การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 39
ตอนที่ 39
“ข้ามันช่างโง่เง่านัก! ภรรยาข้าโหดร้ายถึงขนาดทอดทิ้งเอ้อร์หยาไว้ข้างนอก อนิจจา…ข้าจะเข้าหน้าเอ้อร์หยาติดในภายภาคหน้าได้อย่างไรกัน…”
ซูฮ่วนหลี่เดินไปเดินมาภายในบ้านและคิดหาแผนการ “ถ้าเอ้อร์หยาไม่พอใจ กำไรร้อยละสิบจากตึกไป๋เว่ยต้องเสียไปแน่ ไม่ได้! ต่อให้จื่อเผยกับแม่ของนางไม่ถูกลงโทษ ข้าก็จะชดเชยให้กับเอ้อร์หยา…”
ในเรือนจินหยวน ซูเอ้อร์หยากำลังนั่งยองอยู่บนพื้นเพื่อคัดแยกวัตถุดิบและพืชพิษออกจากกัน
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน นางจึงใส่ภาพพืชพิษเพียงเล็กน้อยในคลังภาพและไม่บันทึกสมุนไพรลงในตำราพิษอย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยพืชพิษพวกนี้แล้วมันก็ทำให้นางสามารถชำระหลายสิ่งหลายอย่างได้
สำหรับบิดาของนางแล้ว นางไม่มีเวลาคอยดูแลเขา เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้เขาไม่สบายใจ หากนางมีโอกาสได้เปรียบมากขึ้นจากการฉวยโอกาสมัน มันก็จะเป็นความพึงพอใจที่ไม่คาดคิด
“คุณหนู ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านนอก และซูเอ้อร์หยาก็เหลือบมองขึ้นและเห็นแม่บ้านหลี่ลังเลที่จะเข้ามาพร้อมกับตะกร้าใบหนึ่งและใบบัวที่เพิ่งตัดมาสดใหม่ในมือจำนวนหนึ่ง
“คุณหนู ใบบัวพวกนี้กำลังผลิในช่วงฤดูร้อน ข้าเจอมันมากมายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย แต่โคลนเหลืองนี่…”
แม่บ้านหลี่เปิดตะกร้าและเผยให้เห็นโคลนเหลืองเปียกเละ นางรู้สึกพิกลและเอ่ยขึ้น “โคลนเหลืองนี่สกปรกนัก…ท่านจะใช้มันปรุงอาหารจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
ซูเอ้อร์หยายิ้มและไม่ตอบคำถาม นางทำเพียงออกคำสั่ง “แม่บ้าน อย่าปล่อยให้โคลนแห้งนะ ไม่งั้นมันจะเสียสภาพความเหนียวไป ใบบัวต้องนำไปล้างให้สะอาดมาก ๆ ข้าใกล้พร้อมแล้ว ท่านจงเข้าเมืองไปหาแม่ไก่ปากเหลืองเท้าเหลืองขนเหลืองที่ตัวอวบ ๆ เนื้อนุ่ม ๆ มีหัวเล็กแต่ตัวใหญ่มาให้ทีจ้ะ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะไป…”
แม่บ้านหลี่จัดการกับใบบัวและโคลนเหลืองอย่างรวดเร็ว นางเช็ดมือและจากไป ระหว่างทางที่นางเดินออกไป นางก็เห็นพ่อบ้านชรารออยู่ด้านนอกเรือนจินหยวน
“แม่บ้านหลี่ ถ้าคุณหนูสองต้องการอะไรให้บอกพวกเรานะ มีผู้คุ้มกันอยู่จำนวนมากมันก็จะเป็นการง่ายที่จะค้นหาอะไรต่าง ๆ”
“เยี่ยมไปเลยเจ้าค่ะ! ข้ายังกังวลอยู่ว่าจะหาแม่ไก่ประหลาดเช่นนั้นได้อย่างไร”
“แม่ไก่?” พ่อบ้านหลี่ดีใจที่ได้ยินเช่นนี้
จากคำสั่งของแม่บ้านหลี่ ทั้งตระกูลซูก็รีบทำงานในทันที และในขณะเดียวกันอีกสองตระกูลที่เหลือก็ได้รับข่าว
“แม่ไก่? สาวน้อยตระกูลซูพัฒนาอาหารใหม่ในเวลาอีกไม่กี่วันได้แล้วหรือ? หากนางเป็นหญิงสาวธรรมดา นางน่าจะยังหวาดผวาหลังจากถูกลอบสังหารอยู่นี่นา”
หยางลี่ได้รับข่าวแล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
“ขอรับท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าแม่บ้านของซูจื่อเผยไปเด็ดใบบัวและขุดโคลนเหลืองมา ไม่มีใครรู้ว่าอาหารที่ซูจื่อเผยต้องการจะทำคือชนิดใด”
หยางเว่ยพลันเอ่ยเสริมว่าเขาได้ทำความผิดพลาดใหญ่หลวงในกรณีของตึกไป๋เว่ย หากเขาไม่ฟื้นฟูมัน มันก็คงไม่ถึงคราวที่เขาจะเป็นนายตระกูลหยาง ไม่อาจพูดเรื่องการแต่งงานกับซูเอ้อร์หยาได้
“หึ! อาหารจานใหม่ต้องได้รับการรับรองจากตระกูลหยางกับตระกูลจูก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วซูฮ่วนหลี่จะไม่ได้เงินในผลกำไรร้อยละสิบส่วนสุดท้ายไปแม้แต่แดงเดียว!”
เห็นบุตรชายคนโตหัวทึบแล้ว หยางลี่ก็พลันมีท่าทีคุกคามและตวาดด่า “เจ้าทำอะไรให้มันถูกต้องสักทีได้ไหม? ถ้าเจ้าไม่หลงใหลสตรีโฉมงามมากเกินไป อีกสองตระกูลที่เหลือจะมาเกี่ยวข้องกับตึกไป๋เว่ยได้อย่างไร? ออกไปสำนึกตนเดี๋ยวนี้!”
หยางเว่ยมักจะหวาดกลัวบิดาอยู่แล้ว และด้วยเสียงคำรามเช่นนั้นก็ทำให้เขารีบหนีไปอย่างหวาดผวาในทันที
เมื่อนั่งอยู่ในห้องโถงอันว่างเปล่าแล้ว หยางลี่พลันแค่นเสียง “ทำอาหารโดยใช้โคลนเหลืองเรอะ?! นางช่างเป็นสาวน้อยโง่เง่าที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง นางต้องคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแน่ ๆ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำอาหารโดยใช้โคลนเหลือง!”
คำพูดเดียวกันก็ได้ดังไปทั่วตระกูลจู พ่อบ้านชราของตระกูลจูเอ่ยอย่างแข็งขัน “นายท่าน คุณหนูตระกูลซูผสมเนื้อไก่จากแม่ไก่เข้ากับโคลนเหลืองขอรับ ใครจะไปทานอาหารจานนั้นลง? ข้าเกรงว่าแม้แต่ขอทานกินเข้าไปก็คงจะป่วย! โคลนเหลืองเป็นจุดล้มเหลวใหญ่ที่สุดของอาหารจานนี้เลยขอรับ ตระกูลซูจะต้องสอบไม่ผ่านการทดสอบชิมรสในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแน่ กำไรอีกร้อยละสิบที่เหลือจะขึ้นอยู่กับว่านายท่านจะต่อรองกับตระกูลหยางอย่างไรแล้วขอรับ”
“ฮ่า ๆ ซูฮ่วนหลี่เอาแต่เกาะลูกสาวแต่ฝ่ายเดียว ช่างเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลนัก บุตรสาวของเขาอายุเท่าไหร่กัน? ข้าเกรงว่านางคงลืมไปแล้วว่านางเป็นใครหลังจากประสบความสำเร็จเพราะโชคช่วยมาแล้วสองครั้ง”
จูหรงคุนเอ่ย “ตระกูลหยางไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว พวกเขาบุ่มบ่ามส่งนักฆ่ามา ซึ่งไม่อยู่ในจริยธรรมทั่วไป ตระกูลจูของเราจะได้กำไรไปอย่างน้อยร้อยละเจ็ดสิบจากผลกำไรอีกร้อยละสิบส่วนสุดท้าย”
“นายท่านฉลาดนัก หลังจากความล้มเหลวของซูจื่อเผยแล้ว พ่อครัวที่ท่านเชิญมาจากตัวเมืองก็จะมา และเราก็อาจจะรีดไถเอากำไรจากอีกสองตระกูลมาได้!”
“ฮ่า ๆๆ!”
เสียงหัวเราะของเจ้านายกับบ่าวรับใช้ดังก้องทั่วทั้งห้องโถง
…
ได้ยินข่าวว่าเอ้อร์หยาจะปรุงอาหารโดยใช้โคลนเหลือง ซูฮ่วนหลี่ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เอ้อร์หยาจงใจทำให้เขาล้มเหลวเพราะว่าเกลียดเขางั้นหรือ?
ซูฮ่วนหลี่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่ากำลังจะเสียเงินเป็นประกายไป เขารีบตรงไปที่เรือนจินหยวนทั้งที่รู้สึกผิด
ดวงตะวันกำลังแผดเผา
ตะกร้าไม้ไผ่สานที่ใช้บรรจุสมุนไพรหลายชนิดถูกวางอยู่บนพื้นลานของเรือนจินหยวน เมื่อถูกวางผึ่งแดด พวกมันก็แห้งกรอบเมื่อเวลาผ่านไป เกิดเป็นกลิ่นหอมประหลาดผสมกันลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งลาน
เห็นดังนี้แล้วซูฮ่วนหลี่ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย เอ้อร์หยากำลังใช้วัตถุดิบที่ค้นพบจากคำสั่งของเขาแทนที่จะทิ้งขว้างพวกมันอย่างสะเปะสะปะ
ภายใต้ร่มเงาไม้เลื้อย ซูเอ้อร์หยากำลังอ่านหนังสืออย่างละเอียด แม้นางจะประสบความสำเร็จในการบรรลุอุปสรรคขั้นที่สี่ของคัมภีร์วิปัสสนาหุบผาภูติ นางยังไม่เข้าใจมันมากนัก ดังนั้นนางจึงชะลอการฝึกปฏิบัติไปก่อนและหาแรงบันดาลใจด้วยการอ่านแทน
“ท่านพ่อ ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ละเจ้าค่ะ?”
เมื่อเห็นบิดามาหา ซูเอ้อร์หยาก็ลุกขึ้น
เมื่อนั่งที่โต๊ะหินแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็สูดกลิ่นเหม็นและเอ่ยพึมพำ “เอ้อร์หยา บอกความจริงข้ามา เจ้าแน่ใจเหรอเกี่ยวกับอาหารจานใหม่?”
ซูเอ้อร์หยาไม่ตอบ เห็นนางเงียบไป ซูฮ่วนหลี่ก็พลันรู้สึกร้อนใจและเอ่ยรัวเร็วขึ้น
“เอ้อร์หยา เจ้าอาจจะยังไม่พอใจที่ถูกขับออกจากตระกูล ข้าจะชดใช้ให้เจ้าในสิ่งที่เจ้าต้องการ! แต่เจ้าไม่อาจทำพลาดในเรื่องอาหารจานใหม่ได้นะ มันเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลซู! ถ้าเราสามารถบริหารตึกไป๋เว่ยได้ดี มันก็เพียงพอที่จะสนับสนุนพี่ชายใหญ่ของเจ้าให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการของเขามากขึ้น เอ้อร์หยา เจ้าอย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!”
“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้วเจ้าค่ะ!”
ซูเอ้อร์หยารีบโบกมือราวกับหวาดกลัวกับน้ำเสียงของบิดา “พี่ชายใหญ่บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้รับการอธิบายอย่างกระจ่างแล้ว พี่ชายใหญ่ช่วยชีวิตข้าไว้ ในฐานะของบุตรสาวตระกูลซูข้าจะไม่พอใจได้อย่างไรกันเจ้าคะ? แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำอาหารจานใหม่โดยที่ยังไม่ได้แม่ไก่ที่เหมาะสม นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าไม่พูดอะไร”
“กลายเป็นว่าเจ้ากำลังกังวลว่าไม่อาจหาวัตถุดิบที่เหมาะสมได้!”
ซูฮ่วนหลี่ตะลึงไปครู่หนึ่งและตระหนักได้ว่าเอ้อร์หยายังเป็นห่วงตระกูลซูอยู่ กลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายตีตนไปก่อนไข้เสียเอง
“เอ้อร์หยา เจ้าทำข้าหวาดกลัวแทบตาย ที่แท้เจ้าแค่กังวลเกี่ยวกับวัตถุดิบ ข้าจะหาพวกมันในโรงเลี้ยงไก่แห่งหนึ่งในเมืองต้าซูให้นะ วางใจเถอะ ข้าจะส่งคนรับใช้ไปเพิ่ม!”
ซูฮ่วนหลี่มีท่าทีกังวลในตอนขามา แต่กลับออกไปด้วยกำลังใจแรงกล้า สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คุ้มกันจำนวนมาก
พ่อบ้านหลี่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ความหวาดระแวงของนายท่านช่างหยั่งรากลึกจนเขาไม่ได้ไว้ใจเอ้อร์หยาหมดใจ
เพียงแต่…เอ้อร์หยาจะละทิ้งอดีตและพุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือตระกูลซูได้จริง ๆ หรือไม่?
แม้แต่คนที่รู้ลึกอย่างพ่อบ้านหลี่ คนที่คิดว่าเขารู้นิสัยของคุณหนูสองดีก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ เนื่องเพราะผู้คนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
เป็นเวลาหลายวัน ตระกูลซู ตระกูลจู และตระกูลหยางก็ค้นหาไก่เหลือง แต่พวกเขาก็ไม่เห็นมันเลยสักตัวในเมืองต้าซู
“ซูฮ่วนหลี่จงใจวางอุปสรรคขวางทางเราอยู่หรือเปล่า? หากเราไม่สามารถหาไก่เหลืองสามอย่างได้ เขาก็จะมีข้ออ้างว่าไม่สามารถทำอาหารชั้นเลิศสำเร็จได้”
หยางลี่อดไม่ได้ทีจะเดาและออกคำสั่งในทันที “ค้นต่อไป! ไปค้นหาไก่ที่ตัวเมืองหลวงหากไม่สามารถหาได้ในเมืองต้าซู ถ้าแม้เเต่ในเมืองหลวงยังหามันไม่เจอ แสดงว่าซูฮ่วนหลี่ต้องเล่นลูกไม้กับข้าแล้ว เขาต้องอธิบายเรื่องนี้กับจูหรงคุนและข้า”
ในตอนนี้คนรับใช้คนหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาในบ้านและรายงานข่าว “นายท่าน เจอไก่เหลืองสามอย่างแล้วขอรับ!”
ดวงตาของหยางลี่เบิกกว้างเมื่อคิดถึงว่ามีแม่ไก่ชนิดนี้อยู่
ในเรือนจินหยวน แม่บ้านหลี่ถือแม่ไก่ที่กำลังส่งเสียงร้องกระต๊ากและเอ่ยอย่างตื่นเต้น “คุณหนู เจอแม่ไก่แล้วเจ้าค่ะ ดูปากเท้าขนสีเหลืองกับหัวเล็กแต่ตัวโตของมันสิเจ้าคะ เป็นอย่างที่คุณหนูต้องการเลย”
“เอ้อร์หยา เจ้าคิดอย่างไรกับไก่ตัวนี้?” ซูฮ่วนหลี่เอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ เห็นชัดว่าเขาไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนก็เพราะไก่ตัวนี้
ซูเอ้อร์หยาลูบขนนุ่มเงางามของไก่เหลืองสามอย่าง จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งนางก็พยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ดีเจ้าค่ะ! นี่แหละไก่เหลืองสามอย่างที่ข้าต้องการ แม่บ้านหลี่ ช่วยข้าเตรียมวัตถุดิบหน่อยนะจ๊ะ”
หลังจากนั้นซูเอ้อร์หยาก็หันหลังมามองบิดา นางเอ่ยอย่างเป็นห่วง “ท่านพ่อคงจะเหนื่อยมาก ท่านไปพักผ่อนขณะที่ข้าทำอาหารก่อนนะเจ้าคะ เมื่อข้าทำเสร็จแล้วข้าจะให้แม่บ้านหลี่ปลุกท่าน คิดว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
ซูฮ่วนหลี่ยิ้มอย่างดีใจเเละเอ่ยตอบ “เจ้ารู้จักดูแลข้าดีเหลือเกิน ตกลง! งั้นข้าจะพักผ่อนละ”
ซูฮ่วนหลี่ออกจากเรือนจินหยวนด้วยท่าทีสะโหลสะเหล หากเขายังทำงานหนักต่ออีกไม่กี่วันเขาต้องป่วยจริง ๆ แน่
ภายในครัว ซูเอ้อร์หยาหยิบมีดอย่างหวาดกลัว แม่บ้านหลี่จ้องมองนางและหัวเราะ นางลืมไปว่าคุณหนูสองไม่เคยเชือดสัตว์ด้วยตัวเองมาก่อน
“คุณหนู ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านเอง”
ซูเอ้อร์หยาถอนหายใจด้วยใบหน้าซีดขาวและส่งมีดต่อให้แม่บ้านหลี่ นางเอ่ยด้วยความขัดใจ “ก็ได้ ท่านต้องระวังนะ อย่าทำพลาดล่ะ”
“เจ้าค่ะ!”
จากคำแนะนำของซูเอ้อร์หยา แม่บ้านหลี่ก็เชือดไก่ด้วยความชำนาญ ถอนขนและชำแหละช่องเล็ก ๆ บนหลังไก่เพื่อควักเอาอวัยวะภายในออกมาก่อนจะล้างตัวไก่ แล้วนางก็วางไก่ที่ขาวสะอาดทั้งตัวต่อหน้าซูเอ้อร์หยา
ซูเอ้อร์หยาสำรวจมันและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม่บ้านจ๊ะ มีเครื่องปรุงที่ข้าบดอยู่บนโต๊ะหนังสือของข้า ไปหยิบมันมาเถอะจ้ะ”
แม่บ้านหลี่ไม่ได้สงสัยนางและวิ่งออกจากครัว ดวงตาของซูเอ้อร์หยาเป็นประกาย ทันใดนั้นเองนางก็หยิบมีดขึ้นมาและทุบปีก กระดูกขา และกระดูกแข้งด้วยสันมีดโดยไม่ทำให้ผิวหนังเสียหาย
“คุณหนู ใช่อันนี้หรือเปล่าเจ้าคะ?”
แม่บ้านหลี่กลับมาพร้อมกับขวดกระเบื้องเคลือบสีขาว ซูเอ้อร์หยาถือไว้ด้วยรอยยิ้มและวางลงข้าง ๆ พลางเอ่ยตอบ “ใช่จ้ะ อันนี้ถูกแล้ว”
แม่บ้านหลี่มองอย่างสับสน นางไปหยิบขวดมาให้แต่คุณหนูสองกลับไม่ได้ใช้มัน
คอมเม้นต์