การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 63
ตอนที่ ๖๓
ฉู่ชิงหนิงพลันรู้สึกหนาวเยือก และรู้สึกเหมือนอสรพิษกำลังจ้องมองเขาอยู่ สัญชาตญาณลึกลับทำให้เขากระวนกระวาย รู้สึกราวกับเขาได้กลับสู่สนามรบในดินแดนหนานเจียง
“ประหลาดนัก! ข้าตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตอีกแล้วหรือ?”
ฉู่ชิงหนิงงงงวยแต่ไม่ได้ตระหนักเลยว่าที่มาของหายนะอยู่ข้างกายเขานี่เอง
ภายในเวลาสั้น ๆ รถม้าก็หยุดอยู่ที่หน้าตึกไป๋เว่ย ซูหลี่กับฉู่ชิงหนิงก้าวลงมาจากรถม้าและเดินเข้าไปในภัตตาคารพร้อมกัน พวกเขาพลันเป็นเป้าสายตาของแขกจนบรรดาเเขกต้องพากันกระซิบกระซาบ
“นั่นมันแม่นางซูหลี่นี่ นางงดงามเหลือเกิน!”
“ใครคือคุณชายข้างกายนางกัน? เขาดูแปลกหน้านัก เขาคือสามีของแม่นางซูหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร แม่นางซูเพิ่งจะอายุสิบห้าปี ไม่ใช่เวลาสมควรที่นางจะคิดถึงเรื่องแต่งงานเลย รอแค่ปีเดียวคนจำนวนมากก็มาขอนางแล้ว”
“หึ ข้าอยากรู้นักว่าคุณชายคนไหนจะถูกแม่นางซูเลือก”
“เป็นไปไม่ได้หรอก คุณชายถานติดอันดับแรกของการสอบคัดเลือก ตอนนี้ไม่มีใครในต้าซูสามารถคู่ควรกับทายาทตระกูลซูอีกแล้ว”
เมื่อฉู่ชิงหนิงได้ยินเสียงซุบซิบ รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้าง
ซูหลี่มีพี่ชายคนโตที่สอบติดอันดับแรกของการวัดระดับดินแดนต้าฮั่นในปีนี้ ทำไมหญิงแก่นั่นไม่บอกเขานะ?!
ถ้าเขาหลอกซูหลี่ให้แต่งงานสำเร็จ นั่นก็จะทำให้คุณชายถานโกรธ และเขาก็อาจตกอยู่ในอันตราย
เขาอาศัยอยู่ด้วยดีในวงการวรยุทธ์จากพลังยุทธ์ที่เขามี แต่ไม่ว่าเขาจะทรงพลังขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าสู้กับศาลหลวง เขายังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวอยู่นะ!
“ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่จะรับงานกำไรเยอะเช่นนี้เลย!”
ฉู่ชิงหนิงกำลังเศร้าโศก แต่เขาก็หยุดไม่ได้ เขาต้องแสดงต่อไป
“คุณชายอู่ ตึกไป๋เว่ยเป็นของตระกูลซูของเรา แม้มันจะเทียบไม่ได้กับจวนนายพลของท่าน แต่มันก็เป็นภัตตาคารชั้นเลิศที่สุดในเมืองต้าซูเจ้าค่ะ”
ซูหลี่แนะนำตึกไป๋เว่ยให้กับฉู่ชิงหนิงขณะที่พวกเขาเดินด้วยกัน ดูเหมือนนางจะชอบเขา นางแนะนำหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับตระกูลซูให้เขาฟัง
ฉู่ชิงหนิงเศร้าใจ เขาพูดกับซูหลี่ขณะมองไปรอบ ๆ คิดว่าจะหนีอย่างไรดี
ในตอนนี้ ฟ่างหยวนที่อยู่ในชุดบริกรก็เดินออกมาจากหอด้านหลังพร้อมกับจานใบหนึ่ง เมื่อเขาเห็นซูหลี่เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ทำไมซูหลี่ถึงมาที่ร้านอาหารล่ะ?
จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องที่ชายหนุ่มข้างกายซูหลี่ เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเขา เขาก็สะดุดจนเกือบจะทำจานร่วงพร้อมกับปากสั่นระริก
ทำไมเขาถึงมาที่เมืองต้าซูกัน? ดูเหมือนเขาจะอยู่ดีกินดีเมื่อดูจากเสื้อผ้าแล้ว…
ด้วยเรื่องนี้ในใจ ฟ่างหยวนจึงวางจานลงและจงใจตะโกน “คุณหนูสอง ข้ามาทักทายขอรับ”
การกระทำเสแสร้างพลันทำให้ซูหลี่เข้าใจ นางพยักหน้าเบา ๆ และหัวเราะในใจ นางไม่คิดเลยว่าคนสองคนนี้จะมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ดูเหมือนว่านางไม่สามารถฆ่าเขาได้แล้ว
ดวงตาของฉู่ชิงหนิงเบิกกว้างและร่างของเขาก็แข็งค้าง เขาเกือบจะลืมแสดงเป็นคุณชายผู้สำรวมไปแล้ว
“ทำไมฟ่างหยวนถึงมาเป็นบริกรในตึกไป๋เว่ย?! พลังยุทธ์ของเขาสูงกว่าข้า ทำไมเขาถึงยังอาศัยอยู่อย่างแร้นแค้นกัน?” ฉู่ชิงหนิงคิด
มองฟ่างหยวนด้วยสายตา ฉู่ชิงหนิงก็ไม่อาจละสายตาจนกระทั่งเห็นฝ่ายแรกให้สัญญาณเบื้องหลังเขา ทันใดนั้นซูหลี่ที่ยืนข้างกายเขาก็ยิ้มบาง
“ดูจากสายตาที่ท่านมองแล้ว ท่านตกหลุมรักบริกรของตึกไป๋เว่ยแล้วหรือเจ้าคะ? หากท่านชอบเขา ข้ายกเขาให้ท่านได้นะ”
ซูหลี่จงใจขึ้นเสียงตรงคำว่า ตกหลุมรัก ฉู่ชิงหนิงพลันกระวนกระวาย เขาไม่คิดเลยว่านางจะตีความพฤติกรรมผิดปกติของเขาผิด เขาไม่ใช่พวกตัดแขนเสื้อนะ
เฮยตันที่ติดตามพวกเขาถึงกับงุนงง ตั้งแต่ที่พวกเขามายังตึกไป๋เว่ย เขาก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่
หลังซูหลี่ปล่อยฉู่ชิงหนิงเดินไปรอบ ๆ นางก็จัดที่พักในห้องรับรองแขกและจากไปด้วยคำขอโทษ
เมื่อฉู่ชิงหนิงเห็นซูหลี่เดินไปที่ครัว เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากคำนวณเวลาแล้วเขาก็เฮยตันก็กระโจนออกจากหน้าต่างอย่างรวดเร็วและหายไปในตรอกมืด
“พี่ใหญ่ ทำไมเราถึงมาที่นี่ล่ะ?”
เมื่อเฮยตันเห็นว่ารอบกายมืดมิดไม่มีใครเขาก็หวาดกลัวขึ้นมา
“เจ้ากล้าหาญอยู่แล้ว ทำไมถึงกลัวขึ้นมาล่ะ?” ฉู่ชิงหนิงแค่นเสียงและมองไปรอบ ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเหมือนจะมองหาอะไรบางอย่าง
สีหน้าของเฮยตันแดงก่ำและกำลังจะสวดพี่ใหญ่ แต่เขาก็เห็นใครบางคนพลันปรากฏตัวตรงหน้าเขา เขาหวาดกลัวเสียจนพร้อมจะกรีดร้อง แต่ก็ถูกอุดปากไว้
“ชู่วว เงียบก่อน ข้าไม่ใช่คนร้าย”
หลังจากได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เฮยตันก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอกในใจ จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม
นี่ไม่ใช่บริการที่เอ่ยทักทายซูหลี่หรือ?!
เห็นฟ่างหยวนมีอาการสงบ ใบหน้าของฉู่ชิงหนิงก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ฝ่ายหลังเงียบอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหนีมา”
ฟ่างหยวนส่ายหน้า “เจ้าผิดแล้ว น้องสาวข้าต่างหากหนีมา ข้าเลยหนีตามนาง”
ฉู่ชิงหนิงพลันรู้สึกดีใจและกระซิบ “อาหลิงหนีไปด้วยหรือ?”
ฟ่างหยวนยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ
“เยี่ยม!” ฉู่ชิงหนิงอุทาน “เจ้าช่างยอดเยี่ยม ข้าเกือบจะตายแล้ว เจ้ามาที่นี่ด้วยการลองผิดลองถูกตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงกลายเป็นบริกรที่นี่ได้ล่ะ?”
ด้วยทักษะของเขาแล้ว ฟ่างหยวนสามารถอยู่ดีกินดีได้ด้วยการฆ่าเพื่อเงินเลย
ฟ่างหยวนส่ายหน้าและหัวเราะ “ข้ามีน้องสาวแต่เจ้าไม่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยู่ดีกินดีแล้ว แต่เจ้าควรระวังตอนที่ฆ่าคนนะ คนหลายคนในเมืองนี้ฝึกวรยุทธ์ล่ะ”
ฉู่ชิงหนิงรู้สึกอับอาย เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เฮยตันสับสนยิ่งกว่า ได้ยินว่าฉู่ชิงหนิงอยู่ดีกินดีเขาก็รีบเอ่ย “ที่ท่านพูดมาผิดแล้ว เราอยู่ในวัดเก่าบนถนนทางใต้และทนทุกข์กับการอดอาหาร เราไม่ได้อยู่ดีกินดีแบบบริกรหรอก!”
ฟ่างหยวนอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูด เขาพลันหัวเราะออกมา “ฉู่ชิงหนิง เจ้า…ฮ่า ๆๆๆ!”
ฉู่ชิงหนิงรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาทันที เฮยตันเผยจุดอ่อนออกมาแล้ว
ฟ่างหยวนหยุดหัวเราะและชี้มาที่เสื้อผ้าของฉู่ชิงหนิง “เสื้อผ้าเจ้าดูแพงนัก แล้วก็…ทำไมเจ้าถึงมีความสัมพันธ์กับตระกูลซูได้ล่ะ?”
“เรื่อง…มันยาวน่ะ”
ฉู่ชิงหนิงเกาศีรษะและรีบอธิบายว่าจูเหยียนให้เขาหลอกหลวงซูหลี่อย่างไรบ้าง
“ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมข้าถึงต้องแต่งตัวโอ่อ่าขนาดนี้!”
ฉู่ชิงหนิงดึงเสื้อผ้าออกและเสื้อผ้าขี้ริ้วก็เผยให้เห็น เขายิ้มขื่น
“ข้าทราบแล้ว ขอบคุณสำหรับคำอธิบาย”
ซูหลี่เดินออกมาจากมุมมืดและหัวเราะ ฉู่ชิงหนิงเห็นว่าสายตาของนางเปลี่ยนไป เขาหันหลังกลับและเห็นฟ่างหยวนมีอาการสงบอย่างยิ่ง เขาเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด “เจ้าทรยศข้า!”
คอมเม้นต์