูแล้วกัน!” หยางเว่ยเอ่ยและวิ่งหนีไปด้วยอาการหางจุกตูด แม่บ้านหลี่ที่อยู่ในสวนได้ลอบมองว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็หัวเราะ
“รูปโฉมของท่านไม่อาจมีใครเทียบได้ในโลกนี้จริง ๆ เจ้าค่ะ คุณชายหยางเห็นท่านเพียงครั้งเดียวก็หลงใหลท่านได้ถึงขนาดนี้”
ซูเอ้อร์หยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สานกำลังจิบชากลิ่นหอมพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย ท่านพี่หยางเป็นคนมักมากในกามนัก ข้าจำได้ว่าเขากับน้องสาวสามให้สัญญาว่าจะแต่งงานกันโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากบิดามารดา ตอนนี้สิ่งที่เขาทำช่างไร้คุณธรรมนัก”
“เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” แม่บ้านหลี่ได้ยินความลับนี้เป็นครั้งแรกก็ถึงกับอึ้งไป
“ข้าได้ยินมันตอนที่พวกเขาเอ่ยบนสะพานซานเหอ” ซูเอ้อร์หยากระพริบตาและวางหนังสือลงพลางเหยียดกาย “ถ้าข้าอยู่ในเรือนจินหยวนทุกวัน กระดูกกระเดี้ยวของข้าต้องพังแน่”
“พ่อบ้านบอกว่าข้างนอกอันตรายมาก นายท่านก็สั่งไม่ให้ท่านออกไป เขากำลังปกป้องท่านอยู่นะเจ้าคะ”
แม่บ้านหลี่หยิบกาน้ำชาขึ้นพร้อมกับน้ำเย็นและเอ่ยต่อ “ข้าเองก็รู้สึกถึงความไม่ปกติในช่วงนี้เจ้าค่ะ บรรยากาศช่างตึงเครียดเหลือเกิน คุณหนู ดูที่ผู้คุ้มกันด้านนอกเรือนจินหยวนสิเจ้าคะ แม้แต่ข้าก็ยังถูกค้นตัวตลอดไม่ว่าจะเข้ามาหรือออกไป”
“ข้ารู้แล้ว ข้าไม่ไปไหนหรอก”
ซูเอ้อร์หยายิ้มพลางหยีตา
คืนนั้นเองเงาดำก็เคลื่อนไหววูบเหนือเรือนจินหยวน ซูเอ้อร์หยาที่สวมหน้ากากและชุดท่องราตรีผ่านเรือนอาศัยของหลี่หยินไปอย่างเงียบกริบและเข้าไปในเรือนตะวันตกที่ซูจื่อเผยอาศัยอยู่
ขณะเดียวกันด้านหน้าของหน้าต่างห้องซูจื่อเผยก็มีคนในชุดดำยืนอยู่พร้อมกับมีดสั้นในมือส่องประกายแสงยามราตรี ทันใดนั้นเองคนในชุดดำก็มีสีหน้าเหี้ยมเกรียมและแทงมีดเข้าที่อกของซูจื่อเผยอย่างโหดเหี้ยม!
ทันใดนั้นเอง…
ร่างระหงในเงามืดปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึงและซัดเข้าที่ข้อมือของคน ๆ นั้น
คนชุดดำรู้สึกว่าทั้งแขนของเขาอ่อนแรงเนื่องจากพลังมหาศาลที่ซัดลงบนข้อมือจนไม่อาจถือมีดสั้นไว้ได้ “เคร้ง!” มีดสั้นก็ได้ตกกระทบกับพื้นกระเบื้องสีน้ำเงิน
ซูจื่อเผยตื่นนอนและเห็นชายสองคนในชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าต่าง นางหวาดกลัวมากและกรีดร้องออกมา เสียงนั้นเกือบจะแผดผ่านลำคอของนางและดังก้องไปทั่วทั้งบ้านตระกูลซู
“มีเหตุร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!”
คนในชุดดำไม่มีเวลาเก็บมีดสั้นขึ้น เขาวิ่งออกจากหน้าต่าง ซูเอ้อร์หยายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับซูจื่อเผยและหายตัวไป
คนในบ้านตระกูลซูต่างแตกตื่น ในไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็ดังอึ้ออึงไปทั้งบ้าน ห้องของซูจื่อเผยมีผู้คุ้มกันล้อมอยู่หนาแน่น ซูฮ่วนหลี่เดินมาถึงและพบมีดสั้นเล่มหนึ่งตกอยู่บนพื้น
คอมเม้นต์