การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 81
ตอนที่ ๘๑
ห้องตำราของเรือนจินหยวนเต็มไปด้วยจดหมายแนะนำตัว
หลังการคัดเลือกจดหมายหนึ่งวันเต็ม จูเหยียนกับท่านย่าซูและฉุยก็เหนื่อยอ่อนไปตาม ๆ กัน แต่ในที่สุดพวกนางก็เลือกตัวแทนที่เหมาะสมได้ คนผู้นี้มีลักษณะนิสัยแย่กว่านักพนันจูเสียอีก!
“บรรพชนของตระกูลหวังเป็นชาวนา รายได้ของครอบครัวนี้ต่ำเตี้ยนักและนาน ๆ จะได้สักหน ทายาทคนที่เก้าของตระกูลหวังมีอายุสี่สิบห้าปีและแต่งงานมาแล้วสองครั้ง ภรรยาทั้งคู่ถูกเขาทารุณกรรมจนถึงตาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ข่าว ผู้คนต่างคิดว่าทายาทเก้าของตระกูลหวังโชคร้าย” ซูจื่อเผยเอ่ยเสียงกร้าว
ท่านย่าซูและฉุยกับจูเหยียนต่างพยักหน้าและพวกนางก็ส่งแม่บ้านคนหนึ่งไปติดต่อตระกูลหวัง
อีกครู่หนึ่งต่อมา แม่บ้านชราก็กลับมาพร้อมสายตาพิกล นางเอ่ยขึ้น “ท่านย่ากับฮูหยินหนึ่งเจ้าคะ ข้าไปที่บ้านของทายาทเก้าแห่งตระกูลหวังแล้ว แต่ทายาทเก้าแห่งตระกูลหวังไม่ยอมรับว่าเขาส่งจดหมาย
จูเหยียนกับท่านย่าซูและฉุยอึ้งไปอีกครั้ง
เป็นเรื่องยากที่จะเฟ้นหาตระกูลที่ดีให้บุตรสาว แต่ทำไมมันกลับเป็นเรื่องยากในการหาอันธพาลคนหนึ่งด้วย? แปลกเกินไปแล้ว!
“หึ!”
ท่านย่าซูและฉุยใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองและเอ่ยขึ้นมา “ซูเอ้อร์หยาเป็นตัวกาลกิณีจริง ๆ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถหาสามีให้นางได้ อาเหยียน ส่งแม่บ้านของเจ้าออกไปด้วยสิ ให้พวกแม่บ้านไปตามหาตระกูลที่เหมาะสมมา!”
จูเหยียนปิตินัก นางรู้ว่าท่านย่าซูและฉุยจะละมาตรฐานและปล่อยให้ซูหลี่แต่งงานกับชายชั่วธรรมดา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา นางจึงส่งแม่บ้านทั้งหมดของนางออกไปทันที
ทุกคนในเมืองต้าซูต่างลอบหัวเราะใส่พวกนาง
ชื่อเสียงของบุตรสาวสามแห่งตระกูลซูเลวร้ายเสียจนแม้แต่ทายาทเก้าตระกูลหวังยังไม่เต็มใจแต่งงานกับนาง เรื่องนี้ช่างน่าขันนัก
ภายในชั่วพริบตาเดียว เวลาหนึ่งวันก็ผ่านไป ซูหลี่สังเกตสถานการณ์ที่ดำเนินไปแล้วก็ถามฟ่างหยวนเพื่อล้วงข้อมูลและไม่ทำอะไรอย่างอื่นอีก
เช้าวันต่อมา บรรดาแม่บ้านที่วุ่นวายกันทั้งคืนก็กลับมาที่บ้านตระกูลซูทีละคน พวกนางดูตกใจกันหมดทุกคน
“ท่านย่าเจ้าคะ นี่มันประหลาดมากเจ้าค่ะ ตอนที่ข้าไปหาครอบครัวเหล่านั้น พวกเขาต่างหวาดกลัวกันทั้งหมด พวกเขาไม่ยอมรับว่าส่งจดหมายแนะนำตัวไป และยังไม่เอ่ยถึงการแต่งงานด้วย”
“ท่านย่าเจ้าคะ ทางนี้ก็เหมือนกันเจ้าค่ะ! ข้ายังไม่ทันได้เดินเข้าไปในบ้านครอบครัวเหล่านั้น พวกเขาก็ขว้างปาก้อนหินใส่ข้าแล้ว!” แม่บ้านชราเอ่ยอย่างโกรธเคืองพลางกุมหน้าผาก
“ท่านย่าเจ้าคะ ตระกูลที่ข้าไปมาคือบรรดาอันธพาลที่มีชื่อเสียง แต่พวกเขากลับขาหักกันทั้งหมดและมีสภาพน่าอนาถนัก พอข้าพูดถึงเรื่องแต่งงาน พวกเขาต่างหวาดกลัวและไล่ข้าออกมาเจ้าค่ะ”
ยิ่งหญิงชราได้ยิน เพลิงโทสะก็ผุดปะทุ ในที่สุดนางก็ทนไม่ได้ต้องคว้าถ้วยชาขว้างปาลงบนพื้น!
“ข้ารู้แล้ว! ว่าทำไมทุกอย่างถึงบังเอิญนัก ที่แท้ก็มีใครบางคนช่วยเหลือนังสารเลวนั่นอยู่!”
จูเหยียนโกรธขึ้นมาเช่นกัน นางส่งคนไปสอดแนมซูหลี่ในหลายวันมานี้ แต่นางก็ได้ยินว่าซูหลี่ไม่ได้ออกจากตึกไป๋เว่ยและทำได้เพียงล้มเลิกสิ่งที่เกิดขึ้น
“ใครบนโลกนี้เป็นคนช่วยนางกันแน่?”
จูเหยียนงุนงง ซูหลี่ถูกนางทรมานมาตั้งแต่ยังเด็ก นางไม่มีสหายเลยสักคน แล้วใครรบางคนได้ข่าวนี้ทันเวลาแล้วให้ความช่วยเหลือนางอย่างลย ๆ ได้ยอ่างไร
คิดดังนี้แล้ว จูเหยียนก็พลันนึกขึ้นได้ถึงรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของซูหลี่
“บางทีคุณชายบางคนอาจชอบนางและมองนางมานาน เขาเลยแอบช่วยนางอย่างลับ ๆ เพื่อหยุดยั้งข้า!”
ยิ่งจูเหยียนคิดในเรื่องนี้ มันก็ยิ่งใกล้เคียงความเป็นไปได้ จริงสิ ซูหลี่งดงามโดดเด่นในเมืองต้าซู เป็นเรื่องยากที่นางจะไม่เป็นที่สังเกต! คนหลายคนต่างชื่นชมในความงามของนาง! ซึ่งจูเหยียนนึกไม่ออกเลยว่าเขาเป็นใคร
จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอันกระอักกระอ่วน
เมื่อจูเหยียนเห็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายคุกเข่าอยู่บนพื้นนางก็โมโหจัด นางวางแผนด้วยความยากลำบากมานาน และไม่คิดเลยว่าจะมีอุปสรรคมากขนาดนี้ ซูเอ้อร์หยาเป็นตัวซวยของนางจริง ๆ น่ะหรือ?
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็อย่าพูดถึงเรื่องแต่งงานอีกเลย”
หลังท่านย่าซูและฉุยขว้างถ้วยชาแตก นางก็เหมือนจะสงบลงและเอ่ยขึ้น “อาเหยียน อย่าโกรธไปเลย ลูกในท้องเจ้าจะได้รับผลกระทบเอานะ ข้าจะช่วยเจ้าแก้ปัญหานี้เอง”
ท่านย่าซูและฉุยแสยะ
นอกจากการแต่งงานแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้ซูหลี่มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ทำไมต้องจมอยู่กับวิธีเดียวด้วย?
เมื่อจูเหยียนเห็นท่านย่าซูและฉุยจะเป็นฝ่ายจัดการซูหลี่ นางก็มีความสุขอยู่ลึก ๆ และเอ่ยขึ้น “สาวน้อยผู้นั้นโชคดีได้ไม่ตลอดไปหรอก ข้าต้องบำรุงครรภ์ ดังนั้นขอโทษด้วยนะเจ้าคะที่ไม่สามารถช่วยท่านได้”
เมื่อท่านย่าซูและฉุยมองท้องที่ป่องนูนเล็กน้อยของจูเหยียน นางก็ดูอ่อนโยนลงในทันทีพร้อมกับเอ่ยตอบ “ข้าจัดการมันเอง! ในเมื่อฮ่วนหลี่ไม่ช่วยเหลือเจ้า ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง!”
ในอดีตที่จูเหยียนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ท่านย่าซูและฉุยได้บอกให้บุตรชายของนางแต่งงานกับสตรีอีกคนหนึ่งเพื่อสืบทอดสกุล คิดดังนี้แล้วนางก็รู้สึกผิด ในที่สุดเมื่อจูเหยียนตั้งครรภ์ นางก็ให้กำเนิดบุตรสาวคือซูหลี่ ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญนัก!
นางไม่ตำหนิจูเหยียนแต่ระบายโทสะลงกับซูหลี่แทน หากท่านย่าซูและฉุยไม่หยุดยั้งบุตรชายจากการเข้ามายุ่งในเรือนตะวันตกได้ ซูหลี่ก็คงจะไม่มีความเป็นอยู่น่าอนาถ
หลังจากนั้นจูเหยียนก็วางแผนทำให้ซูหลี่กลายเป็นแพะรับบาป ความรู้สึกของท่านย่าซูและฉุยเกี่ยวกับซูหลี่จึงเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นเกลียดชัง
ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้จูเหยียนจะไม่ขอให้แม่หมอพูดอะไรไร้สาระ ท่านย่าซูและฉุยก็จะมาพร้อมกับความคิดแย่ ๆ บางอย่างที่สร้างปัญหาให้ซูหลี่ จูเหยียนในตอนนี้มีเหตุผลที่สมควรแล้ว
หลังเรื่องขบขันจบลง ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นปกติ เรื่องอื้อฉาวของซูจื่อเผยผู้ไม่มีใครเต็มใจอยากแต่งงานด้วยได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองต้าซู แต่นางไม่รู้เรื่องนี้ นางยกหินหนักเพียงเพื่อพบว่ามันหล่นทับเท้าของนางเอง
กิจการของตึกไป๋เว่ยเป็นไปตามปกติ ชื่อเสียงของไก่ขอทานค่อย ๆ กระจายไปยังเมืองอื่นอีกหลายเมือง แต่การขนส่งจากตระกูลซูเป็นเรื่องจำกัดและซูหลี่ก็ได้เงินสำรองจากอาหารในทุกสองเดือน ซูฮ่วนหลี่จึงไม่มีเงินที่จะหมุนในธุรกิจ
เมื่อนับเวลาแล้ว ซูหลี่ก็คาดการณ์ว่าหลิงหลี่น่าจะถอนพิษเกือบหมดแล้ว วันหนึ่งหลังจากที่นางเสร็จธุระของตึกไป๋เว่ย นางก็มาที่หุบเขาและได้กลิ่นของดอกไม้
“นี่มันเหล้ากุ้ยฮวา!”
ซูหลี่จำได้ว่านางละเลยปัญหาใหญ่ยิ่งเสียแล้ว เมื่อนางเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในลาน นางก็เห็นหลิงหลี่ถือคนโท โดยที่มุมกำแพงมีไหสุราเปล่าวางอยู่!
ซูหลี่โมโหขึ้นมาในทันที สุรากุ้ยฮวาทั้งไหถูกหลิงหลี่เอาไปดื่มหมดภายในไม่กี่วัน!
ฉู่ชิงหนิงเดินออกมาทางด้านหลัง เมื่อเขาเห็นซูหลี่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน เขาก็รีบยิ้มฝืดและเอ่ยทัก “ซูหลี่ ในที่สุดเจ้าก็…อึก…”
กลิ่นเหล้าพลันอวลขึ้นมาจากลำคอของฉู่ชิงหนิง เขารีบปิดปากและวิ่งหนีไป
“หมดกันสุราของข้า”
ซูหลี่สงบนิ่ง แต่หลิงหลี่รู้ว่านางกำลังโกรธ เขายืนขึ้นพร้อมกลิ่นเหล้าหึ่งและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมักเหล้าให้เจ้ามามากและสอนคนพวกนั้นให้รู้จักหมักเหล้าด้วย ยกให้ข้าสักไหเป็นรางวัลหน่อยจะเป็นไรไป?”
ซูหลี่เงียบไป เมื่อนางจ้องมองใบหน้าขาวที่กลับคืนเป็นปกติของหลิงหลี่ บรรยากาศชวนอับอายที่ไม่อาจอธิบายได้ก็ค่อย ๆ อวลซ่าน
รอยยิ้มของหลิงหลี่แข็งค้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมนางจึงไม่โกรธเลยล่ะ? หรือว่านาง…วางยาลงในเหล้าของเขา?!
“วันนี้เจ้าทานยาแล้วหรือยัง?”
หลิงหลี่พยักหน้าในทันทีและถูกดึงตัวออกจากลานก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว
การสัมผัสเนื้อตัวกันอย่างฉับพลันทำให้ใบหูของหลิงหลี่กลายเป็นสีแดง เขาเอ่ยอย่างขัดเคือง “เจ้าจะทำอะไรน่ะ? ข้าทานยาแล้วจริง ๆ นะ!”
ซูหลี่เงียบตลอดทาง เหล่าเด็กชายทั้งหมดที่เห็นเข้าก็ประหลาดใจและขึ้นไปบนตึกไม้ไผ่
“เจ้าต้องการทำบ้าอะไรกันแน่?!”
หลิงหลี่สะบัดมือซูหลี่ออก พลังยุทธ์ของเขายังถูกสะกดไว้ ทำให้เขาล้มลงบนเตียงแล้วใบหน้าของเขาก็ยิ่งแดงขึ้น ซูหลี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่?
ซูหลี่มองมือขวาของนางที่หลิงหลี่สะบัดออกและเอ่ยเบา ๆ “แน่นอนสิ ข้ารู้ว่าท่านทานยาทุกวัน ไม่อย่างนั้นแล้วเป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านจะกลับมามีผิวสดใส ข้าเตรียมพิษที่ท่านต้องดื่มในวันนี้ไว้แล้ว”
จากนั้นซูหลี่ก็ไม่พูดอะไรกับหลิงหลี่อีก นางหันหลังกลับและจดจ่ออยู่กับการเตรียมพิษ
หลิงหลี่ยืนขึ้นมองภาพเบื้องหลังซูหลี่ เขาพลันรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา ดูเหมือนว่านานมาแล้วมีบุคคลเช่นนี้อยู่ร่วมกับเขา ดูแลเขา และปรุงอาหารให้เขา
ปรุงอาหาร? เหอะ!
หลิงหลี่พลันหน้าซีด ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือซูหลี่ไม่ใช่อาหารแต่เป็นยาพิษขนานแท้! เขาติดเชื้อซูหลี่เข้าแล้วหรือ? ทำไมเขาถึงมีความคิดไร้สาระเช่นนี้?
“ในชาติที่แล้วเหรอ? ข้าไม่อยู่โลกนี้ในชาติที่แล้ว ดังนั้นไม่มีคนแบบนั้นหรอก…”
หลิงหลี่สะบัดศีรษะไล่ความคิดของเขา ในตอนนี้ซูหลี่ก็หันกลับมาพร้อมกับของเหลวสีสดขุ่นคลั่กเต็มขวด
สีหน้าของหลิงหลี่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รสชาติของเหลวนี้จะต้องย่ำแย่แน่ ๆ
“ดื่มซะสิ!”
ซูหลี่ยื่นขวดให้หลิงหลี่อย่างเย็นชา
หลิงหลี่เหลือบมองสีหน้าไร้อารมณ์ของซูหลี่และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็หยิบขวดมาแล้วกระดกดื่ม!
“อึก…”
หลังดื่มพิษเข้าไปทั้งหมด หลิงหลี่ก็นิ่วหน้า
ขม!
โคตรขม!
เขาไม่ปล่อยให้พิษอยู่ในปากนาน แต่ลิ้นของเขาชาดิกและรับรู้ได้ถึงความขมที่ไม่อาจทานทน ใบหน้าของซูหลี่ไร้ซึ่งอารมณ์ เว้นแต่แววตาที่ปรากฏแววร้อนใจ นางสังเกตปฏิกิริยาของหลิงหลี่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความขมในปากของหลิงหลี่ก็จางลง เขานั่งไขว้ขาบนเตียงและรอดูปฏิกิริยา ทุกครั้งที่เขาดื่มพิษเข้าไป ท้องของเขาจะปวดอย่างรุนแรงราวกับมีใครทึ้งดึงอวัยวะภายใน เป็นความทรมานอย่างใหญ่หลวง
แต่หลิงหลี่เป็นคนทนทายาด แม้ความเจ็บปวดจะรุนแรง แต่มันก็ไม่เกินขีดจำกัด เขาตัดสินใจแล้วว่าครั้งนี้จะไม่ทำตัวโง่งมต่อหน้าซูหลี่เด็ดขาด!
แต่ครั้งนี้ต่างจากคราวที่แล้วอย่างเห็นชัด
หลิงหลี่รออยู่นานแต่ก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เกิดขึ้น ขณะที่เขากำลังจะถาม เขาพลันหนาวเยือกขึ้นมาราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“หนาวเหลือเกิน! นี่มันพิษเย็นหรือ?”
หลิงหลี่อดไม่ได้ที่จะคู้กาย คิ้วของเขาพลันปกคลุมด้วยผลึกน้ำแข็งและริมฝีปากก็กลายเป็นสีม่วงจากความเย็น ชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ก่อตัวขึ้นบนกาย
“เกิดอะไรขึ้น?!”
หลิงหลี่อยากมองหน้าของซูหลี่แต่พบว่าแม้แต่ดวงตาก็ยังแข็งจนยากที่จะกลอก อวัยวะของเขาเหมือนจมอยู่ในธารน้ำแข็งหมื่นปี เขารู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อ คงไม่นานนักก่อนที่เขาจะแข็งตาย
เขาอ้าปากแต่หายใจไม่ออก แล้วก็ยิ้มเศร้า “เฮ้อ เจ้า…ต้องการฆ่าข้าจริงๆ ด…”
ในตอนนี้ริมฝีปากสีแดงสดก็ได้ประกบปากของหลิงหลี่ไว้ เขาพลันเบิกตากว้างและตะลึงค้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาคือนักฆ่าเลื่องชื่อหลิงหลี่และทายาทกลุ่มหยินโม่ แต่เขากำลังถูกแม่นางจากเมืองเล็ก ๆ คนหนึ่งจูบ!!
ขณะเดียวกันหลิงหลี่ก็รู้สึกว่ามีของเหลวไหลมาจากซูหลี่ราวกับลาวาที่ไหลผ่านร่างกายของเขา น้ำแข็งบนกายเริ่มหลอมละลายในทันที ตึกไม้ไผ่เต็มไปด้วยไอน้ำและควันราวกับบ่อน้ำร้อนที่มีควันกรุ่น
“นี่คือการถอนพิษของวันสุดท้าย…” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของหลิงหลี่ เขาพลันรู้สึกว่าพิษสายสุดท้ายในร่างได้สลายกลายเป็นอากาศธาตุและพลังยุทธ์ก็เริ่มหมุนเวียนโดยอัตโนมัติ
ตู้มมม!!
คอมเม้นต์