การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 80
ตอนที่ ๘๐
“ไร้สาระ!”
หลังซูฮ่วนหลี่ได้ยินสิ่งที่แม่หมอพูด เขาก็เดือดดาลขึ้นมาจนทุบโต๊ะ “แม่หมอจ้าว ท่านพูดอะไรของท่าน? หากชีวิตบุตรสาวข้าชั่วช้าและแข็งแกร่งนักตระกูลของเราก็คงตายเพราะนางกันไปหมดแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมาบอกเราเช่นนั้นเลย!”
ในห้องโถงกลาง แม่หมอในชุดหลากหลายสีสันหดคอกลับและกระซิบอย่างจริงจังราวกับว่าสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริง “นายท่าน สิ่งที่ท่านพูดมาผิดแล้วเจ้าค่ะ ซูหลี่เป็นกาลกิณีต่อน้องชายของนางจริง ๆ นางดูกระชดกระช้อยแต่มีพลังหยินแรงกล้าบนหน้าผากของนาง นางจะต้องนำพาความเสี่ยงต่อการตายของน้องชายในสายเลือดมาอย่างแน่นอนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้น มีเพียงการแต่งงานของนางเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทามันได้! ยิ่งการแต่งงานย่ำแย่เพียงใด เด็กในท้องของฮูหยินหนึ่งก็จะโชคดีมากขึ้นเท่านั้น เด็กคนนั้นอาจได้ทะยานมีตำแหน่งใหญ่โตในโลกของข้าราชการและอาจมีตำแหน่งสูงกว่าคุณชายใหญ่อีกด้วยเจ้าค่ะ!”
แม่มดหมอผีมีฝีมือดีด้านการหลอกลวงผู้อื่น บอกกับน้ำเสียงชั่วร้ายของนางแล้ว สิ่งที่นางพูดต่างทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน
จูเหยียนรู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ลอบชมแม่หมออยู่ในใจ แม่หมอจ้าวมีฝีปากดีเหลือเกิน ซูฮ่วนหลี่ที่ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับมาก่อนก็เกือบจะเชื่อนางแล้ว
เมื่อท่านย่าซูและฉุยได้ยินสิ่งที่บุตรชายของนางพูด นางก็ไม่พอใจในทันที นางทุบโต๊ะพลางกรีดร้อง “ฮ่วนหลี่ เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไรหา? หากจะปกป้องเอ้อร์หยาก็ควรจะมีขีดจำกัดกันบ้าง ตอนนี้บุตรชายเจ้าอยู่ในท้องจูเหยียนแต่เจ้ากลับปกป้องซูหลี่ที่เป็นกาลกิณีต่อน้องชายของนางนี่นะ เจ้าแน่ใจหรือว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกอยู่? ข้าจะเริ่มเลือกสามีให้เอ้อร์หยาในวันนี้ล่ะ อย่ามาขวางข้าเลย!”
หลังท่านย่าซูและฉุยตวาดด่าซูฮ่วนหลี่ไปแล้ว นางก็จากไปด้วยความโกรธขึ้งและมีซูจื่อเผยตามไปช่วย นางเมินสนิทว่าตอนนี้ซูฮ่วนหลี่กำลังเดือดดาล
เมื่อท่านย่าซูและฉุยออกไปแล้ว แม่หมอจ้าวก็ออกไปเช่นกัน หลังจากนางเอ่ยอำลานางก็หันหลังกลับ
ในตอนนี้หลี่หยินที่ดูอยู่เงียบๆ จากด้านข้างก็เดินมาหาผู้เป็นนายแล้วกระซิบ “นายท่าน แคว้นต้าฮั่นอาจนับถือในสิ่งลี้ลับก็จริง แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าตระกูลซูของเราทำเรื่องน่าขันเพียงเพราะคำพูดของแม่มดหมอผีคนหนึ่ง คุณชายใหญ่จะถูกล้อเลียนเอานะขอรับ!”
“จูเหยียนจะยุยงท่านแม่ข้าได้อย่างไร? หากนางไม่ได้ตั้งครรภ์แล้วล่ะก็ ข้าจะหย่าจากนางซะ!” ซูฮ่วนหลี่สะบัดแขนเสื้อและเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า ต่อให้ท่านแม่ข้าหาคนที่จะมาเป็นเขยได้ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับงานแต่งหรอก”
หลี่หยินย่นคิ้ว ความคิดของนายท่านเหมือนจะมั่นคงยิ่งนักเพราะคุณหนูซูเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูลซู แต่สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาก็ฟังดูไม่จริงใจนัก
ทำไมนายท่านถึงไม่ส่งผู้คุ้มกันบางคนไปปกป้องคุณหนูสองในกรณีที่ท่านย่าคลุมถุงชนให้นางแต่งงานกับใครคนอื่นล่ะ? หลี่หยินส่ายหน้าและเดินจากไป “ช่างเถอะ ข้าจะส่งเสี่ยวจิ่วไปปกป้องคุณหนูสองอย่างลับ ๆ เอง เสี่ยวจิ่วตอนนี้ไม่ใช่คนของตระกูลซูแล้ว ถือว่าข้าไม่ได้ขัดคำสั่งของนายท่าน” หลี่หยินคิด
หลังหลี่หยินออกไป ซูฮ่วนหลี่ก็ไม่โกรธเคืองอีกและจมอยู่ในอาการจนปัญญา
บทเรียนทั้งหลายเกิดขึ้นแล้ว เขารู้ว่าเป็นภรรยาของเขาเองที่สร้างเรื่องยุ่งยากขึ้น เขาไม่ต้องการให้บุตรสาวแต่งงานกับชายผู้ต้อยต่ำหรือชายที่จะต้องอยู่ในตระกูลซูหลังการแต่งงาน หลี่งดงามกว่าจื่อเผยอีก หากนางไปที่อวิ๋นจิงนางก็จะต้องได้สามีฐานะร่ำรวย ซึ่งเป็นผลดีต่อสถานะของตระกูลซูอย่างแน่นอน
ซูฮ่วนหลี่รู้สึกสองจิตสองใจระหว่างมารดาบังเกิดเกล้ากับผลกำไรของตระกูลซู เขาเพียงหวังว่าชิงถานจะสามารถแก้ปัญหาได้เมื่อเขากลับมา
จูเหยียนกระจายข่าวว่าตระกูลซูจะเลือกบุตรเขย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าบุตรสาวคนใดของตระกูลจะแต่งงาน และมาตรฐานของการเลือกบุตรเขยก็ทำให้ทุกคนพากันอ้าปากค้าง
“ยิ่งตระกูลใดมีปัญหาทางการเงินก็จะยิ่งดี ตระกูลใดมีคุณธรรมต่ำก็จะยิ่งดี นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? แถมไม่จำกัดอายุด้วย!”
“ตระกูลซูกำลังคัดเลือกสามีให้กับซูจื่อเผยหรือ? แต่ตระกูลซูเป็นถึงตระกูลร่ำรวยตระกูลหนึ่งในเมืองต้าซู มาตรฐานพวกนี้ต่ำเกินไปนะ!”
“…”
บรรดาอันธพาลทางถนนทิศใต้ต่างตื่นเต้นหลังเห็นประกาศ จากนั้นจดหมายแนะนำตัวจึงได้ไหลหลั่งมาที่บ้านตระกูลซูราวกับเกล็ดหิมะ ซึ่งดึงดูดความสนใจของซูหลี่
“จูเหยียนกับท่านย่าซูและฉุยทำบ้าอะไรกันเนี่ย?” ฟ่างหยวนดูเป็นกังวลและครางออกมา “พวกนางอยากหาสามีให้กับเจ้างั้นหรือ? ร้ายกาจนัก!”
ซูหลี่ยิ้มบางและเอ่ยอย่างสงบ “ท่านเเม่ข้ามีความคิดเจ้าเล่ห์หลายอย่างแต่ก็แก้ไขได้โดยง่าย ข้าเกรงว่าจะต้องลำบากเจ้ากับชิงหนิงแล้ว”
ฟ่างหยวนรู้สึกพิกล เขาไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตรสาวช่างย่ำแย่ขนาดไหน
ขณะเดียวกันที่เรือนจินหยวน…
ซูจื่อเผยอ่านจดหมายทีละฉบับด้วยความลิงโลด นางเอ่ยกับท่านย่าเป็นครั้งคราว “ท่านย่า ฉบับนี้ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ ตระกูลของเขายากจนมาสามชั่วอายุคนแล้ว เขาเองก็ยากจนเกินกว่าจะมีอะไรทาน เขาเป็นขอทานขนานแท้ที่อายุปาเข้าไปสี่สิบปีแล้ว”
ท่านย่าซูและฉุยส่ายหน้าเอ่ยปฏิเสธ “ถึงอายุของเขาจะเหมาะสม เขาก็ไม่ได้เลวพอ ไม่เหมาะหรอก”
ในตอนนี้จูเหยียนก็เดินเข้ามาหาพวกนางด้วยท่าทางมีความสุขและเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ เจอคู่แข่งแล้วเจ้าค่ะ เขาเป็นคนตระกูลจูในถนนทิศใต้ คนรุ่นก่อนต่างเป็นนักพนัน พวกเขาทั้งหมดเคยทุบตีภรรยา สตรีที่แต่งงานกับครอบครัวของเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและมักจะตายอย่างรวดเร็ว ข้าพบว่ายังมีชายหนุ่มที่อายุเพิ่งจะเลยสามสิบปีในปีนี้และไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเขา ตอนนี้เขายังเป็นโสดอยู่เจ้าค่ะ”
ซูจื่อเผยปรบมืออย่างมีความสุขและเอ่ยขึ้น “ท่านย่า เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดเลยเจ้าค่ะ นักพนันจะต้องยากจนแน่ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจะต้องมีอารมณ์ฉุนเฉียวและมักทุบตีภรรยาของตัวเอง หลังจากที่พี่สาวสองแต่งงานแล้วนางจะต้องมีชีวิตที่ระทมทุกข์และเป็นผลดีต่อน้องชายในท้องของท่านแม่แน่เจ้าค่ะ!”
ดวงตาของท่านย่าซูและฉุยเป็นประกายเช่นเดียวกันพร้อมกับที่นางพยักหน้า “ข้าจะส่งคนไปคุยกับพวกเขา ให้พวกเขาขอแต่งงานกับเราในวันพรุ่งนี้! เป็นเช่นนี้แล้ว พรุ่งนี้ฮ่วนหลี่จะต้องออกไป แล้วข้าจะได้เป็นคนเห็นชอบกับการแต่งงานในฐานะตัวแทนของเขา”
ได้ยินสิ่งที่ท่านย่าซูและฉุยเอ่ย จูเหยียนกับซูจื่อเผยก็มองหน้ากันอย่างมีความสุข
แผนของพวกนางสำเร็จแล้ว!
***
ภายในลานอันเหม็นสาบของถนนทิศใต้ แม่บ้านตระกูลซูถึงกับอุดจมูกและเดินเข้าไปเพื่อรายงานว่าที่สามีของคุณหนูสอง จากนั้นนางก็รีบวิ่งออกมาราวกับผู้ลี้ภัย กลิ่นนั้น…ช่างเหม็นหึ่งนัก!
“ฮ่า ๆๆๆ!! ตระกูลซูไม่ได้หลอกข้าจริง ๆ ด้วย ข้าจะมีเมียแล้ว!”
ชายหนุ่มร่างผอมซีดมีหนวดเคราหรอมแหรมตรงคางกระโดดโลดเต้นและปัดสิ่งสกปรกบนกายออก เขาเผยรอยยิ้มของนักพนันออกมา “ข้าได้ยินว่าตระกูลซูมีสินสอดอยู่ หลังจากที่ข้าแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลซูแล้วข้าจะโชคดี แล้วข้าก็จะได้เล่นพนันให้เต็มที่ไปเลย ฮี่ๆๆ!”
“ไอ้ลูกโง่! เจ้ามีชื่อว่านักพนันจูในบ่อน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเทพแห่งการพนันหรืออย่างไร?”
จากนั้นนักพนันจูก็หัวเราะ เขาเดินออกมาพร้อมกับธนบัตรที่เพิ่งปล้นมาได้จากแม่บ้านตระกูลซู
ทันใดนั้นเอง เงาหนึ่งก็ฉายวูบตรงหน้าเขา!
“อ้ากกก!”
เสียงกรีดร้องของชายชรากับชายหนุ่มดังก้องเช่นเดียวกับกำแพงที่ปรากฏรอยเลือดสาดกระเซ็น
เช้าวันต่อมา จูเหยียนก็ลุกขึ้นแต่งตัวรอคอยตระกูลนักพนันจูเพื่อรับข้อเสนอแต่งงาน ท่านย่าซูและฉุยรอคอยด้วยรอยยิ้ม แม้แต่สินสอดก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว
แต่เมื่อตะวันฉายสูงบนท้องฟ้าก็ไม่มีใครมา จูเหยียนกับท่านย่าซูและฉุยรู้สึกโมโหเล็กน้อย พวกเขาต่างรู้ดีว่าครอบครัวนักพนันจูมีคุณธรรมต่ำเตี้ย แต่พวกนางก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมายื่นข้อเสนอขอแต่งงานช้าขนาดนี้
“ท่านย่าเจ้าคะ เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้วเจ้าค่ะ!”
แม่บ้านที่ถูกส่งไปแจ้งข่าวเมื่อวานนี้วิ่งมาหาพวกนางด้วยอาการตื่นตระหนก นางคุกเข่าลงบนพื้นและเอ่ยอย่างร้อนรน “ครอบครัวของนักพนันจูถูกฆ่าเมื่อวานนี้ในบ้านของพวกเขา! ข้าได้ยินว่านักพนันจูติดหนี้ไว้หลายอย่าง พวกเขาคงถูกเจ้าหนี้ฆ่าตายแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
จูเหยียนกับท่านย่าซูและฉุยอึ้งไป พวกนางไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
จูเหยียนดูมืดครึ้มอย่างยิ่ง พวกนางบอกข่าวพวกเขาเมื่อวานนี้ แต่ครอบครัวนักพนันจูกลับถูกฆ่าในวันนี้ ให้ตายสิ! หากพวกนางบอกข่าวกับครอบครัวนักพนันจูล่วงหน้าอีกหนึ่งวัน ซูหลี่ก็คงจะได้แต่งงานและถูกเจ้าหนี้ฆ่าตายแล้ว เป็นเช่นนั้นพวกนางก็จะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป!
แม้ข่าวตระกูลนักพนันจูจะถูกเจ้าหนี้ฆ่าตายจะเป็นเรื่องไม่คาดคิด แต่ท่านย่าซูและฉุยกับจูเหยียนก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเเปลก เพราะมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้วในถนนทิศใต้
“ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดตายไปแล้ว อาเหยียน ส่งจดหมายแนะนำตัวฉบับอื่นมาให้ข้า เลือกชายอีกคนหนึ่งกันต่อเถอะ” ท่านย่าซูและฉุยเอ่ยแม้นางจะรู้สึกโกรธจัด
“เจ้าค่ะ!” จูเหยียนรีบกลับเข้าไปในห้อง มีจดหมายแนะนำตัวจำนวนมากมาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหากมันจะหายไปสักฉบับ
ภายในตึกไป๋เว่ย ซูหลี่ก็ได้ข่าว ได้ยินฝีเท้าอันคุ้นเคยด้านนอกแล้วนางก็ไม่ได้หันกลับมาและเอ่ยขึ้น “ฟ่างหยวน ขอโทษด้วยนะที่รบกวนเจ้าแล้ว”
ฟ่างหยวนเดินเข้ามาหานางด้วยสายตาพิกลพลางถอนหายใจ “ข้าอยากตอบแทนบุญคุณของเจ้าจริงๆ นะ แต่พอข้าไปถึงที่นั่น ตระกูลจูก็ถูกฆ่าเรียบร้อยแล้ว”
อะไรนะ?
ซูหลี่จ้องนิ่งครู่หนึ่งจากนั้นก็ได้ยินสิ่งที่ฟ่างหยวนพูด “ชายที่ฆ่าตระกูลจูช่างโหดเหี้ยมอำมหิตนัก หลังจากที่เขาฆ่ายกตระกูลแล้ว ทั้งลานก็เต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธแค้นคนพวกนั้นมาก แต่ชายสองคนในตระกูลจูก็ชั่วช้านัก หากข้าฆ่าพวกเขา ข้าก็จะหวดทำลายศพให้เละเป็นการระบายความแค้นเหมือนกัน!”
ฟ่างหยวนบอกซูหลี่เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลจูที่เขารู้มาอย่างละเอียด
ซูหลี่ดูสงบนิ่งและดวงตาเหมือนจะฉายเป็นประกาย
“ท่านแอบช่วยข้าอยู่ใช่ไหม?”
นางอยากถามเหลือเกินแต่ว่า…ไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น
ด้านนอกหุบเขา หลิงโม่ได้เดินเข้ามาอย่างเย็นชา ทั้งตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือดและการสังหาร
ใกล้กับทางเข้าหุบเขา หลิงโม่สูดหายใจลึก รอยเลือดค่อย ๆ จางหายไป เขาเปลี่ยนร่างจากผู้นำกลุ่มเสวี่ยโหลวมาเป็นชายหนุ่มแข็งกระด้างคนหนึ่ง
“นายท่าน ข้ากลับมาแล้วขอรับ”
หลิงหลี่กำลังดิ้นรนที่จะรับพิษเข้าไป เมื่อเขาได้ยินเสียงของหลิงโม่ก็รีบกลืนพิษที่เหลืออยู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เดินลงมายังชั้นล่างและเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลิงโม่ย่นคิ้วและเอ่ยด้วยความโมโหโทสา “มารดาบังเกิดเกล้าของแม่นางซูหลี่ชั่วช้าเสียจนต้องการให้แม่นางซูแต่งงานกับนักพนัน ตระกูลนั้นช่างไร้ยางอายนัก นายท่าน ข้าเลยสังหารพวกเขาไปโดยที่ท่านไม่ได้อนุญาต โปรดลงโทษข้าด้วยขอรับ”
คำสั่งตอนแรกของหลิงหลี่ก็คือการเอ่ยเตือนเหล่าขอทานในเมืองต้าซูไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของตระกูลซู แต่หลิงโม่โกรธจัดเสียจนสังหารพวกเขาไป ซึ่งขัดต่อข้อห้ามของเจ้านาย
หลิงหลี่เงียบไปครู่หนึ่งแต่แล้วก็พลันยกยิ้ม “เจ้าทำงานได้ดีมาก! การฆ่าพวกมันถือได้ว่าเป็นการเตือนคนอื่น ๆ แต่มันก็ยังไม่พอหรอก ต่อไปสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ…”
ดวงตาของหลิงโม่ฉายประกายเจิดจ้ามากกว่าเดิม เขาหวังว่าจะเห็นแผนการของจูเหยียนล่มไม่เป็นท่า ตอนนี้นายท่านออกคำสั่งกับเขาแล้ว เขามีความสุขเหลือเกิน
คอมเม้นต์