การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – LS ตอนที่ 6ให้อภัย
LS ตอนที่ ๖ ให้อภัย
เช้าวันต่อมา ซูชิงถานก็เดินไปที่เรือนหลัก ก่อนที่เขาจะเดินเข้าประตู เขาก็เห็นบิดากำลังทานอาหารเช้ากับท่านแม่หนึ่งกับท่านแม่สอง
เมื่อฮูหยินหนึ่งเห็นเขาเดินมา นางก็กระแอมเบาๆ และยิ้มให้อย่างรักใคร่และเอ่ยขึ้น “อาถาน มานั่งตรงนี้สิ วันนี้ข้าสั่งโรงครัวให้ปรุงรังนกเชื่อมเป็นพิเศษเลยนะ”
ฮูหยินสองมีท่าทีสับสนเล็กน้อย โดยปกติแล้วบุตรชายของนางไม่เคยมาที่เรือนใหญ่เพื่อรับประทานอาหารเช้า แต่จูเหยียนรู้ได้อย่างไรว่าบุตรชายของนางจะมาหาวันนี้?
ซูชิงถานเเค่นเสียงเย็น นั่งลงแล้วพูดขึ้น “ท่านพ่อ ข้ามาเพราะ…”
“ท่านแม่หนึ่งของเจ้าบอกข้าว่าทำไมเจ้ามาที่นี่แล้ว”
ซูฮ่วนหลีวางตะเกียบลง เขามองมาด้วยดวงตาฉายแววสง่างามและเอ่ยต่อ “เรื่องนี้จะไม่ถูกประกาศออกไป มันดีแล้วที่จะพาเอ้อร์หยากลับและข้าจะจัดการกับจื่อเผย เท่านั้นแหละ”
คำพูดของบิดาทำให้ซูชิงถานรู้สึกกังขา “ต่อให้น้องสาวของข้ากลับมาแล้ว นางก็ยังหวาดกลัวต่อข้อกล่าวหาที่มีต่อนาง นางจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไร? นางไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไม?”
ยิ่งซูชิงถานเอ่ย ซูฮ่วนหลีก็ยิ่งอึกอัก “โอ้”
ฮูหยินหนึ่งเอ่ยเตือนในคราวเดียว “อาถาน เจ้าพูดเช่นนั้นไม่ได้นะ ถ้าเจ้าบอกทุกคนเกี่ยวกับจื่อเผย แล้วภายภาคหน้านางจะมีใครยอมแต่งงานด้วยกันล่ะ? อีกอย่างมันก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น และพายุก็สงบลงแล้ว บางทีคนอื่นๆ อาจลืมมันไปแล้ว ถ้าเรารื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งมันก็จะมีคนหัวเราะเยาะเราได้นะ”
ฮูหยินจูรู้สึกว่าคำพูดนี้ได้เอ่ยแทนนางไปแล้ว
ซูฮ่วนหลีมีท่าทางแข็งกร้าวอีกครั้งและตวาดใส่ซูชิงถาน “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก! ท่านแม่หนึ่งของเจ้าคือแม่ของเอ้อร์หยา นางไม่สนใจเรื่องนี้แล้วดังนั้นแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่ง!”
ซูชิงถานรู้สึกโกรธจัด เขามองรอยยิ้มเป็นมิตรบนใบหน้าของท่านแม่หนึ่งแล้วอดไม่ได้ที่จะเสียดสี “พวกเราทุกคนล้วนรู้ว่าท่านคือมารดาของน้องสอง ถ้าเราไม่รู้เรื่องนั้น ข้าก็คงจะนึกว่าน้องสองถูกเก็บมาจากถังขยะแล้ว”
ใบหน้าของฮูหยินหนึ่งเปลี่ยนไปในทันที
“มันมากเกินไปแล้วนะ!”
ซูฮ่วนหลีทุบกำปั้นลงบนโต๊ะจนข้าวต้มกระฉอกออก “เจ้ามาที่นี่ในตอนเช้าตรู่ก็เพื่อจะมาเถียงผู้ใหญ่อย่างเรางั้นหรือ? นั่นคือสิ่งที่เจ้าเรียนมาจากตำราใช่ไหม?” เขาเอ่ยด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว
“นายใหญ่เจ้าคะ เขาไม่ได้ตั้งใจ จำไม่ได้หรือเจ้าคะว่ามันเป็นเพราะเขาโกรธที่ไม่ได้รับการแนะนำตัว!”
ฮูหยินฉุยผู้เป็นฮูหยินสองที่มองภาพเหตุการณ์มาตลอดก็รีบลุกขึ้นกระซิบ “ขอโทษพ่อเจ้าซะ!”
ได้ยินคำพูดของมารดา ซูชิงถานก็สูดหายใจลึก เขาโค้งคำนับและเอ่ยอย่างจริงใจ “ท่านพ่อ ข้าขอโทษ แต่ข้าหวังว่าน้องสองจะได้รับการชดใช้นะขอรับ”
ซูฮ่วนหลีสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง เมื่อฮูหยินสองเอ่ยแนะนำเช่นนั้นขึ้นมา ความชอบพอในตัวฮูหยินหนึ่งก็พลันลดลง เขาพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ให้นางมาอยู่กับเจ้าในเรือนตะวันออกได้จนกว่าอาการของนางจะดีขึ้น”
ฮูหยินสองหันไปเอ่ยเตือนกับซูชิงถานที่ยังยืนนิ่ง “ขอบคุณพ่อเจ้าเสียสิ!”
ซูชิงถานรู้ว่านี่เป็นเรื่องดีและเขาก็รีบประสานมือคารวะอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ถูกแก้ไขก่อนที่ฮูหยินหนึ่งจะมีเวลาแย้งเสียอีก
ฮูหยินสองมีรอยยิ้มลับ ๆ ฉายในดวงตาเมื่อนางได้ยินคำพูดเหล่านั้น แม้ฮูหยินหนึ่งจะยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่สีหน้าของนางก็ดูฝืนไปอย่างเห็นชัด
ในอดีต ฮูหยินฉุยให้ความเคารพนางอย่างมากจนไม่กล้าแม้แต่จะพูด นางไม่คิดเลยว่าวันนี้อีกฝ่ายจะได้ท้าทายอำนาจนางอย่างฉับพลัน
สำหรับนางแล้ว เอ้อร์หยาเป็นเหมือนเสี้ยนหนามในใจ หากนางไม่สามารถกำจัดนางได้ นางก็ไม่อาจสงบสุขอยู่ได้!
“นังสารเลวนั่นนำปัญหามาให้ข้ามากเหลือเกิน!” นางคิดอย่างเคียดเเค้น
…
เมื่อซูชิงถานกลับมา เขาก็ยืนอยู่ด้านหน้าห้องนอน รู้สึกละอายและหวาดกลัวที่จะเดินเข้าไป
“พี่ชายใหญ่หรือเจ้าคะ?”
เสียงแผ่วดังมาจากในห้อง
ซูชิงถานรู้สึกเปรี้ยวในใจ จากนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็ผุดบนใบหน้า เขาผลักประตูเดินเข้าไปและเอ่ยถามเสียงดัง “น้องสอง วันนี้เจ้าพักผ่อนสบายดีหรือไม่? ข้านำรังนกเชื่อมมาให้เจ้าด้วยนะ”
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ซูชิงถานก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นซูเอ้อร์หยาดิ้นขลุกขลักเพื่อจะลงจากเตียง เขารีบวางกล่องข้าวลงและรีบรุดไปที่ขอบเตียงเพื่อประคองซูเอ้อร์หยาไว้ “เจ้าทำอะไรน่ะ? นอนลง!”
“ข้าจะไปผ่าฟืนและตักน้ำเจ้าค่ะ” ซูเอ้อร์หยามองอย่างสับสน “ถ้าข้าไม่ผ่าฟืน แม่บ้านเจิ้งจะตีข้า”
ซูชิงถานคิ้วกระตุกรุนแรงและกระซิบ “เจ้าไม่ต้องผ่าฟืนกับตักน้ำที่นี่หรอก สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำคือนอนลงแล้วหายป่วยให้เร็วที่สุด”
“เจ้าค่ะ”
ซูเอ้อร์หยาเอียงศีรษะและขดตัวอยู่ในผ้านวมอุ่น ดวงตาสีดำของนางเบิกโพลง
ซูชิงถานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาแตะหน้าผากของซูเอ้อร์หยาและเอ่ยถาม “น้องสอง เจ้าถูกรังแกมากขนาดนี้ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะ?”
“เพราะแม่บ้านเจิ้งไม่ยอมให้ข้าบอกท่านเจ้าค่ะ”
ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ และใบหน้าของนางก็ฉายแววหวาดกลัว ก่อนที่นางจะไม่พูดอะไรอีก
ซูชิงถานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เด็กโง่เอ๊ย เจ้าช่างอ่อนไหวและอ่อนแอเสียจริง” ซูชิงถานเอ่ยในใจ “ตอนที่ข้าได้ไปที่ว่าการแล้ว ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ได้อย่างไร?”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าท่านแม่หนึ่งของเขาเกลียดเอ้อร์หยามาก ท่านพ่อก็มัววุ่นอยู่กับการงาน และท่านเเม่หนึ่งก็เป็นคนจัดการดูแลสิ่งเล็กน้อยทุกสิ่งในครอบครัว หลังจากที่เขาออกไปแล้ว น้องสองของเขาต้องถูกทุบตีกลั่นแกล้งอีกเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ซูชิงถานพลันนึกถึงท่านหมอฉีแห่งไป๋เฉาถังขึ้นมา หรือมันจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องส่งน้องสองไปที่ไป๋เฉาถัง? แต่จะทำอย่างไรท่านพ่อจึงจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้กันล่ะ?
ซูชิงถานส่ายหน้า ยังมีเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะไปก่อนจะถึงช่วงเวลาคัดตัว เรื่องนี้ต้องได้รับการถกกันอย่างละเอียด บางทีท่านแม่ของเขาคงจะมีทางช่วยได้
คอมเม้นต์