การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 67
LS ตอนที่ ๖๗
ท่านยายตระกูลซูและฉุยเริ่มหลั่งน้ำตา ซูฮ่วนหลี่เห็นว่าจูเหยียนช่วยปิดบังการกระทำของเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลง เมื่อเขานึกถึงบุตรชายคนที่ห้าที่กำลังจะเกิดมา ความไม่พอใจที่มีต่อจูเหยียนก็ลดลง
สนทนากับจูเหยียนจนกระทั่งเย็นย่ำแล้ว ท่านยายตระกูลซูและฉุยก็กลับไปพักผ่อน
เมื่อท่านยายตระกูลซูและฉุยกลับมา ซูหลี่ก็รู้สึกได้ชัดว่าบรรยากาศในเรือนฝั่งตะวันตกของบ้านตระกูลซูได้เปลี่ยนไป หากเรือนตะวันตกอยู่ในสภาวะระส่ำระส่ายมาก่อน ตอนนี้มันก็อยู่ใต้ความควบคุมของท่านยายตระกูลซูและฉุยจนเกิดกำแพงแข็งแกร่งแผ่บรรยากาศเข้มงวดกวดขัดออกมาทุกที่
“ลูกชายข้า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เจ้าให้เรือนจินหยวนกับเอ้อร์หยาได้อย่างไร สถานที่นั้นมีไว้ให้หลานชายของข้านะ ถ้าเจ้าปล่อยให้ชิงฮ่าวอาศัยที่นั่นข้าจะไม่ว่าอะไรเลย แต่สำหรับเอ้อร์หยาแล้วไม่ได้!”
หลังเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ในบ้านตระกูลซูคร่าว ๆ ท่านยายตระกูลซูและฉุยก็พลันเดือดดาลขึ้นมาและนางก็มาคุกคามซูฮ่วนหลี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้เขารู้สึกปวดหัว
“อีกอย่างหนึ่ง เจ้าไม่ชอบให้สตรีบ้านตระกูลซูอ่านเขียน ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ? จื่อเผยเฉลียวฉลาดแต่เจ้าก็ไม่สอนนาง กลับสอนเอ้อร์หยาที่ด้อยกว่าแทน ข้าล่ะโมโหนัก!”
ซูฮ่วนหลี่ไม่รู้ว่าจูเหยียนพูดเกี่ยวกับซูหลี่อย่างไรบ้าง ท่านยายตระกูลซูและฉุยถึงได้เกลียดชังนางนัก นางรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่ในใจเมื่อคิดว่าซูเอ้อร์หยาที่ดูราวกับขอทานได้อยู่ในเรือนจินหยวนอันโอ่อ่า
ซูฮ่วนหลี่ยิ้มขื่น “ท่านแม่ เอ้อร์หยามีชื่อใหม่ว่าซูหลี่แล้วนะขอรับ ตอนนี้นางเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์และงดงามมากที่สุดในเมืองต้าซู นางดีกว่าจื่อเผยหลายเท่า หากนางไม่ได้เยาว์วัยเกินไป แม่สื่อก็จะมากันไม่ขาดสายเลยนะขอรับ”
“จริงหรือ? ที่นางดีอย่างที่เจ้าพูด เจ้าโกหกข้าหรือเปล่า?”
ท่านยายตระกูลซูและฉุยไม่เชื่อเรื่องนี้ ซูฮ่วนหลี่พยักหน้าและเอ่ยตอบ “ขอรับ ท่านแม่ อาเหยียนสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว ข้าจะจัดสำรับมือเย็นเลี้ยงต้อนรับท่านกลับในคืนนี้ และขอให้เอ้อร์หยามาด้วยเพื่อที่ท่านจะได้เห็นนางอย่างละเอียด”
“ก็ได้” ท่านยายตระกูลซูและฉุยรู้อยู่เช่นกันว่านางไม่อาจโน้มน้าวซูฮ่วนหลี่ในตอนนี้ได้ นางจึงทำเพียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในตอนกลางคืน ซูหลี่กลับมาจากข้างนอกและได้รับข่าวจากสาวใช้ในทันที หลังแน่ใจว่านางดูดีพอแล้ว นางก็บอกแม่บ้านหลี่ว่านางจะไปที่เรือนหลักแล้วนางก็ออกไปคนเดียว
ไกลออกไปจากเรือนหลัก ซูหลี่ได้ยินเสียงหัวเราะของท่านยายตระกูลซูและฉุย จูเหยียน และซูจื่อเผย บรรยากาศฟังแล้วช่างปรองดองอย่างยิ่ง
ซูหลี่เดินไปที่ประตูแล้วทั้งห้องก็พลันเงียบกริบ เมื่อท่านยายตระกูลซูและฉุยเห็นซูหลี่ นางก็ตะลึงไป อ้าปากค้างเสียจนกลืนโคได้ทั้งตัว นางไม่เห็นหน้าเด็กสาวมาหลายปี บุตรชายของนางไม่ได้หลอกลวงนางจริง ๆ ซูหลี่กลายเป็นสาวงามขนาดนี้แล้ว
จูเหยียนกับซูจื่อเผยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในเวลาเดียวกันราวกับเห็นศัตรู หลี่เยว่เหลียนมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้มขบขันและไม่พูดอะไร ซูชิงฮ่าวสนใจอยู่กับของทานเล่นจนไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศพิกล
“ซูหลี่มาที่นี่เพื่อคารวะท่านยายเจ้าค่ะ”
ซูหลี่ย่างเข้ามาใกล้และเอ่ยด้วยท่าทีอบอุ่น กิริยาของนางเทียบชั้นได้กับคนจากตระกูลสูง ทันใดนั้นเองท่านยายตระกูลซูและฉุยก็ตะลึงอีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นท่านยายตระกูลซูและฉุยก็ทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา นางยังรู้สึกรังเกียจขึ้นมาอีกด้วย
“ซูหลี่ นังมารยา เป็นอย่างที่อาเหยียนบอกไว้จริง ๆ ด้วย!”
จิตใจของผู้อาวุโสบางครั้งก็ยากที่จะเข้าใจ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกหรือไม่พวกเขาก็จะมองผู้คนด้วยมุมมองของตนเอง ตอนนี้นางอยู่ข้างจูเหยียนแล้ว นางก็ย่อมเชื่อคำพูดของนางมากที่สุดและไม่คิดว่าจูเหยียนโกหก
“ตอนนี้เจ้ามาถึงแล้ว นั่งลงสิ”
ซูหลี่พยักหน้าเบา ๆ และเห็นตำแหน่งของนางจึงนั่งลง ทันใดนั้นท่านยายตระกูลซูและฉุยก็ตวาดลั่น “หยุด! นั่นที่นั่งของเจ้าเรอะ? แหกตาดูดี ๆ สิ!”
ซูหลี่หยุดอย่างเก้กังและเหลือบมองอย่างสงสัย
โต๊ะถูกจัดตามลำดับความอาวุโสของตระกูล ท่านยายตระกูลซูและฉุยอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด จากนั้นก็เป็นซูฮ่วนหลี่ จูเหยียน หลี่เยว่เหลียน ซูชิงฮ่าว ซูหลี่ และซูจื่อเผย
ซูฮ่วนหลี่ไม่ได้มา ทำให้มีที่นั่งว่างสองที่ จึงไม่เป็นเรื่องผิดอะไรหากซูหลี่เลือกนั่งสองตำแหน่งหลัง แต่ท่านยายตระกูลซูและฉุยกลับกล่าวว่ามันผิด
ท่านยายตระกูลซูและฉุยแค่นเสียงเย็นจากนั้นก็เอ่ยกับซูจื่อเผยเสียงหวาน “จื่อเผย นั่งตรงที่ของพี่สาวสองเจ้าเสียสิ”
ซูจื่อเผยสะดุ้งด้วยอาการดีใจเนื้อเต้น “จริงหรือเจ้าคะ? ท่านยาย!”
ท่านยายตระกูลซูและฉุยหัวเราะอย่างใจดี “แน่นอน ท่านยายไม่โกหกเจ้าหรอก”
“ท่านยาย ท่านดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ!”
ซูจื่อเผยตอบเสียงหวานและรีบเคลื่อนที่ไปนั่งข้างซูชิงฮ่าว ซูชิงฮ่าวย่นจมูกและกระเถิบมาทางมารดา เขาเกลียดพี่สาวสามเพราะนางชอบรังเเกพี่สาวสองอยู่บ่อย ๆ
หลังนั่งลงแล้ว ซูจื่อเผยก็เหลือบมองซูหลี่ด้วยท่าทางหยิ่งผยองและมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นซูหลี่ยืนนิ่งอย่างเชื่อฟัง
ซูหลี่ ต่อให้ท่านพ่อชอบใจเจ้า ก็ยังมีท่านยายตระกูลซูที่เจ้าต้องต่อกรด้วย!
“เอาล่ะ เอ้อร์หยา นั่งลง!”
ท่านยายตระกูลซูและฉุยมองท่าทางเฉลียวฉลาดของซูหลี่และไม่อาจหาทางอื่นในการก่อกวนนาง คืนนี้เป็นอาหารมื้อค่ำแห่งการคืนสู่เหย้า และนางก็ไม่อยากให้บุตรชายต้องผิดหวัง สิ่งที่นางคิดมากก็คือเรื่องที่เด็กหญิงทำให้จูเหยียนต้องแท้งบุตรชายไปในหลายปีก่อนและยังคงนั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะหลักได้ นางช่างโชคดีอะไรเช่นนี้!
หลังจากนั้นไม่นาน ซูฮ่วนหลี่ที่ยุ่งอยู่กับกิจการของตนเองก็รีบเข้ามาและเห็นลำดับบนโต๊ะอาหาร เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสายตาของท่านยายตระกูลซูและฉุย เขาก็เข้าใจในทันทีและยิ้มกริ่มอย่างขมขื่นใจ เขาต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและนั่งลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอาล่ะ เริ่มทานได้”
ท่านยายตระกูลซูและฉุยออกคำสั่ง แล้วสาวใช้ทั้งหลายก็เริ่มวางอาหารบนโต๊ะทันที ที่มั่นใจอย่างหนึ่งก็คืออาหารตระกูลจูไม่ได้แย่ ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล
“อาเหยียน ตอนนี้เจ้ากำลังท้อง กินเยอะๆ จะได้แข็งแรง!”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่”
“จื่อเผย ทำไมเจ้าผอมนักล่ะ? ตอนนี้เจ้าขาดอาหารหรืออย่างไร? กินน่องไก่เสียสิ ชิงฮ่าว เจ้าเองก็เลือกน่องไก่อีกข้างไปนะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านยาย” ซูจื่อเผยกับซูชิงฮ่าวเอ่ยพร้อมกัน
ในระหว่างมื้ออาหาร ท่านยายตระกูลซูและฉุยก็แจกอาหารให้กับเด็ก ๆ น้ำแกงไก่ชามใหญ่ทั้งชามเป็นของจูเหยียนเสียส่วนใหญ่ น่องไก่ทั้งสองข้างถูกแจกให้กับซูจื่อเผยและซูชิงฮ่าว ปีกไก่ถูกแจกให้ซูฮ่วนหลี่ หลี่เยว่เหลียนได้ทานเนื้อและดื่มแกงไปครึ่งชาม
ส่วนซูหลี่นั้น นางไม่ได้ทานแม้กระทั่งน้ำแกง
คอมเม้นต์