การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 57
“ท่านแม่…ข้า…”
ซูจื่อเผยกำลังจะเอ่ย แต่มารดาของนางก็ปิดปากไว้แน่น “เจ้าติดกับดักใครบางคนแล้ว ไม่เห็นหรือ?”
“เป็นหลินเซียง!” ซูจื่อเผยตกตะลึง หัวใจของนางพลันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “นังสารเลว นางหักหลังข้า!”
ซูฮ่วนหลี่โกรธจัด เนื่องเพราะซูเยว่จู๋ช่างเหลวแหลก ซึ่งจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลซู แม้แต่ชื่อเสียงของซูหลี่ก็อาจได้รับผลกระทบ และพลอยกระทบกับกิจการตึกไป๋เว่ยไปด้วย
“เป็นเรื่องอื้อฉาวที่ยิ่งใหญ่นัก!”
“นายใหญ่ตระกูลหยางถูกตีท้ายครัว น่าสงสาร!”
“หยางเว่ยเป็นถึงผู้บังคับบัญชา หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาก็อาจจะเสียตำแหน่งทางราชการได้เลย…”
“…”
แขกที่จากไปแล้วต่างถกเถียงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทุกคำพูดก็เข้าหูของซูหลี่ที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านตระกูลหยาง
“เรื่องอื้อฉาวของซูเยว่จู๋ถูกเปิดเผยแล้วหรือ?”
ซูหลี่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อนางนึกถึงเสียงผิดปกติที่เรือนด้านหน้า นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพิกล ชาถ้วยนั้นซูเยว่จู๋เป็นคนดื่มเข้าไปงั้นหรือ?”
“อาหลี่ ทำไมเจ้ามายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
ซูฮ่วนหลี่เดินออกจากบ้านและพบซูหลี่ โดยมีจูเหยียนกับซูจื่อเผยตามหลังเขา
ซูหลี่จ้องมองซูจื่อเผยและพลันอธิบายเรื่องนี้กับบิดา “ข้าดื่มหนักและรู้สึกเวียนหัวก็เลยออกมาสูดอากาศหน่อยเจ้าค่ะ เอ่อ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ? ข้าได้ยินจากแขกพวกนั้น…”
“หึ ท่านน้าเจ้าทำเรื่องงามหน้าเข้าน่ะสิ!” ซูฮ่วนหลี่ดูจริงจังและสะบัดแขนเสื้อ “พวกเรากลับ อย่าพูดกับท่านน้าเจ้าอีกเลยนับแต่บัดนี้หากไม่อยากมีปัญหา”
ซูหลี่พยักหน้าด้วยอารมณ์หลากหลาย หลังจากที่นางฟื้นคืนชีพ หลายสิ่งหลายอย่างก็พลิกผันจากชีวิตชาติที่แล้วเนื่องเพราะการกระทำของนาง นางยังจำได้เลือนรางว่าในชีวิตชาติที่แล้ว ซูเยว่จู๋ถูกเปิดโปงราวสองปีหลังจากนั้น
วันต่อมา ซูหลี่ก็กลับเรือนจินหยวนหลังจากเรียนคาบเช้าเสร็จ นางเห็นแม่บ้านหลี่รีบพุ่งมาหานางอย่างเร็วรี่และกระซิบข้างหู “คุณหนู ข่าวฉาวของตระกูลหยางแพร่กระจายไปแล้วเจ้าค่ะ กลายเป็นว่าคุณชายหยางใส่ยาปลุกให้แม่ของตัวเองกิน คุณชายหยางช่างเป็นไอ้เวรตะไลจริง ๆ นะเจ้าคะ เขาทำแบบนี้กับแม่บังเกิดเกล้าได้อย่างไร?!”
“โอ้?”
ซูหลี่เลิกคิ้วและเข้าใจในเหตุและผลอย่างรวดเร็ว หลี่ชานเป่าไม่เคยชอบหยางเว่ยเลย ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด หลี่ชานเป่าก็จะเลี่ยงเขียนจดหมายถึงเจ้าเมืองประเทศราชเพื่อกล่าวหาหยางเว่ย
ข้าราชการดินแดนต้าฮั่นให้ความสนใจอย่างมากเมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องความกตัญญูรู้คุณและความซื่อสัตย์ หยางเว่ยได้ทำลายข้อห้ามใหญ่ไปหนึ่งข้อแล้ว ตำแหน่งราชการของเขาต้องหลุดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้เขามีเส้นสายกับใครสักคนในที่ทำการมณฑลก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้
“แต่ปราศจากความช่วยเหลือของหยางเว่ยแล้ว ตึกไป๋เว่ยก็จะตกอยู่ในอันตราย”
ซูหลี่ย่นคิ้ว แม้นางจะเกิดใหม่และรู้เหตุการณ์ใหญ่แล้ว นางก็ไม่ใช่เทพยดา สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแท้จริงแล้วอยู่นอกเหนือความคาดหมาย
ภายในจวนว่าการแผ่นดินตอนนี้…
หลี่เว่ยมีความสุขนักและนั่งลงบนเก้าอี้จนเกิดเสียงลั่นเอี๊ยด “ท่านลุง เรื่องนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ! ไม่มีหยางเว่ยแล้วเราก็สามารถชิงตึกไป๋เว่ยกลับมาได้อีกครั้ง!”
หลี่ซานเป่าแค่นเสียงเอ่ย “ตระกูลหยางไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจอีกแล้ว ไม่มีตระกูลจูกับตระกูลซูอยู่ในศาลหลวงเลย ข้ามั่นใจว่าตึกไป๋เว่ยจะต้องเป็นของข้า ไม่มีใครหยุดข้าได้หรอก!”
“ท่านลุง ตึกไป๋เว่ยไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วขอรับ มันทำกำไรได้เกือบสามพันชั่งต่อวันเลยทีเดียว ถ้าเรายึดมันได้ เราก็จะรวย!” หลี่เว่ยตื่นเต้นเสียจนหายใจหอบ “นี่เท่ากับกำไรสามเท่าของตึกไป๋เว่ยเมื่อก่อนเลยนะขอรับ!”
“แม่นางน้อยตระกูลซูช่างมีพรสวรรค์จริง ๆ” หลี่ซานเป่าส่ายหน้า ราวกับว่าทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของเข “ข้าจะขอให้นางจัดการร้านอาหารต่อไป การขายไก่ขอทานล้ำค่าไม่อาจถูกขัดขวางได้ และจำนวนที่ทำในแต่ละเดือนน่าจะเพิ่มขึ้นจึงจะขยายธุรกิจไปยังเมืองอื่นได้…”
จากสิ่งที่เขาพูด คนฟังก็จะคิดว่าซูหลี่เป็นคนรับใช้ตระกูลหลี่
หลี่ซานเป่าฝันถึงอนาคตอันสดใสและแทบจะตาลุกวาว
ในตอนนี้ผู้คุ้มกันด้านนอกก็ได้ถามเขา “นายท่าน มีจดหมายสองฉบับส่งมาจากเมืองหลวง บางทีผลสอบรอบคัดเลือกประจำปีคงออกมาแล้วขอรับ”
“นำมันมาให้ข้า!” หลี่ซานเป่าโบกมือและหัวเราะ
แม้ซูชิงถานจะมีฝีมือดี แต่โอกาสก้าวหน้าของเขาก็มีจำกัด ชายหนุ่มเช่นนั้นที่อาศัยในเมืองหลวงถือว่าเป็นคนธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกไปได้ เพราะหลี่ซานเป่าแน่ใจว่าซูชิงถานไม่สามารถสอบผ่านรอบคัดเลือกนี่เอง ตอนนี้เขาจึงวางแผนฮุบตึกไป๋เว่ยอย่างง่ายดาย
ส่วนข้อยกเว้นคือ หยางเว่ยโชคดี แต่ซูชิงถานอาจไม่โชคดีขนาดนั้น
ด้วยความคิดเหล่านี้อยู่ในใจ หลี่ซานเป่าก็เปิดผลสอบออกอ่าน เขาเหลือบมองชื่อที่อยู่ลำดับท้าย ๆ อย่างที่คิดไว้ ไม่มีชื่อของซูชิงถานอยู่ที่นั่น เขาพลันระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แน่ล่ะ เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ คนที่มาจากเมืองเล็กอย่างต้าซูจะสอบผ่านรอบคัดเลือกได้อย่างไร?”
หลี่ซานเป่ากำลังจะปิดผลสอบ แต่หลี่เว่ยก็ร้องออกมา “ท่านลุง ดูที่ด้านหน้าของผลสอบสิขอรับ!”
หลี่ซานเป่าอึ้งไปและทำตาม เขาพึมพำ “ซูชิงถานมีชื่ออยู่อันดับต้น ๆ เลยเรอะ?”
หลี่ซานเป่าตกใจเสียจนตาแทบถลน กระดาษผลสอบร่วงลงบนพื้น
ม้วนกระดาษคลี่ออก แล้วก็มีอักษรสามคำปรากฏอยู่บนแถวแรกเป็นที่สะดุดสายตาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ซูชิงถาน!”
หลังตกตะลึงไป หลี่ซานเป่าก็สงบสติและเหงื่อแตกพลั่ก ใครก็ตามที่มีชื่ออยู่ในอันดับแรกของการทดสอบรอบคัดเลือกจะสามารถข้ามขั้นตอนการสอบขั้นที่สองและได้เข้าเรียนในโรงเรียนระเบียบพิธีจีนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม จากนั้นเขาก็จะได้ไปอวิ๋นจิงเพื่อพบองค์จักรพรรดิและได้เข้าร่วมการสอบเข้าราชสำนักขั้นสุดท้ายที่มาตรฐานสูงที่สุด!
ตราบใดที่ผลสอบไม่ได้แย่ อย่างน้อยเขาก็ได้มีชื่อในตำแหน่งลำดับที่ห้า เทียบกับตำแหน่งราชการอันต่ำต้อยของเขาแล้ว ตำแหน่งนี้สูงกว่ามากนัก!
“เหล่าผู้เข้าสอบในการสอบรอบคัดเลือกปีนี้มีแต่คนธรรมดาหรืออย่างไรกัน? นี่เป็นเหตุทำให้ชื่อของซูชิงถานอยู่อันดับเเรกหรือเปล่านะ?!”
คอมเม้นต์