การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 28
ตอนที่ ๒๘
“มันไม่มีกฎเช่นนี้อยู่! ช่างเป็นหญิงละโมบนัก! นางยังมีหน้ามาป้ายความผิดให้เอ้อร์หยาและกล่าวความเท็จอีก นางเคยเคารพข้าบ้างไหม? เคยเคารพตระกูลซูบ้างไหม?!”
ดวงตาของซูฮ่วนหลี่เป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ
น่าเศร้าที่เขาไม่สามารถโกรธจูเหยียนลง ไม่อย่างนั้นร้านผ้าไหมที่ก่อตั้งขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจากตระกูลจูก็คงจะล้มละลาย
“นายท่าน สงบใจลงก่อนขอรับ สุขภาพของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” พ่อบ้านรีบกล่าวโน้วน้าว “ท่านยังมีเอ้อร์หยาอยู่นะขอรับ นางกตัญญูต่อท่านมากนะขอรับ!”
คิดถึงเอ้อร์หยาแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็รู้สึกสบายใจและสงบลงอย่างบอกไม่ถูก
ใช่แล้ว อย่างน้อยก็มีบุตรสาวคนหนึ่งที่เป็นห่วงเขาอย่างแท้จริงในตระกูลใหญ่เช่นนี้
หลังถูกพ่อบ้านเอ่ยเตือนสติ ซูฮ่วนหลี่ก็เอ่ยอย่างระมัดระวัง “เด็กคนนั้นไร้เดียงสานัก ถ้านางออกไปข้างนอกเพียงลำพังและถูกขายนางก็ไม่รู้ตัว ถ้าข้าต้องเดินทางไกลในภายหน้า ข้าจะอุ่นใจได้อย่างไรหากนางต้องอยู่คนเดียวในเรือนตะวันตก? พ่อบ้าน เจ้าต้องหาคนรับใช้ที่ไว้ใจได้มากกว่านี้มาปกป้องนางนะ”
“ขอรับนายท่าน ส่วนฮูหยินหนึ่ง…”
พ่อบ้านหลี่ไม่ทันพูดจบ ซูฮ่วนหลี่ก็มีท่าทีเย็นเยือกเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “จับตาดูนางไว้ หากนางรังแกเอ้อร์หยาอีกครั้งเจ้าต้องหยุดนาง เมื่อใดที่นางเก็บเงินได้มากพอ นางคงจะหาเรื่องออกไปข้านอกอีกครั้งแน่ ครั้งนี้ข้าต้องรู้เหตุผลให้ได้!”
จากนั้นซูฮ่วนหลี่ก็ตระหนักได้ว่าคนที่เต็มไปด้วยคำโกหกและสร้างความอับอายให้เขานั้นไม่ใช่บุตรสาวคนที่สองแต่เป็นจูเหยียนเอง
ก่อนหน้านี้ที่เขาขับไล่จูเหยียน เขารู้สึกเสียใจไปกับนาง จึงพยายามหาทางคืนดีกับนาง ตอนที่จูเหยียนอธิบายถึงการโต้แย้งในหอบัญชีเขาก็เชื่อนางในทันที นังสารเลว!
เพี้ยะ!
ซูฮ่วนหลี่ตบหน้าตัวเองอย่างแรง ดวงตาของเขาฉายแววเหี้ยมเกรียมร้ายกาจ แล้วเมล็ดพันธ์ุแห่งความหวาดระแวงก็หยั่งรากเติบโตในใจของเขา
—
“อ้า คุณหนูสองไปไหนมาหรือเจ้าคะ?” แม่บ้านหลี่ยืนอย่างกระวนกระวายตรงหน้าประตูเรือนจินหยวนและเอ่ยถามในทันทีที่เห็นซูเอ้อร์หยากลับมา
ซูเอ้อร์หยาหลั่งน้ำตาจำนวนหนึ่ง แต่ดวงตาของนางไม่ได้แดงก่ำ นางกลับหัวเราะและเอ่ยขึ้น “ข้าแค่ออกไปข้างนอกมาจ้ะแม่บ้านหลี่ ข้าหิวจัง ตอนนี้ทานมื้อเที่ยงกันเถอะ”
เห็นท่าทีปกติของนางแล้ว แม่บ้านหลี่ก็รู้สึกโล่งใจและเอ่ยขึ้น “อาหารเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ กลับไปที่ห้องไปทานอาหารเถอะเจ้าค่ะคุณหนู”
ซูเอ้อร์หยาเผยรอยยิ้มสดใสมากกว่าเดิม
เมื่อแม่บ้านหลี่ทำความสะอาดโต๊ะหลังทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พ่อบ้านชราพลันเดินเข้ามาที่ด้านนอกครัวและเอ่ยถาม “แม่บ้านหลี่ คุณหนูสองอยู่ที่เรือนหรือเปล่า”
เห็นพ่อบ้านชราแล้ว แม่บ้านหลี่ก็รู้สึกเป็นกังวลและเอ่ยปดออกไป “คุณหนูสองงีบหลับอยู่เจ้าค่ะ มีเรื่องอะไรหรือ?”
หูของหลี่หยินกระตุกเล็กน้อยและได้ยินเสียงลมหายใจถี่ของซูเอ้อร์หยาในห้อง นางไม่ได้นอนหลับอยู่ เขาจึงหรี่ตาและหัวเราะ “ในเมื่อคุณหนูสองหลับไปแล้ว ข้าก็ไม่กวนนางล่ะ นี่คือค่าชดเชยจากนายท่าน แม่บ้านหลี่ เอาไปให้นางเมื่อนางตื่นแล้วนะ”
แม่บ้านหลี่ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา นางหยิบของที่อยู่ในมือของหลี่หยินและก้มลงมองอย่างผวา
เงินแท้ ห้าร้อยชั่ง!
“อย่ากังวลไปเลย ข้าอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายท่านในวันนี้แล้ว เขาโกรธฮูหยินหนึ่งและบอกให้ข้าดูแลคุณหนูสองในอนาคต เงินห้าสิบชั่งนี้นายท่านเป็นคนให้มาเอง แม่บ้านหลี่ ไม่ต้องกังวลและรับมันไว้ซะเถอะ”
ความประหลาดใจของแม่บ้านหลี่พลันเปลี่ยนเป็นความยินดี “เยี่ยมไปเลย! ทีนี้คุณหนูสองก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรังแกแล้ว”
หลี่หยินยิ้มและคิดว่าแม่บ้านหลี่ช่างเป็นคนดีจริง ๆ อีกคนหนึ่ง นางเป็นห่วงคุณหนูสองด้วยใจจริง
“แม่บ้านหลี่ ข้าอยู่ที่หอบัญชีเป็นประจำ หากคุณหนูสองมีปัญหาใด ๆ ในภายภาคหน้า โปรดบอกข้าในเรื่องเหล่านั้นด้วย” หลี่หยินเอ่ย “นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน”
“เจ้าค่ะ!” แม่บ้านหลี่ตอบ “พ่อบ้าน ท่านช่างเป็นคนดีจริง ๆ!”
หลี่หยินตกใจและยิ้มแห้ง เขาเป็นคนดีประเภทไหนกัน? เขาวางแผนจะหาคำอธิบายแต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่อกตัญญู ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับคนรับใช้จะใกล้ชิดมากกว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยาได้อย่างไร? เป็นคุณหนูสองต่างหากที่ชี้นำนายท่านให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังพ่อบ้านออกไปแล้ว แม่บ้านหลี่ก็มีความสุขเสียจนรีบรุดเข้าไปในห้องหนังสือโดยไม่ได้ล้างจาน นางเอ่ยกับซูเอ้อร์หยาที่กำลังฝึกคัดหนังสืออยู่ “คุณหนู มีข่าวดีเจ้าค่ะ!”
หลังแม่บ้านหลี่อธิบายให้ฟังแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็หยุดเขียนพร้อมกับแสยะยิ้มในใจ
เป็นเรื่องยากที่จะเห็นซูฮ่วนหลี่ชายแก่ผู้หวังแต่กำไรจะมีหัวใจที่อ่อนโยนเช่นนี้ ตอนนี้นางรู้สึกละอายที่จะลงมือเสียจริง
ซูเอ้อร์หยาแกล้งทำเป็นประหลาดใจและเอ่ยขึ้น “งั้นหรือ? เยี่ยมไปเลยจ้ะ ข้ายังรู้สึกลังเลอยู่เลยว่าจะไปพบท่านพ่อดีหรือไม่”
แม่บ้านหลี่หัวเราะและเอ่ยว่าคุณหนูสองยังเป็นเด็กอยู่ นางรู้สึกละอายต่อความหวาดกลัวในตอนแรกที่มีต่อคุณหนูสอง
คอมเม้นต์