การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 54
ตอนที่ ๕๔
ซูหลี่ตกใจเล็กน้อย แม้นางจะรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่นางก็เเกล้งทำเป็นงุนงง “อาจารย์ ที่ข้าฝึกเมื่อก่อนหน้านี้คือเสวียนกงของปลอมหรือเจ้าคะ?”
ฉีเซี่ยนชิงพลันหัวเราะ และเขาก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “สำนักของเรามีชื่อว่าหุบผาภูติและมีสมาชิกน้อยนิด แต่ทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะชั้นยอด วรยุทธ์วิปัสสนาหุบผาภูติเป็นวรยุทธ์มหัศจรรย์ที่มีเพียงอาจารย์ของหุบผาภูติเท่านั้นที่ฝึกได้ ในเมื่อมันเป็นวรยุทธ์มหัศจรรย์ มันก็จะมีปาฏิหาริย์เป็นอันมาก”
“แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่มีความรู้สึกมหัศจรรย์อะไรในการฝึกเลย ทำไมล่ะเจ้าคะ?”
ซูหลี่ถามฉีเซี่ยนชิง แต่เขาก็ไม่ตอบ เขายกมือขึ้นและพยักหน้าเบา ๆ จนในอากาศปรากฏดาวกระจายจำนวนหนึ่ง
“พลังดารา?!” ซูหลี่ตัวสั่นและจำได้ถึงตำนานที่นางเคยได้ยินในชีวิตชาติที่แล้ว
“พลังนี้เรียกว่าพลังดารา”
ฉีเซี่ยนชิงดูเหนื่อยล้า มันเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรัยเขาในการแสดงดาวกระจายด้วยร่างกายที่มีมาแต่กำเนิด
“พลังดาราเป็นพลังชั้นยอดสำหรับคนที่บรรลุขุมพลังขั้นสูงมากกว่าขั้นโดยกำเนิด แต่วรยุทธ์วิปัสสนาหุบผาภูติสามารถทำให้เจ้าบรรลุขุมพลังใหญ่ได้เหนือกาลเวลา นี่คือความหมายที่แท้จริงของวรยุทธ์วิปัสสนา”
ฉีเซี่ยนชิงถอนหายใจ “มีพลังดาราหลายชนิด ที่ข้าสร้างได้คือพลังดาวพฤหัสที่พัฒนาขึ้นร่วมกับวิธีลับหลายวิธี มันให้ผลวิเศษในการรักษาอาการบาดเจ็บ ข้าทำได้เพียงพัฒนาพลังดาราหนึ่งและครึ่งส่วนเท่านั้น พรสวรรค์ของเจ้าดีกว่าข้า และเจ้าก็พัฒนาได้มากกว่า”
จากนั้นฉีเซี่ยนชิงก็หยิบผิวสีดำออกมาจากแขน และกลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งในอากาศ
“ผิวมนุษย์?” ซูหลี่คิดและอึ้งไป นางมองมันอย่างระมัดระวัง
ฉีเซี่ยนชิงไม่ได้ขัดนาง แต่กลับพึมพำอะไรบางอย่าง นางไม่เห็นว่ามันคือผิวมนุษย์ ไม่อย่างนั้นแล้วนางคงกลัวและซ่อนตัวไกลออกไป
“อาจารย์…”
ฉีเซี่ยนชิงจำคำของอาจารย์ได้ในตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่อาจารย์ของเขาหยิบหนังออกมา เขาบอกว่ามันเป็นวิธีการลับที่สร้างจากผู้ก่อตั้งสำนักของพวกเขาจากเขตแดนอันชั่วร้าย หากวิธีลับนี้เขียนบนวัสดุอื่่นมันก็จะถูกทำลายทันที มันจึงถูกเขียนได้แค่บนผิวหนังมนุษย์เท่านั้น ในที่สุดผู้ก่อตั้งก็เขียนมันบนร่างกายของเขา!
“อาจารย์ของข้าหาวรยุทธ์วิปัสสนาหุบผาภูติส่วนที่สองไม่เจอ เขาไม่คิดว่าข้าก็ไม่อาจทำได้เหมือนกัน ข้าหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะทำได้…”
ฉีเซี่ยนชิงยิ้มเศร้าและเดินออกจากห้องข้างหลังไป
มันเป็นเวลาครู่หนึ่งที่ยาวนานราวศตวรรษ
ซูหลี่ตื่นขึ้นจากความสับสนและจำไม่ได้ว่านางเห็นอะไร เมื่อนางมองลงมาอีกครั้งนางก็พบว่าไม่มีตัวอักษรบนหนังมนุษย์อยู่เลย
“เป็นวิธีลับที่อัศจรรย์เหลือเกิน!”
ซูหลี่กุมมือ และราวกับว่ามันเป็นสัญชาตญาณ พลังดาราก็เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างฝ่ามือและเปลี่ยนเป็นพลังดาราสีเขียวขนาดเท่ากับมดในที่สุด หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็ไม่มีใครเห็นพวกมัน
ฉีเซี่ยนชิงเดินเข้ามาและเห็นภาพนี้ เขารู้สึกเสียดายและโล่งอกเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ศิษย์ข้า เจ้าก็เป็นแบบเดียวกับข้า เราพัฒนาพลังดาวพฤหัสเหมือนกัน นับจากบัดนี้มาเป็นหมอรักษาคนไข้ที่นี่กับข้าหลังจากเลิกเรียนตอนเช้าเพื่อเรียนรู้วิธีรักษาโรคและช่วยเหลือคนไข้เสีย ข้าอยากสอนเจ้าในเรื่องั้งหมดที่ข้าได้ร่ำเรียนมาในชีวิตนี้”
“เจ้าค่ะท่านอาจารย์!” ซูหลี่พยักหน้า
ฉีเซี่ยนชิงรู้สึกเสียดาย ด้วยสติปัญญาของซูหลี่แล้ว นางสามารถปลุกพลังดาราสังหารได้เหมือนกับอาจารย์ของเขาเลยทีเดียว นางอาจจะบรรลุขุมพลังเหนือขุมก่อกำเนิดได้ด้วยซ้ำ เส้นทางของพลังดาราดาวพฤหัสช่างเล็กเกินไปสำหรับนาง
ในตอนเที่ยง ฉีเซี่ยนชิงทำอาหารสมุนไพรให้ซูหลี่เพื่อที่จะรักษาสุขภาพของนาง หลังจากได้รับอาหารสมุนไพรแล้วความอ่อนล้าที่สะสมมาหลังจากตกแต่งตึกไม้ไผ่ในไม่กี่วันก่อนก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ในการเป็นูศูนย์การแพทย์ที่ดีที่สุดในเมืองต้าซู ไป๋เฉ่าถังก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเกือบจะทุกวัน หลังฉีเซี่ยนชิงขอให้ซูหลี่นั่งใกล้ตู้เก็บสมุนไพรและจดจำสมุนไพรทุกชนิดแล้ว เขาก็รีบนั่งลงและเริ่มให้คำปรึกษาในภาคบ่าย
เมื่อซูหลี่เห็นชายสี่หรือห้าคนเดินวนรอบตู้สมุนไพร นางก็สงสัยเล็กน้อย
นางวางยาและสังหารคนในชีวิตชาติก่อนแต่ตอนนี้นางกลับรักษาโรคในชาตินี้ สวรรค์ต้องการให้นางล้างบาปงั้นหรือ? ช่างน่าขันเกินไปแล้ว…
หลังจากนั้นราวสองชั่วยาม ซูหลี่ก็ไปที่ตึกไป๋เว่ยอีกครั้งก่อนจะกลับมาที่บ้านตระกูลซู นางได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากเรือนหลักในทันทีที่นางกลับมา ด้วยความอยากรู้ นางจึงเดินมาที่ด้านนอกเรือนใหญ่และได้ยินเสียงชายหนุ่มที่คุ้นหู
“ท่านลุง อย่าลืมว่าข้าเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว หากข้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อท่าน ข้าจะได้กำไรจากหลี่ชานเป่าได้อย่างไร? ท่านลองคิดดูสิขอรับ งานเลี้ยงวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของท่านปู่ข้าใกล้จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว มันคงไม่สายเกินไปหากท่านจะบอกคำตอบข้านะขอรับ”
“เจ้า….!”
“ท่านลุง แล้วเจอกันขอรับ ฮ่า ๆๆ…”
หัวเราะเสียงดังลั่นแล้ว ฝีเท้านั้นก็ก้าวมาทางซูหลี่ ซูหลี่รีบหลบเข้าซ่อนในพุ่มไม้ทันที ครู่ต่อมาหยางเว่ยก็ออกมาด้วยหน้าตาบึ้งบูด ดูเหมือนเขายังแค้นเคืองที่ถูกขับออกจากบ้านตระกูลซูในไม่กี่วันที่ผ่านมา
“เพล้ง!”
ภายในเรือนใหญ่มีเสียงถ้วยชาแตก ซูหลี่เหลือบมองไปทางนั้นแต่ไม่เห็นอะไร นางจึงหันจากไป
หลังจากที่ซูหลี่กลับมายังเรือนจินหยวน นางก็เห็นแม่บ้านหลี่เตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ให้ ซูหลี่ทานอาหารมื้อเย็นอย่างเชื่องช้าและตกอยู่ในภวังค์เป็นเวลาครู่หนึ่ง
ตระกูลหยางต้องได้ข้อมูลบางอย่างมาอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขาจึงพลันมาที่บ้านตระกูลซู บางทีเรื่องที่นางขโมยวัตถุดิบและส่งจดหมายข่มขู่ตระกูลซูคงถูกเปิดโปงแล้ว ตระกูลหยางตอนนี้จึงวางแผนข่มขู่ตระกูลซูเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น
“งานเลี้ยงครบรอบวันเกิดเจ็ดสิบปีเรอะ…?”
ซูหลี่มองดวงจันทร์เต็มดวงด้านนอกหน้าต่าง ในชีวิตชาติก่อนนางไม่มีสิทธิ์เข้าไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหยางเลย
เช้าวันต่อมา ซูหลี่ก็ตื่นขึ้นและเห็นหีบผ้าราคาแพงบางหีบกองอยู่ตรงเรือน นางรู้สึกแปลกใจ แม่บ้านหลี่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณหนู ทั้งหมดนี่คุณชายหยางเป็นคนส่งมาเมื่อวานนี้เจ้าค่ะ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
หยางเว่ย?
ซูหลี่่ย่นคิ้วแต่รู้สึกโล่งใจอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยขึ้น “ผ้าพวกนี้มีมูลค่าสูงนัก ส่งพวกมันไปที่หอบัญชีที่เรือนใหญ่ ข้าไม่ต้องการผ้าราคาแพงพวกนี้หรอกจ้ะ”
แม่บ้านหลี่อึ้งไปจากนั้นก็ยิ้มเศร้า แม้คุณหนูสองจะเป็นบุคคลสำคัญของบ้านตระกูลซู เสื้อผ้าราคาแพงของนางก็มีราคาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคุณหนูสาม หากนางใช้ผ้าราคาแพงพวกนี้มาทำเป็นเสื้อผ้า มันก็พอไม่ใช่หรือ?
เห็นสีหน้าแน่วแน่ของซูหลี่ แม่บ้านหลี่ก็ถอนหายใจและสั่งให้คนรับใช้ย้ายเสื้อผ้าออกไป
หลังจากวันอันวุ่นวาย ซูหลี่ก็กลับมาในตอนกลางคืนแต่พบว่ามีหีบผ้าจำนวนมากขึ้นในเรือน แม้ผ้าเหล่านั้นจะไม่แพงเท่ากับที่ส่งมาเมื่อเช้า แต่ม้นก็มักใช้เป็นผ้าตัดชุดให้กับคุณหนูตระกูลใหญ่
นอกจากผ้าแล้วก็มีเครื่องประดับจำนวนมาก
“แม่บ้านหลี่?”
ซูหลี่เรียกแม่บ้านหลี่ และแม่บ้านหลี่ก็รีบอธิบาย “คุณหนู ผ้าในตอนเช้าถูกส่งไปที่หอบัญชีแล้วเจ้าค่ะ ส่วนผ้าพวกนี้พ่อบ้านเป็นคนส่งมา เขาบอกว่านายท่านบอกให้คุณหนูตัดชุด หลังจากนั้นไม่กี่วันจะเป็นงานวันเกิดของท่านปู่คุณชายหยาง ท่านไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเป็นการขายหน้าตระกูลซูได้เจ้าค่ะ”
คอมเม้นต์