การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 84

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 84 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๘๔

 

เสียงลมได้หายไปครู่หนึ่งและกลายเป็นความเงียบอันน่าอึดอัด

 

มองดวงตาดำขลับของหญิงสาวแล้ว หัวใจของหลิงหลี่ก็เต้นระรัวบ้าคลั่ง เขาเกือบมั่นใจในตัวตนของหญิงสาวตรงหน้าของเขาแล้ว แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูหลี่ ทั้งมือและเท้าของเขาก็เย็นเฉียบ

 

ดวงตาของซูหลี่มืดครึ้มและฉายประกายความสงสัยขึ้นมาวูบหนึ่ง หลังเงียบไปพักหนึ่งแล้วนางก็พลันเอ่ยเยาะตัวเองเรื่องที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาให้ชัดเจนและไม่รู้เรื่องใด ๆ “ใครคือเสวี่ยหรือ?…แล้วนางเป็นอะไรกับท่าน?”

 

หลิงหลี่ประหลาดใจ ข้าผิดงั้นหรือ? เขาต้องการจับผิดสีหน้าของซูหลี่แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง

 

ซูหลี่ระเบิดหัวเราะเสียงต่ำเป็นชุด น้ำเสียงสงบเย็นกำลังแสดงให้รู้ถึงโทสะที่กำลังเดือดปะทุ “ข้าทำมามากขนาดนี้แต่ท่านกลับคิดว่าข้าคือเสวี่ย…”

 

หลิงหลี่ไม่ได้ตระหนักถึงความจริงจังของเรื่องนี้ เขากระแอมไอและเอ่ยขึ้น “อย่ามองข้าผิดไปเลย ข้าเเค่ถามเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่ใช่ก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียเถอะ”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิงหลี่ก็เห็นหญิงสาวขว้างของบางอย่างมา เขาหยิบมันอย่างไม่รู้ตัวและแบฝ่ามือออก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที มันคือป้ายผู้นำที่เขาเพิ่งให้นางไป

 

จากนั้นสตรีนางนี้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบเรียบเย็น

 

“ท่านว่าที่ผู้นำหลิงมอบป้ายหยกให้เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงนี่เอง ตอนนี้ท่านก็รู้ไว้เสียว่าข้าไม่ใช่นาง ข้าเองก็ไม่อาจรับป้ายหยกไว้ได้ ในเมื่อท่านจะจากไปในวันพรุ่งนี้แล้วท่านก็ควรจะพักผ่อนเสีย”

 

จากนั้นซูหลี่ก็ยิ้ม นางโบกมืออย่างสุภาพแทนที่จะแสดงอาการฉุนเฉียวหยาบคาย

 

“ไว้เจอกันอีกครั้งชาติหน้าตอนบ่าย ๆ นะหลิงหลี่”

 

จากนั้นซูหลี่ก็หันหลังกลับโดยไม่ลังเลและหายไปอย่างช้า ๆ ไปกับทางเดินสู่หุบเขา

 

หลิงหลี่ตกอยู่ในอาการมึนงงและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนเสียของสำคัญบางอย่างไป เขาอยากจะเรียกซูหลี่ให้กลับมา แต่เขาก็ตกตะกอนความคิดได้และไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น

 

นางเป็นแค่สาวน้อยงดงามจากตระกูลเล็ก ๆ ในเมืองต้าซู ขณะที่เขามีชีวิตอยู่กับอันตราย เขาดูเจิดจรัสแต่ก็เดินอยู่บนคมมีดในทุกฝีก้าว…ทำไมเขาต้องดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องและทำให้นางตกอยู่ในอันตรายด้วย?

 

“บางทีข้าไม่ควรคิดมากเกินไป และพันธะระหว่างเราก็จบสิ้นลงแล้ว”

 

หลิงหลี่มองป้ายหยกในมือและเก็บมันไว้เงียบ ๆ

 

เสียงถอนหายใจลึกค่อย ๆ หายไปจากราตรีกาล

 

เช้าวันต่อมา ซูหลี่ก็เข้ามาหาตั้งแต่เช้า แต่หลิงหลี่กับหลิงโม่ได้เดินทางจากไปแล้วตามที่คิดไว้ สำหรับซูหลี่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเศษช่างดูราวกับความฝัน คนในใจของนางได้จากไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เห็นซูหลี่เข้ามาหา ฉู่ชิงหนิงก็เอ่ยอย่างเสียดาย “นั่นนายน้อยกลุ่มหยินโม่เลยนะ ป้ายหยกประจำตัวของเขาต้องมีมูลค่ามหาศาลแน่ เจ้าช่างโง่นักที่คืนป้ายหยกให้กับเขา!”

 

ซูหลี่ส่ายหน้าเล็กน้อยและเอ่ยกลับ “ต่อให้เรารับมันไว้เราก็ไม่ต้องการมันหรอก เราไม่ควรรับมันมาเลยจะดีกว่า”

 

“สิ่งที่เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผลอยู่นะ” ฉู่ชิงหนิงเอ่ยและหยิบป้ายไม้ออกมายื่นให้ซูหลี่ “แต่หลิงหลี่ไม่ได้คิดเช่นนี้น่ะสิ ในเมื่อเจ้าไม่รับป้ายหยกแล้ว เขาก็เลยทิ้งป้ายไม้นี้ไว้ให้เจ้าแทน แม้พลังของมันจะไม่แก่กล้าเท่ากับป้ายหยกนั้น แต่มันก็สามารถระดมพลจากกลุ่มหยินโม่ในแคว้นชิงเหอได้เช่นกัน

 

ซูหลี่หรี่ตาเล็กน้อยและอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็หยิบป้ายไม้และเก็บมันไว้กับตัว นางไม่เอ่ยอะไรก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกจากหุบเขา

 

ฉู่ชิงหนิงเกาศีรษะและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับตัวเอง “ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเกิดบ้าอะไรกับพวกเขา?”

 

สามวันหลังจากนั้น…

 

รถม้าหรูหราแล่นผ่านถนนทางการอันเรียบเตียน

 

หลิงหลี่หยิบหน้ากากกระดูกหยกออกมาอีกครั้ง มันสามารถมองลอดผ่านม่านเข้ามาได้ว่าหลิงโม่ที่กำลังควบคุมรถม้าอยู่ได้สวมหมวกไม้ไผ่และชุดกระสอบสีเทาอันเป็นชุดเครื่องแบบมาตรฐานของสารถี

 

“เจ้านาย เราสามารถไปถึงอวิ๋นจิ๋งได้ในเวลาสองวันขอรับ”

 

หลิงหลี่ส่งเสียงฮัมเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัวและแตะริมฝีปากด้วยปลายนิ้ว ราวกับว่ายังมีความอ่อนนุ่มในวันนั้นหลงเหลืออยู่บ้าง เขาคิดว่าตนเองจะไม่คิดถึงหญิงสาวเมื่อตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น แต่เขาก็พบว่าต่อให้เขาไม่คิดถึงนางอย่างรู้สึกตัว แต่บางคราวเขาก็ยังจำร่างเล็กเจ้าอารมณ์และป่าเถื่อนเล็กน้อยในใจได้

 

“ข้าคิดฟุ้งซ่านเต็มไปหมดแล้ว ซูหลี่ เจ้ามาแทนที่เสวี่ยจนกลายเป็นคนที่ข้าหมายปองไปได้ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว…”

 

บนรถม้าเกิดเสียงถอนหายใจอีกระลอกหนึ่งจนหลิงโม่ต้องเบ้ปาก หลังจากที่นายท่านออกจากหุบเขามาเขาก็ดูไม่เป็นปกติเลย หรือเขาจะหลงใหลสตรีบ้าบอคนนั้นเข้าให้แล้ว?

 

ในเวลาสั้น ๆ มากกว่าสิบปีของเขา หลิงโม่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับสตรีเลย เรื่องการรู้ใจสตรีของเขาจึงไม่ดีเท่ากับหลิงหลี่ แต่ซูหลี่เจ้าอารมณ์คือหญิงร้ายกาจที่แท้จริงในสายตาของเขา

 

แต่ซูหลี่มีอารมณ์กลับไปเป็นปกติอย่างเต็มส่วนในวันที่สองหลังหลิงหลี่เดินทางจากไป นางยุ่งอยู่กับตารางชีวิตประจำวัน นางรู้ว่าชีวิตชาตินี้กำลังจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่าหลิงหลี่ นางรู้มากกว่าถึงความเร่งด่วนและไม่อาจเสียเวลาไปกับการดื่มด่ำในบางสิ่งบางอย่างได้

 

แต่มันก็สมควรกล่าวถึงเรื่องในวันนั้นที่นางขจัดพิษให้หลิงหลี่ นางได้รับความทรมานจากผลกระทบใหญ่หลวงจนเกิดรอยร้าวขึ้นในคอขวด ซูหลี่รักษาตัวเองจากการทำงานหนักเป็นเวลาสามวันและบรรลุเข้าสู่ขุมพลังถือกำเนิดขั้นแรกก่อนเวลาอันควรเพราะรอยร้าวพวกนี้ มลทินที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ถูกขจัดออกจากร่างกาย กระดูกของนางขาวสว่างราวกับหยก ราวกับหินโมราชั้นดี จากนั้นเลือดอันบริสุทธิ์ไร้ที่ติก็ได้ไหลเวียนผ่านเส้นเลือดและเส้นเอ็นของนาง

 

เมื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่ไหลเวียนออกไปแล้ว ซูหลี่ก็พบว่าผิวกายของนางเรียบเนียนขาวผ่องมากขึ้น มันเรียบราวกับครีมและเย็นนุ่มน่าสัมผัส

 

“ข้ามีเนื้อเป็นน้ำแข็งและกระดูกเป็นหยกงั้นหรือ?”

 

ดวงตาของซูหลี่ฉายแสงเป็นประกาย กล่าวกันว่าเนื้อน้ำแข็งและกระดูกหยกก่อให้เกิดกายเนื้อสำคัญอันเป็นที่หมายปองของสตรีทุกคนในวงการยุทธภพ ด้วยความช่วยเหลือจากร่างนี้แล้ว สตรีที่ฝึกวรยุทธ์ฝ่ายหยินจะได้ผลลัพธ์ดีเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

 

นางดิ้นรนเพื่อค้นพบว่าตัวเองมีพลังระดับถือกำเนิดในชาติที่แล้ว นางแน่ใจว่าไม่ได้ผลลัพธ์เช่นนี้แน่ ตอนนี้นางกลับมีเนื้อน้ำเเข็งและกระดูกหยกโดยบังเอิญ และยังต้องการเวลาทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้

 

หลังบรรลุขุมพลังแล้ว ซูหลี่ก็มีวิสัยทัศน์ใหม่ในทักษะการปรุงอาหาร การฝึกวรยุทธ์ และวิชาการเเพทย์ มันเป็นพรแห่งสวรรค์และโลก ในช่วงนี้แรงบันดาลใจได้ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และซูหลี่ก็มีความสามารถเหลือล้นในสิ่งต่าง ๆ ที่นางทำ

 

เดิมทีนางพอใจกับสภาวะนี้ แต่นางก็ค้นพบว่าเป็นวิธีที่ผิดในอีกหนึ่งเดือนต่อมาเพราะหนังสือทั้งหมดที่อาจารย์ของนางสะสมไว้ได้ถูกนางอ่านจนจบทั้งหมด

 

ฉีเซี่ยนชิงยังมองการณ์ไกลว่าเขาจะจากไปไม่นานมากนัก เขาจึงทิ้งหนังสือไว้ให้ซูหลี่อ่านด้วยตัวเอง แต่เขาประเมินผิดพลาดในเรื่องกระบวนการฝึกเสวียนกงของซูหลี่

 

ในตอนนั้นเอง แม่บ้านหลี่ก็พลันรุดเข้ามาจากด้านนอกและเอ่ยอย่างมีความสุข “คุณหนู ข่าวดีเจ้าค่ะ!”

 

ซูหลี่มีสติกลับคืนมาและพยายามถามถึงรายละเอียด ก็มีร่างคนอีกคนหนึ่งเบื้องหลังเเม่บ้านหลี่ เป็นซูฮ่วนหลี่ที่ไม่ได้พบหน้ามานานแสนนาน

 

“อาหลี่ อยู่ตึกไป๋เว่ยแล้วสุขสบายดีหรือไม่? พ่อต้องขอโทษกับสิ่งที่เจ้าทนทรมานอยู่ด้วยนะ” น้ำเสียงของซูฮ่วนหลี่อบอุ่นอย่างยิ่งพร้อมกับเจือแววละอายใจ เขาเอ่ยต่อ “ข้ามาวันนี้เพื่อส่งจดหมายรับเข้าศึกษาแก่เจ้า”

 

“รับเข้าศึกษา?”

 

ซูหลี่ดูงุนงงไปและเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ จดหมายรับเข้าศึกษาอะไรหรือเจ้าคะ?”

 

“ฟังข้านะ เราไม่รู้ว่าอาจารย์ฉีจะกลับมาเมื่อใด ข้าเองก็เกรงว่าจะทำให้การศึกษาของเจ้าล่าช้า ดังนั้นเจ้าอาจจะต้องเข้าศึกษาเล่าเรียนโรงเรียนสตรีมู่หยางในเมืองมู่หยาง นั่นเป็นโรงเรียนสตรีที่ดีที่สุดในเมืองใกล้เคียงเลยนะ! การเรียนการสอนก็เป็นรองเพียงโรงเรียนในแคว้นชิงเหอเท่านั้น”

 

“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซูหลี่พยักหน้าและดูมีพลังขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะเห็นเรื่องของบุตรสาวเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาได้ขณะที่ท่านงานล้นมือ ขอบคุณมากนะเจ้าคะ”

 

“ฮ่า ๆๆ!” ซูฮ่วนหลี่หัวเราะเมื่อได้ยินดังนั้นและเอ่ยขึ้น “อย่าเสียเวลาขอบคุณข้าเลย เป็นความคิดท่านย่าเจ้าน่ะ บางทีนางอาจจะละอายใจที่ขับไล่เจ้าออกจากบ้านในครั้งที่แล้ว วันนี้นางเลยเป็นฝ่ายกล่าวถึงเจ้ากับข้า เรื่องนี้ข้าเองก็ประหลาดใจนัก!”

 

“หา?”

 

ซูหลี่พยักหน้าเบา ๆ นางเองรู้จักนิสัยของหญิงชราดี นางไม่เคยจัดการเรื่องเช่นนี้ด้วยความหวังดีหรอก และนี่ก็คงจะมีกับดักรอนางอยู่

 

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะทำให้กิจการของตึกไป๋เว่ยล่าช้า ข้าก็เลยเตรียมรถม้าเร็วเป็นพิเศษให้กับเจ้า จื่อเผยจะไปกับเจ้าด้วย เจ้าทั้งสองก็ดูแลกันและกันนะ”

Su Huanli behaved in a way that Su Li couldn’t refuse it at all. She didn’t know what guarantee he had gotten from Mam Su-Cui.

ซูฮ่วนหลี่ประพฤติตนในทางที่ซูหลี่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย นางไม่รู้ว่าท่านย่าซูและฉุยให้หลักประกันอะไรกับเขาไว้

 

ซูหลี่รับจดหมายเข้าศึกษามาและขอบคุณบิดาด้วยการพยักหน้า ซูฮ่วนหลี่ออกไปอย่างมีความสุข และไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายดายขนาดนี้ โชคดีที่เขามีที่ดินพร้อมบ้านผืนเก่าจากมารดาอยู่

 

หลังซูฮ่วนหลี่ออกไปแล้ว แม่บ้านหลี่ก็เดินเข้ามาในห้องเงียบ ๆ และดูไม่มีความสุข นางเอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนู ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของท่านย่า ข้าเกรงว่าจะมีกับดักอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ ท่านต้องระวังตัวในทุกเรื่องนะเจ้าคะ”

 

ซูหลี่เหลือบมองแม่บ้านหลี่และแค่นแสยะในใจ แม้แต่แม่บ้านหลี่ยังดูออกอย่างง่ายดาย ซูฮ่วนหลี่เลือกที่จะแสร้งทำเป็นมึนงงและทำเป็นว่าเขาเป็นบิดาที่ดีของนาง

 

คิดในใจดังนี้แล้วซูหลี่ก็ยิ้มและเอ่ยกลับ “ถึงจะเกิดเช่นนั้น ข้าก็อ่านหนังสือเกือบทั้งหมดที่อาจารย์ฉีทิ้งไว้ให้ข้าแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะเข้าโรงเรียนสตรีมู่หยาง แม่บ้านก็อย่าคิดมากเลยจ้ะ ในโรงเรียนมีแต่หญิงสาวจากครอบครัวบัณฑิตและตระกูลที่น่านับถือ มันคงไม่เลวร้ายมากนักหรอก วางใจเถอะจ้ะ”

 

“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”

 

แม่บ้านหลี่ดูสับสน เนื่องเพราะนางไม่ได้รับการศึกษาจึงเชื่อในทันทีว่าสิ่งที่คุณหนูพูดมาคงเป็นเรื่องจริง นางเอ่ยพึมพำเสียงทุ้ม “ท่านย่าทำเรื่องดี ๆ อย่างไม่คาดฝันเช่นนี้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”

 

จูเหยียนที่อยู่บำรุงครรภ์อยู่ในบ้านตระกูลซูก็รู้สึกขุ่นเคืองเช่นกันเมื่อได้ยินข่าว นางเร่งรุดไปพบท่านย่าซูและฉุยทันที

 

“ท่านแม่! เรื่องที่ท่านจัดการหาโรงเรียนสตรีให้กับจื่อเผยข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ทำไมท่านทำเช่นนี้ให้เอ้อร์หยาด้วยล่ะเจ้าคะ?”

 

“ใช่เจ้าค่ะท่านย่า!” ซูจื่อเผยเอ่ย นางดูไม่มีความสุขขณะเอ่ยขึ้น “ท่านยาย ไหนท่านบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เอ้อร์หยามีชีวิตที่ดีกว่าอย่างไรล่ะเจ้าคะ ทำไมท่านต้องใช้เงินส่งเสียนางให้เรียนโรงเรียนสตรีด้วย?”

 

ท่านย่าซูและฉุยยิ้มอย่างมีความสุขและลูบศีรษะเล็กของซูจื่อเผยพลางเอ่ยขึ้น “จงทำตัวอย่างฮูหยินและคุณหนูตระกูลจากตระกูลที่น่านับถือเสีย เรียนรู้ที่จะจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างสงบ ข้าได้วางแผนอะไรต่าง ๆ ในโรงเรียนสตรีแล้ว ความจริงก็คือข้าได้เตรียมการด้วยวิธีของข้าเองไว้แล้ว”

 

สายตาของท่านย่าซูและฉุยดูเคร่งขรึมลงขณะเอ่ยต่อ “ข้าไม่คิดว่าในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหกเดือน เอ้อร์หยาจะกลายเป็นสตรีเปี่ยมพรสวรรค์ในใจของผู้คนเมืองต้าซู เมื่อข้าออกไปข้าก็คอยเงี่ยหูฟังว่าคุณหนูสองแห่งตระกูลซูช่างมากล้นด้วยพรสวรรค์และงดงามนัก ข้าไม่อาจจัดการนางได้ง่ายดายนักเพราะมีชื่อเสียงของนางอยู่ ไม่อย่างนั้นมันจะกระทบต่อตระกูลซูด้วย”

 

ดวงตาของซูจื่อเผยเป็นประกายวูบก่อนที่นางจะะเอ่ยขึ้น “ดังนั้นท่านถึงจัดการให้นางไปอยู่โรงเรียนสตรี หากนางทำขายหน้าตัวเองในโรงเรียนสตรีแล้วมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ!”

 

“จื่อเผย เจ้าช่างฉลาดนัก!”

 

ท่านย่าซูและฉุยยิ้มมีความสุขมากกว่าเดิม ราวกับว่าสามารถมองเห็นสายตาอับอายของซูหลี่ที่ตกอยู่ในแผนการของนางได้

 

เช้าวันต่อมา รถม้าที่จะเดินทางไปโรงเรียนสตรีก็มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าตึกไป๋เว่ยแต่เช้าตรู่ ซูหลี่หยิบพจนานุกรมแห่งต้าฮั่นที่มีปกสีดำเมื่อมไปด้วย นางเข้าไปในรถม้าโดยไม่มีของสิ่งอื่นอีก

 

ซูจื่อเผยนั่งรออยู่ในรถม้าเป็นเวลานาน เมื่อนางเห็นซูหลี่เข้ามาแล้วนางก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียง ยามเห็นหนังสือปกดำในมือของซูหลี่นางก็ยิ้มแสยะในทันทีและเอ่ยทัก “พี่สาวสอง ทำไมท่านยังใช้พจนานุกรมนี้อีกล่ะ? ปกมันถูกหมึกหกใส่ดำปี๋ขนาดนี้แล้วควรโยนทิ้งแล้วซื้อเล่มใหม่จะดีกว่านะเจ้าคะ”

 

จากนั้นนางก็ยกตะกร้าหนังสือข้างกายที่บรรจุพจนานุกรมแห่งต้าฮั่นฉบับล่าสุดอันใหม่เอี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ มันเป็นพจนานุกรมฉบับแก้ไขล่าสุดที่นางเพิ่งซื้อมา

 

ซูหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้าและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงข้า ข้าจะใช้เล่มนี้ล่ะ ต่อให้ปกของมันถูกย้อมเป็นสีดำแล้วแต่เนื้อหาข้างในยังอยู่ดี ไม่ว่าพจนานุกรมต้าฮั่นของเจ้าจะมีปกสวยขนาดไหนก็ตาม เจ้าก็ไม่มีวันอ่านมันจบหรอก”

 

“…ท่าน!”

 

ซูจื่อเผยถลึงตาด้วยความโมโหสุดขีดและตวาดเสียงแหลม “ซูหลี่ อย่าอวดดีไปนักเลย! ท่านย่าเป็นคนจัดการให้ข้าเข้าโรงเรียนสตรี เจ้ามันก็แค่สาวใช้ของข้า เมื่อเจ้าเข้าไปถึงโรงเรียนแล้วก็อย่าลืมถือตะกร้าหนังสือให้ข้าล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเข้าประตูโรงเรียนไปแน่!”

 

ได้ยินคำพูดนั้น ซูหลี่ก็ไม่เอ่ยอะไร ดูเหมือนว่าที่ซูหลี่ไม่ตอกหน้าซูจื่อเผยเพราะว่าฝ่ายแรกหวาดกลัว

 

เห็นดังนี้แล้วซูจื่อเผยก็ยิ้มออกมาอีกครั้งในทันที ต่อให้เจ้าจะปรุงอาหารเก่งและเขียนหนังสือสวย เจ้าก็จะถูกข้าปั่นหัว ข้าจะกลั่นแกล้งเจ้าให้ได้อายเมื่ออยู่ในโรงเรียนนี้อย่างแน่นอน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด