การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 85
ตอนที่ ๘๕
รถม้าควบไปตามทาง จนกระทั่งซูหลี่กับซูจื่อเผยได้มาถึงเมืองมู่หยางราวกลางยามเฉิน เมืองมู่หยางใหญ่กว่าเมืองต้าซูราวสามเท่า มันเป็นเมืองใหญ่อย่างแท้จริง และมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองหลังเสียอีก นี่เองจึงเป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมโรงเรียนสตรีมู่หยางจึงกลายเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกของในแคว้นชิงเหอ
ซูจื่อเผยเปิดม่านหน้าต่างอย่างระมัดระวัง นางดูอยากรู้อยากเห็นราวกับสาวชาวบ้านที่กำลังเดินทางเข้าเมือง บรรดาคนเดินเท้าต่างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของนาง
ซูจื่อเผยดังนี้ก็รีบหุบม่านลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางแดงก่ำ นางแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเหลือบชำเลืองมองซูหลี่ และก็เห็นดวงตาของซูหลี่ปิดสนิท
“โชคดีที่ซูหลี่ไม่เห็นภาพเมื่อครู่นี้…” ซูจื่อเผยคิด
เสียงสารถีพลันดังจากด้านนอก “คุณหนู เรามาถึงโรงเรียนสตรีแล้วขอรับ”
ซูจื่อเผยหยิบชุดงดงามออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เปิดม่านและก้าวลงมา ซูหลี่มองตะกร้าหนังสือตรงหน้านางและค่อยๆ หยิบของทั้งหมดในตะกร้าหนังสือออก จากนั้นนางก็เดินออกมาจากรถม้าพร้อมตะกร้าหนังสือเปล่า
จัตุรัสเริ่มปรากฏแก่สายตาชัดขึ้น มวลผกาทั้งหลายกำลังเบ่งบานเต็มที่ อิฐแดงและกระเบื้องเขียวโผล่ให้เห็นระหว่างต้นไม้หนาแน่น
“นี่หรือโรงเรียนสตรีมู่หยาง ช่างงดงามเหลือเกิน!”
“มีดอกไม้นานาพรรณที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนมากมายเหลือเกิน ข้าช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ที่ได้มาเรียนในโรงเรียนสตรีมู่หยาง!”
“…”
นอกจากซูหลี่กับซูจื่อเผยแล้วก็มีเหล่าคุณหนูแต่งกายดีหลายคนอยู่ในจัตุรัส ทุกนางล้วนดูสง่างาม ในตอนนั้นพวกนางกำลังเอ่ยเสียงทุ้ม และหัวข้อทั้งหมดก็คือการชื่นชมโรงเรียนสตรีมู่หยาง
ซูหลี่ถือตะกร้าหนังสือในมือ และชุดของนางก็ดูไม่แพงมากนัก สาวใช้หลายคนถือตะกร้าหนังสือในอ้อมแขนและมองซูหลี่ในฐานะสาวใช้เหมือนกับพวกนางโดยไม่รู้ตัว กระซิบกระซาบถามกันอย่างลับ ๆ “นางเป็นใครน่ะ? ดูจากชุดแล้วนางไม่เหมือนสาวใช้เลยนะ”
“แต่ทำไมนางถึงถือตะกร้าหนังสือในมือล่ะ? ข้าเกรงว่านางคงจะเป็นสาวใช้ของคุณหนูข้างๆ นางกระมัง”
ได้ยินเสียงถกเถียงกัน ซูจื่อเผยก็รู้สึกมีความสุข แต่ซูหลี่กลับไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปและยังคงมองไปรอบ ๆ พร้อมกับตะกร้าหนังสือในอ้อมแขน
หลังจากนั้นครู่หนึ่งสตรีกลางคนในชุดราชสำนักสีกรมทท่าก็เดินทอดน่องมา นางมีรูปร่างงดงามและเสียงใสไพเราะ “ข้าคืออาจารย์หนิงแห่งโรงเรียนมู่หยาง ศิษย์ที่เข้าศึกษาในวันนี้จงมาที่นี่และยื่นจดหมายเชิญของพวกเจ้าให้ข้าดูเสีย”
จากนั้นกลุ่มสตรีเยาว์วัยก็พุ่งไปหาอาจารย์หนิง ซูจื่อเผยอยากอยู่ตำแหน่งด้านหน้าแต่ซูหลี่ก็ชะลอฝีเท้าลง ฝ่ายแรกมีสีหน้าซีดขาวด้วยความโมโห แต่นางก็ทำได้เพียงชะลอฝีเท้าลงเพราะตะกร้าหนังสือของนางยังอยู่ในมือของซูหลี่
ความเร็วในการตรวจจดหมายเชิญช่างเชื่องช้านัก ถึงเวลาเที่ยงวันแล้วก็มีเพียงส่วนเล็ก ๆ ของแถวที่ถูกตรวจไปแล้ว กลุ่มแม่นางน้อยเอาแต่ใจทั้งหลายแสดงท่าทีหมดความอดทนออกมาทางสีหน้า หลายคนถามสาวใช้ของพวกนางให้ไปสอบถาม แต่พวกนางก็ถูกเหล่าอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนหยุดไว้
ซูจื่อเผยโมโหนัก หากไม่ใช่เพราะซูหลี่นางก็คงได้เข้าไปแล้ว ไม่จำเป็นที่นางต้องมาทนยืนตากแดดอยู่ที่นี่ ผิวของนางต้องคล้ำแดดแล้วแน่ๆ!
บรรดาคุณหนูใจร้อนไม่ทันเห็นว่าอาจารย์หนิงกำลังเหลือบมองพวกนางอยู่ บททดสอบได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ที่พวกนางเข้ามาที่โรงเรียนมู่หยาง แต่คุณหนูผู้โง่เขลาส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตมัน
ในที่สุดอาจารย์หนิงก็มองคนจำนวนหนึ่งและพยักหน้าน้อย ๆ เพราะซูหลี่ถือตะกร้าหนังสืออยู่จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสาวใช้ไป สายตาของอาจารย์หนิงไม่ได้หยุดอยู่ที่นางครู่หนึ่ง
หลังมองพวกนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้ว อาจารย์หนิงจึงเร่งความเร็ว และแถวก็หดสั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ถึงคราวของซูจื่อเผย
ซูจื่อเผยหยิบจดหมายเชิญที่พับอย่างเรียบร้อยออกจากแขนเสื้อและยื่นส่งให้ด้วยความเคารพ อาจารย์หนิงพยักหน้าเล็กน้อย นางคิดว่าแม้สาวน้อยจะใจร้อน แต่นางก็ถ่อมตนและสุภาพ ซึ่งนับว่าไม่เลว
“ต่อไป!”
อาจารย์ฝ่ายปกครองตะโกนขณะเปิดช่องให้ซูจื่อเผยเข้าประตูไป ทันใดนั้นเองฝ่ายแรกก็ย่นคิ้วเพราะซูหลี่ไม่ได้เข้าไปเร็วพอ นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยตำหนิ “อย่าใจลอยสิ เข้าไปพร้อมกับคุณหนูของเจ้าซะ!”
ซูจื่อเผยเห็นภาพนี้จากด้านในก็หัวเราะอย่างมีความสุข นางคาดหวังให้ซูหลี่สร้างความรำคาญใจแก่อาจารย์หนิงจนเกิดโมโหขึ้นมา แต่แล้วนางก็ผิดหวัง
ซูหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปขณะเอ่ยขึ้น “อาจารย์เจ้าคะ ข้าไม่ใช่สาวใช้ หากแต่เป็นศิษย์ที่จะเข้าศึกษาเจ้าค่ะ”
อาจารย์ฝ่ายปกครองฟังสิ่งที่นางพูดโดยไม่พูดอะไร เห็นว่าซูหลี่หยิบจดหมายเชิญออกมาแล้วสีหน้าของอีกฝ่ายก็ซีดลง จากนั้นนางก็สบถอยู่ในใจ “ทำไมเจ้าถึงมาโรงเรียนโดยไม่มีสาวใช้ตามมาด้วยล่ะ? ตระกูลไหนนะส่งบุตรสาวน่าอับอายเช่นนี้มา?”
แต่อาจารย์หนิงก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึก ๆ เช่นกัน นางหยิบจดหมายเชิญและเปิดผนึกออก นางคือซูหลี่แห่งตระกูลซู
เป็นนางนี่เอง!
อาจารย์หนิงย่นคิ้ว ก่อนหน้านั้นนางเข้าใจผิดที่ไม่ได้สนใจสีหน้าและปฏิกิริยาของสาวน้อยคนนี้ นางเป็นฝ่ายผิดเอง
“เข้าไปซะ ครั้งหน้าให้น้องสาวของเจ้าถือตะกร้าหนังสือด้วยตัวนางเองนะ”
นางหันหลังกลับไปมองซูจื่อเผยผู้กำลังเยาะเย้ยด้วยสายตาล้ำลึก แล้วก็พลันเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งทันที ซูจื่อเผยใจแคบและชอบเล่นเล่ห์อย่างที่ข่าวลือว่ากันจริง ๆ คงเป็นเรื่องยากที่นางจะเจริญในสถานที่ที่ฝึกให้มีความสุภาพเรียบร้อย
ซูหลี่หัวเราะในลำคอและเปิดภายในตะกร้าหนังสือให้ดูแทนที่จะซ่อนมันไว้ นางเอ่ยขึ้น “อย่าตำหนิข้าเลยเจ้าค่ะ มันเป็นของน้องสาวข้าเอง”
อาจารย์หนิงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นตะกร้าหนังสือเปล่า ทันใดนั้นดวงตาของนางก็ฉายประกายชื่นชม นางไม่เคยสอนคนอ่อนแอและไร้ความสามารถ คนเราควรตอบโต้ในทันทีเมื่อถูกรังแก เห็นชัดว่าการกระทำของซูหลี่เป็นการกระทำที่…สมควรยกย่อง!
หลังเข้าโรงเรียนและผ่านการปฐมนิเทศจากอาจารย์ฝ่ายปกครองแล้ว ซูหลี่และคนอื่น ๆ ก็รีบเข้าชั้นเรียนอย่างรวดเร็ว บทเรียนแรกของโรงเรียนมู่หยางได้เริ่มขึ้นแล้ว
อาจารย์อาวุโสผมสีดอกเล่านั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะอาจารย์พร้อมไม้บรรทัดไม้ในมือของเขา ดูท่าทางจริงจังนัก
“พวกเจ้าทั้งหมดต่างเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยทรงอิทธิพลจากบรรดาเมืองใกล้เคียง วันนี้บทเรียนแรกก็จะเป็นการคัดอักษรพื้นฐาน! และมันยังเป็นบททดสอบแรกด้วย พวกเจ้าจะได้เข้าห้องเรียนต่างห้องกันโดยอิงจากระดับการอ่านออกเขียนได้ ตอนนี้เปิดพจนานุกรมต้าฮั่นได้!
จากนั้นก็มีเสียงขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน เหล่าคุณหนูทั้งหมดต่างหยิบพจนานุกรมต้าฮั่นวางบนโต๊ะทีละคน เมื่อซูหลี่หยิบพจนานุกรมต้าฮั่นปกสีดำปี๋ออกมา เสียงระเบิดหัวเราะก็พลันดังขึ้น
คอมเม้นต์