การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 93
ตอนที่ ๙๓
“พูดดีจริงๆ !”
“ซูหลี่ เจ้าเยี่ยมไปเลย!”
“โอ้สวรรค์! ข้าได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วจะร้องไห้เลย!”
ศิษย์สาวทั้งหมดต่างตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืน หัวใจของพวกนางเต็มไปด้วยความฮึกเหิม จึงอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องและตบมือให้กับซูหลี่ คำพูดของฮูหยินหยางฟังดูแล้วชวนให้ใจท้อ ซึ่งซูหลี่สู้กลับได้อย่างเฉียบคม ช่างน่ายินดีจริง ๆ
“หัวขบถ! พวกเจ้าทั้งหมดมันหัวขบถ!”
ฮูหยินหยางลุกขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำพลางชี้หน้าทุกคน แต่พวกนางกลับไม่สนใจ การตอบสนองเช่นนี้แทบจะทำให้นางคลุ้มคลั่ง แต่แล้วนางก็บังเกิดความหวาดกลัวสุดขีดจนเกือบจะหายใจไม่ออก
นางเป็นคนผิดทุกครั้งเลยหรือ?!
ฮูหยินหยางมองซูหลี่ที่กำลังยิ้มอยู่ในฝูงชนราวกับนางมารน้อย นางดูล่องลอยไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันกรีดร้องด้วยเสียงน่ากลัวและวูบหนีออกจากห้องเรียนไป
ห้องเรียนเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องฮึกเหิมก็ดังลั่นยิ่งกว่าเดิม
“ซูหลี่ชนะ!”
“ซูหลี่ชนะอาจารย์ฉุย เยี่ยมไปเลย!”
“ข้าล่ะอยากเห็นอาจารย์ฉุยคุกเข่าแล้วเรียกซูหลี่ว่าท่านย่าเสียจริง ฮ่า ๆๆๆ…”
“ไร้ยางอายเกินไปแล้ว นางไม่สมควรได้รับความเห็นใจหรอก!”
“…”
ซูจื่อเผยยืนขึ้นอย่างงุนงงท่ามกลางผู้คนและเหมือนกับเห็นว่าทุกคนผละออกจากข้างนางไปอยู่ข้างซูหลี่ นางดูว่างเปล่าไปในตอนนี้ ทำไมซูหลี่ถึงเป็นคนที่โดดเด่นขนาดนี้หลังจากเข้าโรงเรียนมาได้หนึ่งปีกันนะ?!
ซูหลี่ถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลาง มีศิษย์จากชั้นเรียนอื่นกรูเข้ามาหาจำนวนมาก
“ซูหลี่ ข้าคิดว่าเจ้าสามารถสอนคุณธรรมสตรีได้เลยล่ะ!”
“ใช่ ๆ คำสอนของเจ้าน่าสนใจมากกว่าของฮูหยินหยางเสียอีก!”
เม่ยรั่วหานกระพริบตาขณะยืนอยู่ข้างซูหลี่ราวกับคนสนิทตัวน้อยและเอ่ยแนะขึ้นมาว่า “ซูหลี่ เจ้าเพิ่งวิจารณ์ฮูหยินหยางไปเพราะคำพูดของนางนะ เรารู้ว่านางเป็นฝ่ายผิดแต่ไม่รู้เลยว่าคุณธรรมสตรีสำหรับเราแล้วคืออะไรบ้าง บอกเราหน่อยสิ!”
คำขอของเม่ยรั่วหานได้รับการตอบรับจากทุกคนในทันที ซูหลี่ยิ้มอย่างจนใจ นางถูกล้อมอยู่ตรงกลางและไม่สามารถไปไหนได้ นางจึงบอกความเข้าใจของนางให้ฟังโดยคร่าว ๆ
หลังตอนเช้าผ่านไป เหตุการณ์ระหว่างซูหลี่กับฮูหยินหยางก็พลันแพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงเรียนสตรีมู่หยาง แม้แต่โรงเรียนบุรุษก็ยังได้ยินเรื่องนี้
หลังจากเรื่องนี้แล้ว ซูหลี่ก็กลายเป็นคนดังอันดับสูงสุดในโรงเรียนสตรีมู่หยาง
หนิงอวิ๋นจื่อได้ยินข่าวแล้วก็ขอให้คนอื่น ๆ อธิบายเรื่องนี้ หลังจากได้รับรู้รายละเอียดแล้วเขาก็พลันหัวเราะออกมา
“ศิษย์คนสุดท้ายของท่านอาจารย์ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ!”
“ท่านพ่อ ท่านยังจะหัวเราะอีกนะเจ้าคะ” หนิงฉิงกลอกตาด้วยความโมโหและเอ่ยขึ้น “ฮูหยินหยาง/ฉุยไม่ใช่อาจารย์ที่ดีจริง ๆ แต่ถ้าตระกูลหยางสร้างปัญหาขึ้นมาเราจะจัดการอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
หนิงอวิ๋นจื่อได้ยินแล้วก็มีสีหน้าจริงจังในทันที จากนั้นเขาก็เอ่ยตอบ “มันเป็นเพราะความหวังดีของเจ้างั้นหรือ?”
ดวงตาของหนิงฉิงดูสำนึกผิดขณะที่นางเอ่ยตอบ “หากเราไม่ได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากตระกูลหยาง โรงเรียนมู่หยางจะดีเหมือนอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ? ท่านพ่อ ตอนนั้นท่านก็เห็นด้วย ทำไมยังจะตำหนิข้าอยู่ล่ะเจ้าคะ?”
ดวงตาของหนิงอวิ๋นจื่ออ่อนแสงลง แล้วเขาก็ถอนหายใจ “ข้าไม่สร้างโรงเรียนมู่หยางขึ้นยังจะดีกว่าปล่อยให้ตระกูลหยางที่เป็นจอมปราชญ์ผู้มองผลกำไรอันดับหนึ่งมาบริหารโรงเรียนเสียอีก!”
วันต่อมา ฮูหยินหยางก็ไม่ได้มาที่โรงเรียนเหมือนที่คาดคิดไว้ โรงเรียนมู่หยางดูเป็นปกติแต่มีบรรยากาศชวนร้อนใจปกคลุมอยู่ทุกแห่งหน
ชั้นเรียนงานฝีมือมีอาจารย์คนใหม่เข้ามาสอนแทน ซูหลี่ตั้งใจเรียนอย่างจริงจังโดยไม่อวดตัวเอง สำหรับชั้นเรียนคุณธรรมสตรีก็เปลี่ยนอาจารย์เป็นหนิงฉิงผู้เป็นบุตรสาวคนเดียวของหนิงอวิ๋นจื่อ ความรู้และการควบคุมตัวเองของนางดีกว่าหญิงปากร้ายอย่างฮูหยินหยาง/ฉุยมากนัก
หลังเลิกเรียนแล้ว ซูหลี่ก็คิดว่าหนิงอวิ๋นจื่อจะเรียกตัวนางไปแต่ก็ไม่ได้รับคำเชิญจากเขาเป็นเวลานาน ความวุ่นวายที่นางก่อไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ตระกูลหยางเป็นเจ้าผู้ครองเมืองมู่หยาง หลังฮูหยินหยาง/ฉุยกลับบ้านแล้ว นางย่อมพูดจาว่าร้ายซูหลี่อย่างแน่นอน ต่อให้พวกเขาต้องการรักษาหน้าของตระกูลหยางไว้ พวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้ซูหลี่ได้อยู่อย่างสงบ
หลังกลับมาที่เรือนแล้ว ซูหลี่ก็จัดการความคิดยุ่งเหยิงและถกประเด็นเรื่องความหมายของคำในพจนานุกรมต้าฮั่นกับเม่ยรั่วหาน
หลังจากนั้นไม่นาน อากั่วก็กุลีกุจอวิ่งมาจากข้างนอกเรือนและเอ่ยขึ้น “แย่แล้วเจ้าค่ะ! คุณหนู คุณหนูหลี่! ข้าเห็นกลุ่มชายแก่มาที่ประตูโรงเรียน พวกเขาไม่ได้สวมเครื่องแบบของโรงเรียนมู่หยาง คนพวกนั้นจะต้องมาจากตระกูลหยางแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
เม่ยรั่วหานได้ยินแล้วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางมองซูหลี่อย่างร้อนใจ แต่ซูหลี่ยังคงอ่านพจนานุกรมต้าฮั่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นนะ”
เม่ยรั่วหานกระซิบและหยุดคิดเรื่องนี้เพื่อเรียนต่อ จากความสามารถส่วนตัวแล้ว ต่อให้นางร้อนใจอยู่เต็มอกนางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลที่เกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ฟูกนั่งทั้งหกในโรงน้ำชาก็มีคนนั่งเต็ม แต่กลับไม่มีใครเอ่ยอะไร
หนิงฉิงใส่ใจกับทุกคนและยืนอยู่ข้างกายบิดา หลังจากรินชาให้ทุกคนแล้ว หนิงอวิ๋นจื่อก็พลันระเบิดหัวเราะร่าออกมาแล้วเอ่ยขึ้น “นายท่านหยาง หายากนักที่ท่านจะมาเยี่ยมเยียนเช่นนี้”
ชายชราที่นั่งตรงหน้าหนิงอวิ๋นซีและมีท่าทางดุร้ายแค่นเสียงก่อนจะเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “โรงเรียนมู่หยางต้องให้คำอธิบายกับเราในเรื่องนี้! ซูหลี่จะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน”
การสนทนาระหว่างทางโรงเรียนกับตระกูลหยางดำเนินไปครู่ใหญ่ และรายละเอียดของเรื่องก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อตะวันกำลังจะลับฟ้าทางทิศตะวันตก คนจากตระกูลหยางก็รีบผละจากไป ใครบางคนก็รีบมาหาซูหลี่เพื่อบอกข่าวในทันที
คนจากตระกูลหยางจากไปด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้าของผู้เป็นอาจารย์ใหญ่…กลับซีดเผือด
ข่าวที่ได้รับทำให้เม่ยรั่วหานถึงกับทรุดนั่งลง ก่อนที่นางจะตอบอะไร ธุรการของโรงเรียนก็ได้มาหาและตะโกนเรียก “ใครคือแม่นางซูหลี่?”
ซูหลี่วางหนังสือลงและยืนขึ้นด้วยอาการสงบ “ข้าเองเจ้าค่ะ”
ธุรการยืนอยู่ตรงประตูและส่งคำสั่งให้กับซูหลี่ด้วยอาการไม่เต็มใจหลังลังเลอยู่นาน เขาเอ่ยขึ้น “แม่นางซูหลี่ อย่าได้สลดใจไปเลย! อาจารย์ใหญ่ไม่ปล่อยให้เจ้าถูกกล่าวหาผิด ๆ หรอก ตระกูลหยางทำเกินไปแล้ว!”
ซูหลี่เปิดจดหมายออกอ่าน เม่ยรั่วหานกับอากั่วพลันรู้สึกร้อนใจและเขยิบเข้ามาอ่านใกล้ ๆ
คอมเม้นต์