การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 103
LS ตอนที่ ๑๐๓
ผู้คุมสอบหน้าซีดขาวชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้าไร้เดียงสาของซูหลี่ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็มีอาการเป็นปกติและจ้องมองซูหลี่อย่างไม่อยากเชื่อ “นาง นางเป็นอาจารย์งั้นหรือ?!”
หนิงฉิงรีบส่งสัญญาณให้ซูหลี่ผ่านสายตา จากนั้นซูหลี่จึงหยิบป้ายหยกใหม่เอี่ยมสลักอักษร ซูหลี่ ออกมา ป้ายหยกมีลายสลักเฉพาะตัวเป็นอักษรของโรงเรียนสตรีชิงเหอเบื้องล่าง ซึ่งไม่อาจเป็นของปลอมไปได้
“ท่านคงจะเป็นซูหลี่ที่ผู้ครองมณฑลหมายถึงเป็นแน่!”
ผู้คุมสอบใบหน้าซีดขาวพลันเข้าใจเรื่องราวในทันทีและแสดงสีหน้ามีความหมาย ภายในโรงเรียนนี้เป็นที่ลือกันแพร่หลายว่าซูหลี่เป็นอาจารย์อายุเยาว์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกไม่เชื่อถือกับเรื่องนี้
แต่สำหรับผู้คุมสอบเล็ก ๆ แล้วเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เขาหยิบป้ายหยกของซูหลี่และจัดการเอกสารขอสอบเข้าของเม่ยรั่วหาน
เม่ยรั่วหานกับอากั่วออกไปจากที่นี่ หนิงฉิงพาซูหลี่เดินผ่านชั้นเรียนและช่วยซูหลี่จัดข้าวของในเรือนพักรับรองชั่วคราว
หลังจากพวกนางนั่งลงแล้ว ในที่สุดหนิงฉิงก็เอ่ยขึ้น “เจ้าผู้ครองมณฑลให้ทุนการสอนกับเจ้า ดังนั้นจึงไม่มีการตุกติกในเรื่องนี้และเจ้าก็สามารถฝากเข้าเม่ยรั่วหานได้ แต่สิ่งที่เจ้าต้องสอน…ยังคงอยู่ในกฎ”
“เช่นนั้น นี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าอาศัยอยู่ในเรือนพักชั่วคราวสินะเจ้าคะ?” ซูหลี่ชี้ไปที่อักษรบนประตู
หนิงฉิงลอบนึกในใจว่าซูหลี่เป็นคนที่ละเอียดถี่ถ้วนเป็นอย่างยิ่งจากนั้นจึงพยักหน้า “การสอบของเจ้าจะเริ่มในเช้าวันพรุ่งนี้ อย่าทำให้บิดาข้าเสียหน้าล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องไหน เจ้าควรจะมีความสามารถโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์สักอย่างหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีทักษะการเย็บปักถักร้อยเป็นเลิศ บางทีเจ้าอาจแสดงให้ดูในวันพรุ่งนี้ได้”
ซูหลี่พยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่านางเข้าใจ
“ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับกฎของโรงเรียน ความจริงแล้วสำหรับอาจารย์ก็มีกฎอยู่จำนวนหนึ่ง ทว่า…” หนิงฉิงชี้ไปที่กำแพงสูงไกลออกไปและเอ่ยขึ้น “ห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด!”
ซูหลี่มองสถานที่ที่หนิงฉิงชี้และอดไม่ได้ที่จะถาม “ที่ตรงนั้นมีอะไรหรือเจ้าคะ?”
“มันเป็นสนามวรยุทธ์!!!” คิ้วเรียวของหนิงฉิงเลิกขึ้นเล็กน้อยและนางก็เอ่ยต่อ “โรงเรียนสตรีชิงเหอไม่เหมือนกับโรงเรียนมู่หยางเล็ก ๆ หรอกนะ มันกินพื้นที่เมืองตะวันตกไปครึ่งหนึ่ง เจ้าคิดว่ามันจะสอนเพียงบทกวี คุณธรรมสตรี และงานเย็บปักถักร้อยหรือ? เจ้าตรวจดูรายละเอียดได้ในคู่มือ มันน่าจะถูกส่งมาให้เจ้าโดยคนที่ได้รับมอบหมายโดยเฉพาะ แต่ข้าจะให้มันกับเจ้าแทน”
ซูหลี่หยิบคู่มือเล่มหนาไปและพยักหน้าขอบคุณ นางไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนเลยและต้องการศึกษาโครงสร้างของโรงเรียนสตรีชิงเหอ หนิงฉิงอธิบายให้ฟังโดยคร่าว ๆ จากนั้นก็ทิ้งเข็มและด้ายในปริมาณพอใช้ให้ซูหลี่ได้ฝึกมือก่อนที่นางจะออกไป นางพยายามอดกลั้นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
แม่บ้านหลี่เดินวุ่นไปมาและจัดเตียงเตรียมไว้ แม้พวกนางจะอยู่ที่นี่เพียงหนึ่งคืน แต่นางก็อยากให้คุณหนูของนางได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ซูหลี่เปิดคู่มือออกอ่านเงียบ ๆ
โรงเรียนสตรีแห่งชิงเหอนับว่าสมควรแก่ฐานะโรงเรียนอันดับแรกของมณฑลชิงเหอ มันประกอบด้วยสองภาคส่วน โรงเรียนสตรีและโรงเรียนบุรุษ ในด้านวิชาหลักมีทั้งวิชาฝ่ายบุ๋นและวิชาฝ่ายบู๊ ผู้ที่เลือกวิชาฝ่ายบุ๋นจะได้เข้าทำงานในราชสำนักและถูกทดสอบระดับสติปัญญา ส่วนผู้ที่เลือกวิชาฝ่ายบู๊จะถูกประเมินร่างกายและพรสวรรค์เป็นลำดับแรก และแน่นอน พวกเขาก็ต้องเรียนรู้ตำราด้วยเช่นกัน ศิษย์ผู้ที่มีความสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู๊จะถูกทางโรงเรียนสอนเป็นพิเศษและสามารถสอบเข้าวิทยาลัยพิเศษได้
ผู้ที่จบการศึกษาจากวิทยาลัยด้านบู๊จะเข้าสู่องค์กรปราบปรามของราชสำนักหรือเข้าสังกัดในกองทัพ ศิษย์บางคนที่ฝีมือไม่โดดเด่นอาจถูกตระกูลต่าง ๆ ว่าจ้างและกลายเป็นอาจารย์หรือหัวหน้ากองกำลังรักษาการณ์
ในตอนนี้ยังไม่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น แต่เกิดสงครามเล็กขึ้นประปราย บุตรหลานของตระกูลต่ำต้อยที่เข้าร่วมกองทัพอาจได้รับการเลื่อนยศเร็วขึ้น หากพวกเขาแสดงศักยภาพมากพอในด้านการวางยุทธศาสตร์และกลวิธีรบ พวกเขาก็อาจจะได้เลื่อนขั้นขึ้นสามระดับในคราวเดียวและมีตำแหน่งสูงขึ้นภายในเวลาอันสั้น
เหตุผลที่หนิงฉิงไม่อนุญาตให้ซูหลี่เข้าไปในสนามฝึกวรยุทธ์ก็คือมีศิษย์จำนวนมากฝึกวรยุทธ์อยู่ที่นั่น แม้ศิษย์ของสำนักวรยุทธ์สตรีจะเป็นสตรีทั้งหมด แต่บางคนก็มีทักษะมากกว่าบุรุษ กระบี่นั้นไร้เมตตา หากใครได้รับบาดเจ็บโดยประมาทก็อาจถึงชีวิตได้
ซูหลี่รับประทานอาหารกลางวันหลังจากที่นางได้เรียนรู้แผนผังองค์กรภายในโรงเรียนโดยสังเขปแล้ว จากนั้นนางก็มีความเข้าใจในระดับชั้นเรียนต่าง ๆ ของโรงเรียนสตรีมากขึ้น
หนิงอวิ๋นจื่อเติมเติมความปรารถนาที่จะมาเป็นอาจารย์และได้อ่านหนังสือหายากที่นี่ของนาง แน่นอนว่านางไม่อาจเสียเวลาไปกับการสอนมากเกินไป
ในโรงเรียนสตรีมู่หยางมีเพียงการเรียนวรรณกรรม หัตถกรรม และคุณธรรมสตรีเท่านั้น แต่ในโรงเรียนสตรีชิงเหอมีวิชาให้เลือกเรียนอย่างหลากหลาย รวมถึงวรรณกรรม การคัดอักษร งานหัตถกรรม คุณธรรมสตรี การเล่นผีผา หมากรุก วาดภาพ พิธีกรรม การแพทย์ การทำอาหาร และอื่น ๆ
เป็นที่เชื่อกันสนิทใจในโรงเรียนสตรีชิงเหอว่าผู้ที่มีทักษะหลายด้านคือผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักอย่าง ดังนั้นในทุกปีศิษย์ใหม่จึงสามารถเลือกวิชาที่จะเรียนได้แค่วิชาเดียว เมื่อพวกนางเรียนรู้วิชาแรกจนแตกฉานระดับหนึ่ง พวกนางก็จะมีสิทธิ์สอบ เมื่อผ่านบททดสอบแล้วจึงจะสามารถเลือกเรียนอีกวิชาหนึ่งได้
วิธีนี้เหมือนกับวิธีที่สามีในอดีตชาติของนางใช้สอนนาง
การเล่นผีผา หมากรุก การคัดอักษร และการวาดภาพจัดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน สามีในอดีตชาติสอนนางไว้มาก และนางก็มีประสบการณ์ในเจียงหูพอตัว แต่วรยุทธ์ภายในของนางมีจำกัด ยิ่งกว่านั้นนางยังไม่ต้องการสอนคนอื่นในสิ่งที่สามีของนางได้สอนนางไว้
การสอนวรรณกรรมนั้นง่ายต่อการตายเพราะปากนัก ไม่เอา!
สอนการคัดอักษรนั้นง่ายต่อการนำปัญหามาสู่ตัวเพราะเผยลายมือของตัวเองมากเกินไป ไม่เอา!
คุณธรรมของสตรีก็เป็นแบบเดียวกับการสอนวรรณกรรม ไม่เอา!
การปรุงอาหารนั้นขัดต่อแผนที่ใช้แก้ขัดของนาง ไม่เอา!
ซูหลี่ส่ายหน้าไปมาซ้ำ ๆ และสายตาของนางก็หยุดอยู่ที่วิชาสุดท้ายในที่สุด นางอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา ไม่คิดเลยว่านางจะลงเอยด้วยการเลือกมัน
เช้าวันต่อมา คนรับใช้ได้มาที่เรือนรับรองชั่วคราวและรอคอยนาง ซูหลี่ตามเขาไปยังห้องเรียนอันกว้างใหญ่ นางถูกสายตานับสิบประเมินยามก้าวเท้าเข้ามา
ขณะเดียวกัน การสนทนาในห้องก็ได้เงียบหายสิ้น ทั้งห้องเงียบกริบ
ดวงตาของซูหลี่กวาดมองรอบห้องและเห็นว่าตรงกลางห้องเรียนมีลานวงกลมขนาดใหญ่ขนาดมากกว่าร้อยตารางเมตร ที่นั่งรอบลานนั้นเต็มไปด้วยบุรุษและสตรีทั้งชราและเยาว์วัย พวกเขามีอายุมากกว่ายี่สิบห้าปีและสวมชุดเครื่องเเบบของโรงเรียนชิงเหอหลากสีสันต่างกันออกไป
ซูหลี่ประเมินโดยคร่าว ๆ ว่ามีคนมากกว่าห้าสิบคนที่นี่
หนิงฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นเช่นกันและพูดอะไรไม่ออก ทั้งสำนักวรรณกรรมของโรงเรียนสตรีชิงเหออย่างเดียวก็มีอาจารย์มากกว่าเจ็ดสิบคนแล้วและคนส่วนมาก็มาในวันนี้! ตอนที่นางมาถึงก็มีอาจารย์มากกว่ายี่สิบคนมาก่อนหน้านี้แล้ว
อายุของซูหลี่เป็นเรื่องดึงดูดความสนใจมากอย่างเห็นได้ชัด
สตรีชราผมสีเทานั่งอยู่ตรงกลาง เมื่อนางเห็นซูหลี่เดินเข้ามาอย่างสง่างามมาที่ตรงกลางลาน นางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย มีเพียงความกล้าเท่านั้นที่ทำให้ผู้ที่เท่าเทียมกันรู้สึกอับอายได้ สตรีชราผู้นี้ก็เป็นสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปของโลกนักและทำเพียงตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียวเท่านั้นเมื่อมีอายุสิบห้าปี
“ข้าซูหลี่เจ้าค่ะ ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับอาจารย์แห่งโรงเรียนสตรีชิงเหอทุกท่าน!”
เสียงของซูหลี่ใสกระจ่างไพเราะดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ในดวงตาของคนจำนวนมากฉายแววชื่นชม แต่คนจำนวนมากกว่ายังคงกังขานางและคงท่าทีไร้อารมณ์อยู่
“ซูหลี่ ข้าคือเวินรั่วหมิน อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักวรรณกรรมสตรีชิงเหอ ข้าจะเป็นผู้ดูแลการสอบวิชาสาขา เจ้ามีวิชาที่ต้องการแล้วหรือไม่? หากเจ้ามี จงบอกเราเสียเพื่อที่จะได้คัดเหลือกระบวนการเดียว”
เสียงของเวินรั่วหมินฟังดูเป็นมิตรอย่างยิ่ง นางได้ยินหนิงฉิงบอกไว้ว่าซูหลี่มีทักษะดีทั้งด้านวรรณกรรมและหัตถกรรม แต่นางยังไม่รู้ว่าซูหลี่จะมีฝีมือดีพอที่จะเผยแผ่ความรู้และสอนคนอื่นหรือไม่
ซูหลี่พยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ข้าเลือกวิชาหัตถกรรมเจ้าค่ะ”
ได้ยินคำตอบแล้ว หนิงฉิงก็รู้สึกโล่งใจในทันที ซูหลี่รู้ตัวเองและไม่เลือกวิชาวรรณกรรม อาจารย์ใหญ่มีความรอบรู้ในเรื่องของวรรณกรรมอย่างล้ำลึกยากหยั่งถึง มันคงเป็นเรื่องยากมากหากนางเลือกวิชาวรรณกรรม
แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าวิชาหัตถกรรมจะเป็นเรื่องง่าย อย่างน้อยในบรรดาอาจารย์ที่อยู่บริเวณนี้ก็มีช่างหัตถกรรมชั้นยอดอย่างน้อยสามคน งานหัตถกรรมของพวกเขาสามารถขายได้ในราคาที่สูงลิ่วในโรงประมูลเลยทีเดียว
เวินรั่วหมินผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูหลี่พูด แต่นางก็ดึงสติตัวเองได้อย่างรวดเร็วและเอ่ยเสียงดัง “เฟิงฉิงรู่อยู่ที่นี่หรือไม่? ท่านสามารถถามคำถามกับซูหลี่ได้เลย”
เฟิงฉิงรู่?!
ม่านตาของซูหลี่หรี่ลง นางหันกลับไปและเห็นสตรีเยาว์วัยคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิงยืนขึ้น สตรีผู้นั้นดูสง่างาม ดวงตารีเฉียงทำให้นางดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ในตอนนี้เอง เฟิงฉิงรู่ก็มองซูหลี่ผู้เป็นช่างหัตถกรรมเปี่ยมพรสวรรค์เช่นกัน สายตาของนางฉายแววสงสัยบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยเสียงดัง “ซูหลี่ ในเมื่อเจ้ามีสิทธิ์ที่่จะยืนตรงนี้และต้องการทดสอบทักษะหัตถกรรมของเจ้าแล้ว เจ้าต้องเป็นช่างหัตถกรรมชั้นยอดแน่! ช่างหัตถกรรมทุกคนต่างมีทักษะหัตถกรรมชั้นสูงเป็นของตัวเอง เจ้าลองแสดงทักษะฝีมือหัตถกรรมชั้นสูงของเจ้าออกมาสิ!”
เมื่อเฟิงฉิงรู่พูดจบ ช่างหัตถกรรมจำนวนมากก็รู้สึกประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
การทดสอบของอาจารย์สอนหัตถกรรมช่างง่ายดายกว่าสิ่งที่เฟิงฉิงรู่พูดนัก ทักษะงานฝีมือขั้นสูงเป็นเรื่องยากเกินไปที่ช่างฝีมือชั้นยอดทั้งหมดจะสามารถทำได้ เหล่าช่างฝีมืออายุโสส่วนใหญ่ต่างฝึกฝนทักษะหัตถกรรมอย่างหนักหน่วงและกลายเป็นช่างฝีมือชั้นยอดได้โดยประสบการณ์และความสามารถ
แต่เฟิงฉิงรู่กลายเป็นช่างหัตถกรรมชั้นยอดได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ จะต้องเป็นเพราะทักษะฝีมือขั้นสูงแน่นอน
แต่ซูหลี่ยังเยาว์วัยเกินไป ต่อให้นางมีทักษะงานหัตถกรรมขั้นสูง นางก็ย่อมไม่สามารถทำตามมาตรฐานของการสอบได้ นางไม่สามารถผ่านการสอบไปได้เก้าในสิบครั้งต่อให้นางสาธิตให้พวกเขาดูแล้วก็ตาม
ซูหลี่ฝืนยิ้มหลังจากได้ยินดังนั้น ในชาตินี้นางได้พบกับอาจารย์งานหัตถกรรมผู้สอนทักษะหัตถกรรมให้นางด้วยตัวเอง แต่พวกเขากลับกลายเป็นคู่แข่งอย่างไม่คาดคิด ชะตาชีวิตหลังถือกำเนิดใหม่เป็นเรื่องเหนือสิ่งที่นางสามารถพูดได้นัก
“ฉิงรู่ อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากนักเลย” เวินรั่วหมินอดไม่ได้ที่จะตำหนิเฟิงฉิงรู่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่นางกลับได้ยินเสียงของซูหลี่ดังขึ้นก่อนจะพูดจบ “ข้าน้อมรับการสอบจากอาจารย์เฟิงเจ้าค่ะ!”
อาจารย์ทั้งหมดรวมถึงหนิงฉิงต่างประหลาดใจ ใบหน้าของหนิงฉิงฉายแววร้อนใจอยู่ลึก ๆ นางจำได้ว่าซูหลี่ได้สาธิตให้ดูว่าทักษะหัตถกรรมพื้นฐานของนางเข้าขั้นมาตรฐานของช่างฝีมือชั้นสูงในโรงเรียนสตรีมู่หยางแล้ว นางจะถูกท้าทายได้อย่างง่ายดายและยอมรับการสอบโดยตรงได้อย่างไรกัน?
บิดาของนางเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่าซูหลี่สงบเย็นและสุขุม หนิงฉิงรู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก
“เจ้ายอมรับมันหรือ?”
เวินรั่วหมินมีสีหน้าไม่มีความสุขเล็กน้อยเช่นกัน นางคิดว่าซูหลี่หยิ่งผยองเกินไปและอยากทำให้นางมีช่วงเวลายุ่งยากใจในครั้งนี้ นางจึงเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จงจัดการสอบได้ ขึงกระดานปักขึ้นเสีย!”
จากนั้นชายรับใช้สองคนจึงรีบเข้ามา พวกเขาวางกระดานปักตรงหน้าซูหลี่และยื่นกล่องเข็มและด้ายให้
ซูหลี่ปักเข็มอย่างมีสมาธิ คำเตือนนุ่มนวลของเฟิงฉิงรู่ในชาติที่แล้วเหมือนจะดังก้องในหู เฟิงฉิงรู่ได้ใส่ทักษะการปักดอกไม้แบบต้าฮั่นเข้าไปในงานของนางทีละน้อย
ในตอนนั้น เฟิงฉิงรู่มีอายุได้สามสิบปีและกลายเป็นช่างหัตถกรรมคนแรกในมณฑลชิงเหอ
ในตอนนี้ นางจะสาธิตทักษะหัตถกรรมที่เกือบจะสมบูรณ์แบบของเฟิงฉิงรู่ในชาติที่แล้วให้กับเฟิงฉิงรู่ในช่วงอายุยี่สิบให้ได้เห็น
คิดดังนี้แล้ว ซูหลี่ก็เริ่มปักฝีเข็มแรก เข็มที่สองต่อจากนั้น ด้วยดวงตาใสกระจ่าง…ฝีเข็มของนางเร่งเร็วขึ้น และนางก็รู้ชัดเจนว่านางต้องการจะปักอะไร
ทั้งห้องเงียบกริบด้วยความหวาดกลัวว่าจะมีบางสิ่งส่งผลกระทบต่องานปักของซูหลี่ เห็นฝีเข็มของซูหลี่รวดเร็วนักแล้ว เหล่าช่างฝีมือที่อยู่ตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเล็กน้อย ทักษะงานฝีมือขั้นสูงไม่เหมือนกับทักษะงานฝีมือพื้นฐาน ทุกฝีเข็มจะต้องละเอียดถี่ถ้วน มันจะไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้หากมีสิ่งผิดพลาด ซึ่งเป็นความยากที่สุดที่เห็นชัดของทักษะการปักขั้นสูง การแสดงของซูหลี่ได้ทำลายข้อห้ามนี้อยู่
เฟิงฉิงรู่แค่นเสียงเย็นชาในใจ ซูหลี่ยังเป็นสาวน้อยอย่างที่คิดจริง ๆ และยังใจร้อน ทักษะการปักขั้นสูงถูกแสดงออกมาแบบนั้นได้อย่างไร? นางเคยคิดว่าจะได้เจอกับคู่แข่งในโรงเรียนนี้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าซูหลี่ไม่เก่งอะไรเลย
“ว่าอย่างไรล่ะ?”
ทันใดนั้น ดวงตาของเฟิงฉิงรู่ก็หรี่ลงและนางก็ดูตกใจ นางเห็นว่าข้อมือของซูหลี่กำลังสั่นไหว และจังหวะการปักนั้น…
“ข้อมือของนางสั่น มันจบแล้วล่ะ”
ช่างปักอาวุโสหลายคนที่ไม่เห็นความหมายในเรื่องนั้นพากันสงสารซูหลี่ พวกเขาไม่เคยเห็นงานปักต้าฮั่นชั้นสูงใด ๆ ที่ต้องสั่นข้อมือมาก่อนเลย ซูหลี่ต้องทำอะไรผิดพลาดแน่ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในงานปักชั้นสูง มันยังจะทำต่อได้อีกหรือ?
“เอาล่ะ หยุดเถอะ ทำไมต้องฝืนด้วย?!”
สตรีกลางคนทนไม่ไหวตะโกนขึ้นมาในฝูงชน เสียงของนางแข็งกร้าวอย่างยิ่ง
ซูหลี่ถูกขัดจังหวะฉับพลันจนนิ้วมือสั่นรุนแรง เข็มปักได้แทงปลายนิ้วจนเลือดหยดซึมออกมา แต่นางกลับระบายลมหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ฝีเข็มไม่ได้สัมผัสกับส่วนที่ยังไม่เสร็จ ฝีเข็มดูบิดเบี้ยวเพราะเสียงร้อง หากมันปักบนส่วนที่ยังไม่สำเร็จมันก็จะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์
สตรีกลางคนเห็นซูหลี่แทงนิ้วตัวเองแล้วก็ลอบหัวเราะในใจ นางกำลังจะตำหนิซูหลี่ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตวาด
“อู๋ชูฉิน ท่านทำอะไรน่ะ?!”
อู๋ชูฉินหันหน้าอย่างประหลาดใจและสบเข้ากับดวงตาลุกไหม้ของเฟิงฉิงรู่ นางเห็นเฟิงฉิงรู่มีท่าทีราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ ก็รู้สึกตกตะลึงสุดขีด
คอมเม้นต์