การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 61
ตอนที่ ๖๑
กลับไปถึงเรือนจินหยวนแล้ว ซูหลี่ก็รักษาแผลบนแขนของนาง
แม้ยาถอนพิษจะชำระพิษไปแล้ว แต่บาดแผลก็ยังเปิดอยู่เพราะซูหลี่เคลื่อนไหวมากจนเลือดเปื้อนแขนเสื้อเป็นวงใหญ่
“โชคดีที่กระดูกไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นมันมีปัญหาแน่”
ซูหลี่เย็บแผลด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เหงื่อเย็นบนหน้าผากก็ทรยศนาง
นางวางผ้าสะอาดปิดอย่างระมัดระวังและใช้ยาพิเศษละลายเลือดที่เปื้อนเสื้อผ้าออก จากนั้นนางก็มีท่าทีผ่อนคลาย
นางต้มน้ำร้อนหนึ่งถังและนอนแช่มันขณะเลี่ยงไม่ให้แขนขวาเปียก จากนั้นนางก็ถอนหายใจโล่งอก
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้นและพึมพำกับตัวเอง “หอชำระเลือด…”
นางได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งในชีวิตชาติที่แล้ว มันเป็นหนึ่งในห้าขององค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในวงการยุทธภพ นางได้ยินว่านายใหญ่ของมันมีพลังเหนือระดับถือกำเนิดแล้ว
แต่องค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงที่สุดยังคงเป็นกลุ่มเซวียโหลวที่มีอัตราการล้มเหลวในการลอบสังหารเป็นศูนย์ นางได้ยินมาว่าหัวหน้าของมันยังเยาว์วัยนัก แต่วรยุทธ์ของเขากลับยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับหัวหน้าแห่งหอชำระเลือด
ซูหลี่ได้ยินเพียงตำนานของกลุ่มเซวียโหลวในชีวิตชาติที่แล้วเนื่องเพราะเมื่อนางฝีกวิชาแห่งพิษสำเร็จและเริ่มเดินทางไปเจียงหู กลุ่มเซวียโหลวก็ถูกทำลายโดยสำนักไม่รู้ชื่อ ไม่มีใครเหลือรอด ความพินาศของกลุ่มเซวียโหลวเป็นหนึ่งในเรื่องราวลึกลับยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการยุทธภพ
องค์กรนักฆ่าที่ซื่อสัตย์เหมือนกับสำนักนี้ย่อมไม่ทิ้งเบาะแสใด ๆ ให้ผู้อื่นพบ ดังนั้นเมื่อนางได้ยินว่านักฆ่ามาจากหอชำระเลือด นางก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไปเพื่อที่จะหาข้อมูล
ใครส่งนักฆ่านี้มาฆ่านาง?
นางเท้าคาง และร่างของจูเหยียนก็ฉายในใจ ไม่ต้องสงสัย เป็นมารดาบุญธรรมที่ต้องการฆ่านางมากที่สุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางส่งคนมาฆ่านาง
ความเป็นไปได้อย่างที่สองก็คือคู่แข่งที่อิจฉาในกิจการตึกไป๋เว่ย จำนวนคนมีมากนัก และซูหลี่ก็ไม่มีทางรู้ตัวฆาตกร
มันมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว…
ซูหลี่เม้มปากแน่นและนึกถึงชายคนหนึ่งที่มีเหตุผลเพียงพอที่จะฆ่านาง เพราะนางได้ยินมาในชีวิตชาติก่อนว่าคนที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของทายาทกลุ่มหยินโม่…ต่างจบชีวิตทั้งหมด
ในตอนนี้ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นในฐานลับของหอชำระเลือดนอกเมืองต้าซู
“ป้ายวิญญาณของนักฆ่าหมายเลขยี่สิบเอ็ดหายไปแล้ว มันถูกกำจัดในทันที!”
“คนทางเดียวที่เขารับคือการสังหารซูหลี่ ซูหลี่ไม่มีกำลังใด ๆ แต่นางกลับสู่บ้านตระกูลซูอย่างปลอดภัย ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ช่วงนี้มีสายลับบางคนเห็นคนจากกลุ่มหยินโม่อยู่รอบ ๆ เมืองต้าซู เราไม่ควรกระทำการบุ่มบ่าม”
“กลุ่มหยินโม่มีพลังมากเสียจนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะท้าทายมัน เพิ่มรางวัลเป็นสองเท่าแล้วพาพวกเขากลับ เราออกจากเรื่องนี้แล้ว!”
จูเหยียนรีบควักเงินขึ้นมาสองเท่าจากที่ให้ไป เห็นดวงตาเหี้ยมเกรียมของคู่ค้าแล้ว จูเหยียนก็กลืนน้ำลายอย่างยากเย็นและไม่เอ่ยถามอะไร
“ตอนนี้ในเมืองต้าซูวุ่นวายนัก หอชำระเลือดจะไม่รับงานเป็นชั่วขณะหนึ่ง แม่นางจู ลาก่อน” คู่ค้าเอ่ยขณะหายตัวไปกลับความมืด
จูเหยียนไม่ขยับ มองเงินหนักอึ้งในมือแล้วนางก็ไม่มีความสุข
“บ้าเอ๊ย! ทำไมการกำจัดนางคนนี้ถึงยากเย็นอย่างนี้นะ?”
จูเหยียนไม่อาจปล่อยให้ซูหลี่ไปที่อวิ๋นจิงกับพวกเขาได้ ไม่อย่างนั้นแล้วซูหลี่ก็จะถูกบิดามารดาที่แท้จริงจำได้ หากจี้หยกถูกเปิดเผย นางกับบุตรสาวจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแต่จะตายโดยไร้ที่ฝัง!
“ยังมีเวลาอีกปีหนึ่ง หากหอชำระเลือดฆ่านางไม่ได้ ข้าจะเก็บเงินไว้จ้างนักฆ่าจากกลุ่มเซวียโหลว!”
จูเหยียนกำเงินไว้แน่น กลุ่มเซวียโหลวขึ้นชื่อเรื่องอัตราการสังหารล้มเหลวที่เป็นศูนย์ นางอยากจะจ้างกลุ่มเซวียโหลวในครั้งนี้ แต่ราคานั้นสูงเกินไป…เป็นสิบเท่าของราคาที่จ้างหอชำระเลือด
กลับไปถึงที่พักแล้ว จูเหยียนก็วางเงินลงและนวดคลึงหว่างคิ้วด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ในตอนนี้เองซูจื่อเผยก็ได้เดินเข้ามาอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ข้าได้วิธีแก้แล้วเจ้าค่ะ”
นางรู้ชัดว่าท่านแม่ของนางจ้างนักฆ่ามาสังหารซูหลี่ หลังประสบกับความอับอายมาหลายหน เด็กสาวสิบสี่ปีก็ไม่กลัวแต่มีความสุข นางหวังให้ซูหลี่ตายในทันที!
“ท่านแม่ ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหลินบอกว่ามีนักต้มตุ๋นที่มีชื่อในถนนทิศใต้ นักต้มตุ๋นนี้มีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปี มีผิวขาวและบุคลิกดี ท่านขอให้เขาแสร้งทำเป็นคุณชายจากอวิ๋นจิงและขอแต่งงานกับซูหลี่ เมื่อพวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกัน…”
จูเหยียนพลันมีความสุขก่อนที่ซูจื่อเผยจะพูดจบ
“เด็กดี เจ้านี่มันฉลาดกว่าข้าจริง ๆ ข้าจะส่งคนไปจัดการเรื่องนี้ในทันทีเลย!”
***
ในวัดเก่า ๆ ทางถนนทิศใต้ กลุ่มขอทานเล็ก ๆ ในชุดผ้าขี้ริ้วกำลังเตรียมอาหาร อาหารเหล่านี้คือของเหลือจากร้านอาหารหรือไม่ก็สิ่งของที่พวกเขาหามาได้จากกองขยะในครัวที่ประตูด้านหลังครอบครัวร่ำรวย
ในหมู่ขอทานกลุ่มเล็ก ชายหนุ่มที่มีใบหน้ามอมแมมกำลังทานหมั่นโถวแข็งและผักดอง ขณะที่เสื้อผ้าของเขาสะอาดอย่างยิ่ง เป็นเรื่องยากที่เขาจะกลืนอาหารลง เทียบกับของเหลือทิ้งแล้ว ทั้งสองสิ่งนี้แย่กว่าเสียอีก แต่อาหารสะอาดพวกนี้ชายหนุ่มคนนี้ซื้อเองในเมือง การกินพวกมันไม่ทำให้เจ็บป่วยหรือท้องเสียหรอก
ขอทานน้อยที่เหลือต่างลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นหมั่นโถวร้อนในมือของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีใครกล้าปล้นและทำเพียงมองเขาด้วยสายตาเทิดทูน
“พวกเจ้ามองอะไรอยู่? อยากหิวตายหรือไง? รีบกินเร็ว!”
ฉู่ชิงหนิงตะโกนและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาเพิ่งจะหนีเข้าเมือง ต้องขอบคุณขอทานพวกนี้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาเลยทอดทิ้งพวกเขาไม่ได้ เขาจะช่วยให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินและมีเสื้อผ้าเพียงพอที่จะใส่เป็นอย่างน้อย เขาจะสอนให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง
“พี่ใหญ่ อย่าห่วงเลย แม้เราจะหลอกคนจำนวนมาก แต่ตระกูลที่ร่ำรวยพวกนั้นจำพวกเราไม่ได้หรอก ข้าคิดว่าเราสามารถหลอกคนพวกนั้น…”
ชายหนุ่มตบหัวขอทานน้อยคนนั้นก่อนที่เขาจะพูดจบ
“เฮยตัน แกมันบ้าเงิน! ถ้าเราโกหกคนพวกนั้นในตระกูลใหญ่ เราก็ได้ติดคุกในวันต่อไปและไม่มีทางได้ออกมา!” ฉูชิงหนิงยิ้มขณะเอ็ด เจ้าหนุ่มนี่ปกติแล้วจะฉลาด แต่ตอนนี้มันคงหิวเกินกว่าที่จะคิดอะไรให้กระจ่าง
เขาคิดเกี่ยวกับการไปหาตระกูลใหญ่พวกนั้นด้วยจุดประสงค์ไม่ใช่ต้มตุ๋นแต่เป็นการขโมย ด้วยวรยุทธ์ในขุมที่ห้าแล้วก็เป็นการง่ายที่เขาจะขโมยจากหนึ่งในสองครอบครัว แต่แมลงพิษของเขากลับสั่นไหว ชี้ให้เห็นว่ามีผู้อาวุโสซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้!
ใช่แล้ว เขาทำได้แค่ล้มเลิกวรยุทธ์และกลายมาเป็นนักต้มตุ๋น
ฉู่ชิงหนิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ทันใดนั้นหูของเขาก็กระดิกเล็กน้อยและเมื่อเขามองที่ด้านนอกวัดเก่า สาวใช้ในชุดงดงามก็เดินเข้ามาพร้อมกับปิดจมูก “พวกเจ้าคือนักต้มตุ๋นแห่งถนนทิศใต้ใช่ไหม? ใครเป็นหัวหน้า? นายหญิงของเราอยากเจอเขา!”
ดวงตาของฉู่ชิงหนิงพลันเป็นประกายด้วยความหวัง เขายืนขึ้นเดินออกมาพร้อมกับสาวใช้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่ชิงหนิงก็กลับมาด้วยอาการตื่นเต้น เขาหัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้า เรากำลังจะรวยกันแล้ว! หลังงานนี้เลิกทำธุรกิจเก่าแล้วเปิดร้านเล็ก ๆ เถอะ จากนั้นเราจะไม่มีวันหิวอีกต่อไป!”
เช้าวันต่อมา เฮยตันก็สวมชุดคนรับใช้สะอาดเอี่ยมขับรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหรามาหยุดอยู่ที่บ้านตระกูลซู
เมื่อผู้คุ้มกันบ้านตระกูลซูสงสัยว่าเขาเป็นใคร เฮยตันก็เปิดม่านพร้อมกับฉู่ชิงหนิงที่เดินมาจากเบื้องหลังของเฮยตันพร้อมกับพัดในมือ หลังอาบน้ำชำระกายและสวมเสื้อผ้างดงามแล้ว รูปลักษณ์ของเขาก็ดูดียิ่งกว่าหยางเว่ยมากนัก
เขามีดวงตาล้ำลึกและมีจมูกโด่ง แต่ผู้คุ้มกันสองคนพลันตะลึงไปกับรอยยิ้มเย็นอันลึกลับของเขา
พวกเขาไม่เคยเห็นคุณชายที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นเช่นนี้มาก่อนเลยในเมืองต้าซู!
“เป็นบุคคลทรงอิทธิพลคนหนึ่งนี่เอง รีบไปรายงานเร็วเข้า!”
ฉู่ชิงหนิงเดินมาที่หน้าประตูและมองประตูบ้านตระกูลซู ผู้คุ้มกันยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วก็พลันรู้สึกหายใจไม่ออก เขาเหงื่อไหลท่วมตัวอย่างฉับพลันจนเเทบจะเป็นลม
บุคคลนี้…เขามาจากไหนกัน?!
ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในเเละเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย นายท่านของเราเชิญให้ท่านเข้ามาได้ขอรับ!”
เฮยตันมีท่าทีดูถูก เขาหันหน้าไปเอ่ยด้วยเสียงต่ำ “ข้าไม่คิดว่าตระกูลเล็ก ๆ นี้จะฉลาด คุณชายของเราอยากมาหาคุณหนูสอง หากเจ้าไม่ดูแลเขาให้ดีก็ระวังชีวิตของเจ้าไว้ซะ!”
ได้ยินดังนั้น เหงื่อเย็นก็ไหลลงจากร่างของผู้คุ้มกันทั้งสอง ชายสองคนนี้มาจากไหนกัน? ทำไมคนรับใช้ตำแหน่งเล็ก ๆ ถึงมีความกล้าพูดถึงเรื่องสังหาร?
“ทำไมต้องหาเรื่องกับคนใช้พวกนี้ด้วย? เฮย เข้าไปกันเถอะ”
ฉู่ชิงหนิงสะบัดพัดของเขาและเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม เฮยตันแค่นเสียงและเดินตามเขาไป ผู้คุ้มกันสองคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
ภายในห้องของเรือนใหญ่ สาวใช้ได้ชงชาและวางบนโต๊ะ ซูฮ่วนหลี่งุนงงและไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน เขาจึงหัวเราะเสียงดังและเอ่ยถาม
“หลานผู้ร่ำรวยของข้า พวกเจ้ามาไกลนัก พวกเจ้ามาจากตระกูลไหนกันหรือ?”
เฮยตันมองอย่างเย็นชาและตวาดก่อนที่ซูฮ่วนหลี่จะพูดจบ “เจ้ากล้าดีอย่างไร! คุณชายของข้าเป็นคนของเชื้อพระวงศ์ เจ้ากล้าเรียกเขาว่าหลานผู้ร่ำรวยได้อย่างไร? อยากตายเรอะ?!”
ซูฮ่วนหลี่อึ้งไปจนดวงตาเบิกกว้างและหัวใจเริ่มเต้นแรง
เชื้อพระวงศ์!!
ตอนแรกเขาก็สงสัยอยู่ในใจ แต่รูปลักษณ์ล้ำเลิศและรอยยิ้มของฉู่ชิงหนิงก็ทำให้เขารู้สึกเป็นเกียรติ เขาจึงคิดว่าบางทีอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้
รูปลักษณ์เช่นนี้มีเฉพาะในหมู่คนที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ต่อให้เขาไม่ได้มาจากเชื้อพระวงศ์เขาก็ไม่ใช่คนจากตระกูลธรรมดาแน่ และ…บางทีเขาอาจจะเป็นนายน้อย!
“หัวหน้าตระกูลซู เป็นเรื่องกะทันหันไม่น้อยที่มาเยี่ยมท่านโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แต่เมื่อข้าได้ยินในเมืองหลวงว่ามีหญิงมหัศจรรย์ในตระกูลซูอยู่คนหนึ่ง ข้าเลยตัดสินใจจะมาดู ท่านสามารถแนะนำนางให้กับข้าได้หรือไม่?”
เฮยตันหยิบของกำนัลออกมาจากแขนและแสดงให้ซูฮ่วนหลี่
ซูฮ่วนหลี่หยิบมันอย่างระมัดระวังและพิจารณามันอยู่นาน แต่เขารู้เพียงว่ามันเป็นของมีค่า ทว่าไม่รู้ว่ามันมาจากไหน
เฮยตันห้ามตัวเองไม่ให้ระเบิดหัวเราะ มันเป็นของปลอมคุณภาพสูงที่เขาซื้อมาจากตลาดมืด หากไม่ตรวจสอบอย่างมืออาชีพก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นของจริงหรือไม่ แต่เขาแสร้งทำเป็นโกรธและชี้หน้าซูฮ่วนหลี่พลางเอ่ยเยาะ “เจ้าบ้านนอก เจ้าไม่สามารถระบุของกำนัลนี้ได้เรอะ? นี่คือของกำนัลจากจวนนายพลอู่ในดินแดนต้าฮั่น! คุณชายของข้าเป็นคุณชายหนึ่งแห่งจวนนายพลเชียวนะ!”
หลังได้ยินเช่นนั้น ซูฮ่วนหลี่ก็หวาดกลัวจนมือสั่นและเกือบจะทำของกำนัลแตกหัก เขารีบส่งมันคือและไม่อาจห้ามตัวเองจากอาการตกใจได้
สวรรค์!
บุตรชายคนโตของจวนนายพล นี่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยทรงพลังที่สุดเชียวนะ!
หากซูหลี่ได้แต่งงานกับเขาและอาศัยในจวนนายพล ตำแหน่งของนางก็จะสูงกว่าชิงถานเสียอีก!!
ซูฮ่วนหลี่รีบเรียกหลี่หยินและกระซิบ “พ่อบ้าน เรียกเอ้อร์หยามาที่นี่เร็ว บอกให้นางแต่งตัวให้สวยกว่าแต่ก่อนด้วย!”
หลี่หยินระเบิดหัวเราะ ต่อให้นางไม่ได้แต่งตัวนางก็สวยอยู่แล้ว แต่ชายสองคนนี้น่าสงสัยนัก
หลี่หยินมองกลับมาที่ฉู่ชิงหนิงและเห็นว่าดวงตาของฝ่ายหลังเปลี่ยนจากแววอ่อนโยนเป็นเฉยเมยและริมฝีปากของเขาก็สั่นเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดว่าจะมีผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์ระดับสี่อยู่ในตระกูลซูด้วย…”
หลี่หยินหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าพูดอะไร ชายหนุ่มสามารถเข้าสู่วงการวรยุทธ์ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้และสามารถมองเห็นระดับพลังยุทธ์ของเขาเพียงแวบเดียว พลังยุทธ์ของเขาจะต้องสูงกว่าระดับสี่แน่ หากบุตรพระเจ้าคนนี้ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูจากจวนนายพลเขาก็ยังไม่เชื่อ!
ในเรือนจินหยวน ซูหลี่พลันสนใจชายคนนี้หลังจากที่หลี่หยินบอกนางทุกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเขา อู่จินมาที่ตระกูลซูงั้นหรือ? ความรักระหว่างเขากับซูจื่อเผยในชีวิตชาติที่แล้วเริ่มต้นเมื่อไหร่กัน? หรือเป็นในตอนที่ตระกูลซูย้ายไปที่อวิ๋นจิงกับนาง?
ด้วยความคิดนี้ ซูหลี่จึงแต่งตัวและเดินไปยังห้องกลางพร้อมกับแม่บ้านหลี่ เมื่อนางเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังพูดและหัวเราะ นางก็พลันอึ้งไป
เขาเป็นใครกัน?
คอมเม้นต์