การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 27
ตอนที่ ๒๗
โคลงศีรษะไล่ความคิดพิกลออกไปแล้ว แม่บ้านหลี่ก็เสนอขึ้นมา “ให้ข้าทำงานเย็บปักถักร้อยจุนเจือครอบครัวเถิดเจ้าค่ะ ท่านทำให้นายท่านไม่มีความสุขครั้งที่แล้วเนื่องจากปัญหาระหว่างท่านกับฮูหยินหนึ่ง ไม่ว่าท่านจะโศกเศร้าเพียงใดท่านก็อย่าไปหาเขาเลยนะเจ้าคะ”
ซูเอ้อร์หยากล่าวเสียงนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้ารู้แล้วจ้ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“เยี่ยมเจ้าค่ะ คุณหนูสอง พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปเตรียมอาหารกลางวันนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลี่ตอบและเข้าไปในครัว
ซูเอ้อร์หยาโน้มตัวลงและปิดหนังสือสำเนาแห่งต้าฮั่นที่ได้จากห้องของซูจื่อเผยและเดินเบาๆ ตรงไปยังเรือนใหญ่ด้วยท่วงท่าของหญิงงาม
“นายท่าน คุณหนูสองขอเข้าพบท่านขอรับ” พ่อบ้านหลี่บอกนายใหญ่ตรงหน้าห้องหนังสือ
ซูฮ่วนหลี่วางสมุดบัญชีลงพลางย่นคิ้ว แล้วถามกลับ “นางมาทำอะไรที่นี่? นางเพิ่งจะฟื้นตัวนะ”
“นางคงอยากมาทำความเคารพท่านขอรับ” พ่อบ้านหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ซูฮ่วนหลี่แค่นเสียง “ข้าไม่คิดอย่างนั้น ให้นางเข้ามา”
ความชอบใจในตัวบุตรสามคนที่สองจากบ๊ะจ่างแสนอร่อยได้จืดจางลงเนื่องจากปัญหาที่นางมีต่อฮูหยินหนึ่ง ไร้การสนับสนุนจากตระกูลจูแล้ว ธุรกิจร้านผ้าไหมของเขาอาจต้องซบเซา
ยิ่งกว่านั้นก็คือฮูหยินหนึ่งบอกเขาว่าเอ้อร์หยาตอนนี้ที่อยู่เรือนจินหยวนได้เข้าไปสร้างความวุ่นวายให้กับหอบัญชี นางต้องการเบี้ยหวัดประจำเดือนจำนวนห้าร้อยชั่งทุกเดือน เป็นจำนวนมากกว่าของชิงฮ่าวกับจื่อเผยรวมกันเสียอีก
จูเหยียนไม่อยากให้มัน และเอ้อร์หยาก็สร้างปั
ญหาอย่างมากให้กับหอบัญชี ในที่สุดแล้วนางก็ได้ไปสามร้อยชั่ง
ซูเอ้อร์หยาในชุดสีพื้นก้าวผ่านประตูเข้ามาอย่างแช่มช้า
เห็นบุตรสาวคนที่สองแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็ไม่ตื่นเต้นดีใจอีก เขากลับรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อยจากความละโมบของนาง
“ข้ามาทำความเคารพท่านพ่อเจ้าค่ะ จากที่ท่านพ่อใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อรักษาข้า” ซูเอ้อร์หยาเดินตรงไปที่โต๊ะและทำความเคารพด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย
ซูฮ่วนหลี่ไม่ดีใจ น้ำเสียงของเขาเย็นชาและตอบแบบพอเป็นพิธี “เจ้ายังรู้จักสำนึกอยู่นี่ เข้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะหวาดกลัวกับน้ำเสียงของซูฮ่วนหลี่ ด้วยใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อย นางก้าวถอยแล้วเอ่ยตอบ “ข้าแค่อยากจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในหอบัญชีเจ้าค่ะ”
“ดี!”
ซูฮ่วนหลี่คิดว่าซูเอ้อร์หยากำลังเล่นลิ้นจนเขาต้องระเบิดหัวเราะออกมาทันทีอย่างมีโทสะ “แม่เจ้าบอกเรื่องนี้กับข้าแล้ว เจ้ายังอยากจะพูดอะไรอีก?”
“ท่านแม่บอกเรื่องนี้กับท่านแล้ว!” ซูเอ้อร์หยาตกใจและเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อเจ้าคะ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่อย่างที่นางพูดนะเจ้าคะ เงินสามร้อยชั่งมันมากเกินไป ข้าต้องการแค่สามสิบชั่งเองเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?”
ซูฮ่วนหลี่คิดว่าเขาหูฝาดไป หากซูเอ้อร์หยาบอกว่านางไม่ได้ขอเงินสามร้อยชั่ง เขาก็จะไม่เชื่อนาง แต่ตอนนี้เขาพบว่าพวกเขามีความเห็นเรื่องเงินธรรมดาต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ซูเอ้อร์หยาก้มหน้าร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะราวไข่มุกพร้อมกระซิบสะอึกสะอื้น “ข้าแค่ต้องการเงินสามสิบชั่งเท่านั้นและไม่ได้อยากได้เพิ่มเลย ท่านพ่อยุ่งอยู่กับกิจการและต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาล ข้าจะฟุ่มเฟือยได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ? ข้าขอแค่สามสิบชั่งเท่านั้นเอง…”
ซูฮ่วนหลี่รู้สึกสับสน ยิ่งเขาพยายามคิดมากเขาก็ยิ่งสับสน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าหมายความว่าท่านแม่ให้เงินเจ้ามาเกินงั้นหรือ?”
ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะดูตกใจและเงยหน้าขึ้นเผยใบหน้าใสกระจ่างราวกับดอกไม้สีขาวพราวด้วยหยาดน้ำค้างในตอนเช้า
ซูฮ่วนหลี่รู้สึกสะดุดใจ คนธรรมดาทั่วไปคงกระวนกระวายใจเมื่อเห็นใบหน้าเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่านี่คือบุตรสาวของเขาเองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เจ้าค่ะ…พ่อบ้านหลี่บอกไว้ ข้าเพียงให้แม่บ้านหลี่รับไปสามสิบชั่งเท่านั้น มันเป็นความดื้อดึงของข้าเองเจ้าค่ะ…ท่านพ่อไม่ควรตำหนิท่านแม่นะเจ้าคะ อ้า! คือว่า…”
ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะไร้คำพูดของนางไปและไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร นางไม่รู้จะพูดอะไรไปครู่หนึ่ง
พ่อบ้านหลี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูราวกับรูปปั้นเบ้ปากเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เด็กโง่เอ้ย! จูเหยียนไม่ได้เห็นนางเป็นมนุษย์ แต่นางก็ยังพยายามจะปกป้องมารดาของนางอยู่อีก
ท่าทางเงอะงะไม่ได้ขัดขวางท่าทีเห็นใจอย่างลึกซึ้งของเขาต่อซูเอ้อร์หยา เขาจะปกป้องสาวน้อยใจดีเรียบง่ายคนนี้ ต่อให้ตาเฒ่าฉีเซี่ยนชิงไม่ได้ร้องขอให้เขาช่วยทำเรื่องนี้ก็ตาม
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหอบัญชีแล้ว เอ้อร์หยา ไม่ต้องร้องไห้นะ นี่คือขนมเข่งที่ข้าซื้อมาจากในเมือง รับกลับไปบางส่วนสิ”
ใบหน้าเย็นดุจหิมะของซูฮ่วนหลี่เปลี่ยนไป บิดาผู้ใจดีกลับคืนมาอีกครั้ง
ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ซูเอ้อร์หยาถือกระจาดอาหารแล้วยิ้มตาหยีจนตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยวดุจนิลกาฬ “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ! แม่บ้านหลี่กำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่ ท่านหมอฉีบอกว่าความประหยัดเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง ข้าจะไม่กินจนกว่าข้าจะหิวในตอนบ่าย”
“ฮ่า ๆๆๆ เด็กดี เชิญตามสบาย”
ซูฮ่วนหลี่หัวเราะร่า หลังเอ่ยอำลากับซูเอ้อร์หยาแล้วเขาก็กลับเข้าห้องของตนด้วยใบหน้ามืดครึ้มเสียจนสามารถกลั่นหยดน้ำได้ เขาเอ่ยถามเสียงต่ำ “พ่อบ้าน เรื่องมันเป็นมาอย่างไร?”
”
พ่อบ้านชราเอ่ยช้า ๆ เป็นลำดับเรื่องราว “เมื่อคืนฮูหยินหนึ่งไปที่หอบัญชี นางขอขึ้นเงินเดือนของเอ้อร์หยาจากสองร้อยชั่งขึ้นเป็นสามร้อยชั่งแล้วก็ฉวยไป นางบอกว่ามันถูกส่งไปให้เอ้อร์หยา จึงดูเหมือนว่าคุณหนูสองได้เงินเพียงสามสิบชั่งเท่านั้นขอรับ”
“สิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องโกหก มันไม่มีกฎอะไรเช่นนี้หรอก!”ซูฮ่วนหลี่โมโหและเอ่ยขึ้น “ทำไมเจ้าไม่พูดเรื่องสำคัญแบบนี้กับข้าเลยล่ะ?”
พ่อบ้านชราทำทีประจบประแจงและยอมจำนนพลางกระซิบ “ข้าเองก็อยากพูดอยู่ขอรับ แต่คุณหนูสองกำลังมา นางไม่อยากให้นายท่านตำหนิฮูหยินหนึ่งขอรับ”
“ไม่ให้ตำหนิเรอะ?” ซูฮ่วนหลี่ตบโต๊ะและเอ่ยขึ้น “ที่นี่บ้านตระกูลซูไม่ใช่ธนาคารของจูเหยียน! พ่อบ้าน…เจ้าปิดบังเรื่องอะไรข้าอยู่หรือไม่?”
พ่อบ้านชราก้มหน้างุดมากกว่าเดิมและเอ่ยตอบ “ฮูหยินหนึ่งไม่ได้นำเงินออกไปมากเท่านี้มาก่อนขอรับ แล้วก็…ต่อให้ข้าพูดไป นายท่านก็คงจะเชื่อว่าข้าเป็นคนยักยอกเงินทั้งหมดน่ะขอรับ”
เพล้ง!
ถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาวแตกเป็นเสี่ยง ๆ
คอมเม้นต์