การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 25
ตอนที่ ๒๕
แม่บ้านหลี่ตัวสั่นและเงียบกริบ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะนางจำอดีตได้หรือเป็นเพราะน้ำเสียงเย็นเยือกของซูเอ้อร์หยาเมื่อไม่กี่วันก่อนกันแน่
“แม่บ้านหลี่ ตอนนี้ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ ในเรือนจินหยวน จะเป็นการดีที่สุดที่ข้าไม่ถูกใครรังเเก แต่ถ้าข้าถูกรังแกอีก ข้าก็อยากมีพลังสู้กลับบ้าง ก่อนหน้านี้ความเป็นความตายอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากสัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีกแล้ว”
ซูเอ้อร์หยาเผยรอยยิ้มขื่น “ท่านแม่ข้า…นางช่างโหดร้ายเสียจริง! ข้าคิดว่าหากข้าไม่ต่อต้าน ต่อให้ข้ามีชีวิตที่ยากลำบากข้าก็คงไม่ตาย ข้าจึงเก็บเงียบและไม่ต่อต้าน แต่ข้าช่างไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ”
แม่บ้านหลี่รู้สึกใจกระตุกเสียจนตระหนักว่าเป็นนางเองที่โง่เขลาไม่ใช่คุณหนูสอง นางโง่เสียจนรู้สึกหวาดกลัวแม้กระทั่งเสียงเย็นเยือกของซูเอ้อร์หยา
แต่หลังจากคิดโดยละเอียดแล้ว นางก็รู้ว่าคุณหนูสองเยาว์วัยนัก นางจึงต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดในทุกวันได้ หากนางไม่ฉลาด แล้วนางจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
ก่อนหน้านั้นคุณหนูสองยังช่วยเหลือนางจากการควบคุมของฮูหยินหนึ่งอยู่เนือง ๆ จะหาคุณหนูที่ใจดีอย่างนี้ได้จากที่ไหนอีก!
ในตอนนั้นเอง ความรู้สึกผิดก็โถมทับนางราวกับทะเลคลั่ง
“คุณหนูสอง…” แม่บ้านหลี่กุมมือของซูเอ้อร์หยาไว้แน่นและเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าท่านจะพูดหรือทำอะไรในอนาคต ข้าจะสนับสนุนท่านโดยไม่มีเงื่อนไขเลยเจ้าค่ะ!”
ซูเอ้อร์หยาเหลือบมองและยิ้มสดใสราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ และวางมืออีกข้างหนึ่งบนมือของแม่บ้านหลี่
ไม่ง่ายนักที่จะมีผู้ติดตามแสนจงรักภักดีแบบนี้ได้
น้ำตาของแม่บ้านหลี่รื้นขึ้น ในตอนนี้นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีตคุณหนูที่ตายไปแล้ว หากสาวน้อยคนนั้นใช้สมองในการหลบหนี บางทีนางอาจจะไม่ต้องตายแบบอนาถแบบนั้นในปีนั้นก็ได้…
ดวงอาทิตย์ฉายแสงในวันต่อมา
บ้านตระกูลซูดูเงียบสงบ และฉีเซี่ยนชิงก็สอนการอ่านให้ซูเอ้อร์หยาตามปกติ ขณะที่การฝึกเสวียนกงถูกระงับไว้ก่อนชั่วคราว ความจริงแล้วฉีเซี่ยนชิงกำลังโกรธจัด หากไม่ใช่เพราะจูเหยียนแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็จะบรรลุวิชาเข้าสู่ขุมที่สอง จูเหยียนกลับสร้างปัญหาและทำให้การฝึกวรยุทธ์ของซูเอ้อร์หยาล่าช้าออกไป
“พี่สาวสอง วันนี้ท่านดูดีมากขึ้นนะขอรับ!” เมื่อถึงท้ายคาบ ซูชิงฮ่าวก็กระโดดจากโต๊ะของเขามานั่งข้าง ๆ ซูเอ้อร์หยาและเอามือแตะหน้าผากของนางเหมือนผู้ใหญ่
ซูเอ้อร์หยายิ้มและกำลังจะแตะศีรษะของซูชิงฮ่าว แต่ซูชิงฮ่าวกลับถูกดึงตัวออกไปด้วยมือข้างหนึ่ง
ซูเอ้อร์หยามองขึ้นและหุบยิ้มเล็กน้อย ก่อนค้อมศีรษะทำความเคารพและเอ่ยขึ้น “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านแม่สอง”
“อรุณสวัสดิ์เอ้อร์หยา”
หลี่เยว่เหลียนมองซูเอ้อร์หยาด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องเพราะนางมักสัมผัสได้ถึงความกลัวต่อซูเอ้อร์หยา “ชิงฮ่าวมีเรียนวรยุทธ์ต่อจากนี้ เขาเลยอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก”
ซูเอ้อร์หยาพยักหน้าอย่างรู้งานพลางโบกมือ “ถ้าอย่างนั้นก็ไว้เจอกันใหม่เจ้าค่ะท่านแม่สอง”
หลี่เยว่เหลียนมีท่าทีอ่อนโยนจากนั้นก็ดึงตัวซูชิงฮ่าวออกไป นางคิดในใจตัวเอง ซูเอ้อร์หยาฉลาดและมีเหตุผล ทำไมนางถึงไม่เห็นเรื่องนี้มาก่อน?
เจ็ดวันหลังจากเวลาอันเงียบสงบ ในที่สุดจูเหยียนกับซูจื่อเผยก็กลับมาที่บ้านตระกูลซูในคืนนั้นและจ้องมองเรือนจินหยวนที่ส่องแสงสว่าง จูเหยียนถึงกับขบฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง
“แม่บ้านเจิ้งนั่นหนีไปและลืมพวกเราเสียแล้ว เอ้อร์หยาบ้า ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เรือนจินหยวนเป็นของบุตรชายข้า ไม่มีใครสามารถพรากมันไปได้!”
ซูฮ่วนหลี่ตกใจที่รับรู้ว่าจูเหยียนกลับมาแล้ว เขาคิดว่าภรรยาจะอยู่ที่บ้านของมารดานางมากกว่าครึ่งเดือนเสียอีก
ความจริงแล้วจูเหยียนถูกบีบให้ต้องกลับมา นางเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว เหมือนกับน้ำที่สาดออกนอกตระกูลจู ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงแต่นางจะขอเงินจากบิดามารดาเป็นจำนวนมากในเมื่อไม่นานมานี้ นางยังกลับมาที่ตระกูลจูเพื่อรับน้ำและข้าวอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไร จนสร้างเสียงนินทาจำนวนมาก ส่วนซูจื่อเผยก็ร้องไห้ตลอดเวลา ในที่สุดนางก็ต้องกลับมาที่บ้านตระกูลซู
“ยอดรัก ข้าเกรงว่าอาจารย์ฉีจะยังโกรธอยู่ เจ้าไม่ต้องไปนั่งในชั้นเรียนให้เกิดความอึดอัดใจหรอก แล้วก็อย่าไปที่เรือนจินหยวนอีกเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด อาจารย์ฉีถึงกับไปที่เรือนจินหยวนบ่อย ๆ เพื่อดูอาการบาดเจ็บของเอ้อร์หยาเลยทีเดียว”
ซูฮ่วนหลี่รีบรุดมาหาและเอ่ยกับจูเหยียนอย่างเร่งร้อน จูเหยียนจ้องมองเขาอย่างโกรธเคืองและเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ ท่านกำลังจะขวางการกระทำของข้าเพื่อคนนอกหรือเจ้าคะ? เหตุผลเรื่องนี้คืออะไร? เราเป็นคู่สามีภรรยากันนะ และความรักที่เรามีให้กันมาหลายปีนี้ไม่อาจสู้กับบัณฑิตจน ๆ คนนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”
ซูฮ่วนหลี่ถอนหายใจยาว จากนั้นก็เอ่ยปลอบนาง
“ยอดรัก ข้ากำลังมองในภาพรวมอยู่ ต่อให้ท่านหมอฉีจะไม่มีเงินและไม่มีอำนาจ แต่ศิษย์ของเขาแต่ละคนก็ไม่ได้รับมือได้ง่าย ๆ เลย พวกเขาต่างเป็นข้าราชการของศูนย์กลางปกครองกันทั้งหมด และเขาก็มีเกียรติยศสูงส่งในสถาบันของเขา ถ้าเจ้าไม่ประนีประนอมเขาแล้ว อนาคตของตระกูลซูเราก็คงจะสิ้นสุด ดังนั้นแล้วยอดรัก เจ้าต้องทนไว้นะ!”
แม้จูเหยียนจะรู้ว่านายท่านตั้งใจผลักดันนางด้วยสถานการณ์ทั้งหมด แต่นางก็ยังโกรธแค้นเกินกว่าจะกินอิ่มนอนหลับ ในเวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งเดือน จูเหยียนก็ผ่ายผอมลงมาก เมื่อใดกันที่นางประสบกับความหดหู่เช่นนี้? มันช่างน่าขันนัก!
“เมื่อใดที่ข้ามอบจื่อเผยของข้าให้กับตระกูลผู้ดีให้เป็นบุตรสาวของพวกเขา ข้าก็จะทวงขอความยุติธรรมด้วยตัวเอง!” เมื่อทำแผนใหญ๋ไม่สำเร็จ จูเหยียนก็มองที่ใบหน้าสดสวยสีชมพูระเรื่อเปี่ยมด้วยพลังของซูจื่อเผยและให้กำลังใจตัวเอง
ในคาบเรียนภาคเช้าหลังจากนั้นไม่กี่วัน…
“เจ้าขีดเขี่ยอะไรอยู่เนี่ย แม้แต่ซูชิงฮ่าวน้องชายของเจ้ายังเขียนสวยกว่าเจ้าเลย ให้ตายเถอะ! ซูจื่อเผย เจ้าไม่สมควรเป็นศิษย์ของข้า พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องเข้ามาเรียนแล้วนะ”
ฉีเซี่ยนชิงกำกระดาษและเขวี้ยงใส่หน้าซูจื่อเผย ซูจื่อเผยรู้สึกน้อยใจจนน้ำตาคลอเบ้า นางมองกระดาษบนพื้นอย่างโกรธเคืองและอยากจะโต้เขากลับ แต่มันก็เป็นอย่างที่ฉีเซี่ยนชิงพูด ลายมือของนางบิดเบี้ยวโย้เย้ดูน่าเกลียดที่สุด
ลายมือของซูชิงฮ่าวแม้ไม่ดูดีนักแต่ก็เป็นเส้นตรงและเรียบร้อย ส่วนลายมือของซูเอ้อร์หยา…ช่างงดงามนัก! ลายมือทุกขีดของนางล้วนสง่างามและเป็นธรรมชาติ!
เทียบกับลายมือของซูเอ้อร์หยาแล้ว ลายมือของซูจื่อเผยดูเหมือนไก่เขี่ยยิ่งนัก น่าเกลียดเป็นบ้า!
คอมเม้นต์