การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 66
ตอนที่ ๖๖
อากาศยามราตรีช่างหนาวเหน็บยิ่งนัก ซูหลี่กลับไปยังบ้านตระกูลซูโดยมีน้ำค้างเกาะพราวตามเสื้อผ้า ก่อนนางจะถอดเสื้อคลุมออก นางก็เห็นแม่บ้านหลี่พูดว่า “คุณหนู หายนะใกล้มาถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินหนึ่งถูกนายท่านทุบตีอย่างหนัก เป็นเพราะเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้เจ้าค่ะ”
ซูหลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินแม่บ้านหลี่พูดเช่นนั้น ซูฮ่วนหลี่ทุบตีจูเหยียนจริงหรือ?
ฉู่ชิงหนิงทำอะไรในตอนท้ายถึงทำให้ซูฮ่วนหลี่เดือดดาลขนาดนั้นนะ แม้นางจะเป็นคนวางแผน แต่นางก็ไม่รู้ว่าผลที่เกิดขึ้นมันจะรุนแรงปานนี้
ซูหลี่แต่งตัวและออกจากเรือนจินหยวนโดยไม่ได้แตะอาหารมื้อเย็นเลย
เรือนจินหยวนอยู่ไม่ไกลจากห้องทางปีกสุดของจูเหยียน เพียงเดินผ่านสนามหญ้าสองแห่ง ซูหลี่ก็หยุดอยู่หน้าห้องพักของจูเหยียนแล้ว
เป็นครั้งแรกที่นางย่างเท้าเข้ามาที่ห้องปีกตะวันตกนี้นับตั้งแต่ที่นางกลับชาติมาเกิด แต่ในเมื่อมารดาของนางได้รับบาดเจ็บ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำหากจะไม่ไปเยี่ยม
ภายในห้อง จูเหยียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง และยังมีท่านหมอ กับซูจื่อเผยที่นั่งอยู่ข้างเตียงและปาดน้ำตาบนใบหน้านางเป็นระยะ ซูจื่อเผยเหลือบมองขึ้นมาและเห็นซูหลี่ ใบหน้าของนางมืดครึ้มลงในทันที “แกมาทำอะไรที่นี่? สาแก่ใจแล้วใช่ไหมที่ยืนดูพวกเรา?”
ซูหลี่อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าครึ้มลงพลางเอ่ยตะกุกตะกัก “น้องสามพูดอะไร? ข้า… ข้าแค่อยากมาเจอท่านแม่ของพวกเราน่ะ”
ซูจื่อเผยมองร่างของซูหลี่ แล้วนางก็พลันลุกพรวดด้วยความโกรธแค้น นางยืนขึ้นตวาด “มาหาใคร? เจ้าได้รับอนุญาตให้เจอท่านแม่ด้วยเรอะ? รีบไสหัวออกไปให้เร็วที่สุดเลย เราไม่อาจญาติดีกับเจ้าของตึกไป๋เว่ยได้หรอก!”
ท่านหมอที่วินิจฉัยโรคเห็นภาพนี้แล้วก็ส่ายหน้า คุณหนูสามตระกูลซูช่างนิสัยเสียอย่างที่ลือกันจริงๆ แม่นางซูหลี่ช่างโชคร้ายนัก”
ทันใดนั้นมือของเขาก็สั่นเมื่อรู้สึกถึงชีพจรของจูเหยียนและเขาก็มีสีหน้าหวาดหวั่น เขาอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “ฮูหยินหนึ่งตั้งครรภ์! ”
“อะไรนะ? ฮูหยินหนึ่งตั้งครรภ์?”
ซูฮ่วนหลี่ตกใจสุดขีดเมื่อได้รับข่าวจนถ้วยชาในมือร่วงลงบนพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดครึ้ม เขาไม่ได้หลับนอนกับภรรยามานานแล้ว นางตั้งครรภ์ได้อย่างไร?
ซูฮ่วนหลี่ตอนนี้คิดแล้วว่าเขาคงถูกตีท้ายครัวเหมือนกับหยางลี่
ซูฮ่วนหลี่มาที่ห้องปีกตะวันตกด้วยสีหน้าซีดเผือดและเห็นซูหลี่ผู้หวาดกลัวที่จะเดินจากไปตรงหน้าประตู เขาใจอ่อนยวบและปลอบนาง จากนั้นเขาก็แค่นเสียงและก้าวเข้าไปในห้อง
“ท่านพ่อ!” ซูจื่อเผยที่ไม่ได้เห็นซูฮ่วนหลี่มานานกระโดขึ้นและเอ่ยอย่างดีใจ “ท่านแม่ข้าต้องมีน้องชายตัวน้อยแน่ๆ เจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าบิดามาหาพวกนางในทันทีที่ได้ข่าวการตั้งครรภ์
ใบหน้าของซูฮ่วนหลี่ยังคงซีด เขานั่งข้างเตียงและมองจูเหยียนที่นอนซมหลังถูกเขาตบตี เขาเอ่ยเสียงเย็น “เด็กนี่เป็นลูกใคร?”
จูเหยียนตื่นแล้วในตอนนี้ หลังจากที่นางตื่นขึ้น นางก็ได้ยินคำวินิจฉัยของหมอและพลันมีกำลังใจในทันที นางไม่คิดว่าคำถามแรกของซูฮ่วนหลี่จะเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ
“ข้า… ข้าไม่ใช่ซูเยว่จู๋นะ!” จูเหยียนรู้สึกผิดจนอยากตายและพยายามเอ่ยอย่างยากเย็น “ท่านพี่ ท่านยัง… จำได้ไหม… งานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลหยาง? คืนนั้น… ท่าน…”
ซูฮ่วนหลี่มีสายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาดื่มหนักมากในคืนนั้นและความทรงจำก็ไม่แจ่มชัด ดูเหมือนเขาจะกลับมาพร้อมกับจูเหยียนและจากนั้นก็…
ดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะพูดความจริงเมื่อดูจากวันที่แล้ว
ซูฮ่วนหลี่ดูอ่อนลงและหันไปหาท่านหมอพลางเอ่ยถาม “ท่านหมอ เด็กในท้องเมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ท่านหมอพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ฮูหยิน…หกล้มและมีการตอบสนองรุนแรง ข้าจะจัดยาที่ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายนางนะขอรับ”
“ดีแล้ว”
ซูฮ่วนหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากท่านแม่ของเขารู้ว่าเขาทุบตีจูเหยียนแล้วฆ่าลูกของนาง นางต้องถลกหนังเขาแน่!
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฮูหยิน วางใจเรื่องบุตรของท่านเถิดขอรับ”
ซูฮ่วนหลี่จัดการดูแลให้จูเหยียนและให้หลี่หยินส่งจดหมายถึงมารดาของเขา ท่านยายตระกูลซูและฉุยกำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่ในวัดเนื่องจากหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต นางจึงใช้เวลาทั้งหมดในช่วงนี้อาศัยในวัดและสวดมนต์ขอความปลอดภัยให้กับตระกูลซู
ก่อนที่นางจะออกไป นางก็ออกคำสั่งว่าถ้าหากมีทารกแรกเกิดในตระกูลซู พวกเขาต้องรายงานนาง
ซูหลี่เห็นภาพนี้ต่อหน้าต่อตาแล้วก็แสยะยิ้ม
ท่านยายตระกูลซูและฉุยกำลังกลับมา ชีวิตอันรันทดของนางส่วนมากมาจากหญิงชราและจูเหยียนที่สมรู้ร่วมคิดกันใส่ไฟนางต่อบิดาของนาง
เด็กคนที่ห้าของตระกูลซูเป็นเด็กชาย แต่โชคร้ายที่จูเหยียนให้กำเนิดทารกที่เสียชีวิตออกมา ทำให้ท่านยายตระกูลซูและฉุยโกรธจัด
ในวันที่สามหลังจากที่หลี่หยินส่งข่าว รถม้าคันหนึ่งก็ได้มาหยุดตรงหน้าบ้านตระกูลซู ซูฮ่วนหลี่รีบต้อนรับมารดาของเขาและเลิกม่านออก หญิงชราผู้มีกลิ่นไม้จันทน์ในชุดสีพื้นย่างลงมาและยึดตัวบุตรชายไว้พลางเอ่ยซ้ำ ๆ
“ลูกชายข้า พาข้าไปพบว่าที่หลานชายหน่อยสิ!”
ซูฮ่วนหลี่กระแอมอย่างจงใจและหยุดเอ่ยวาจา ในที่สุดเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เขาช่วยพยุงมารดาของตนไปที่ห้องทางปีกตะวันตก ท่านยายตระกูลซูและฉุยเห็นใบหน้าบวมฉุของจูเหยียนก็ตกใจในทันที นางเอ่ยถามขึ้น “อาเหยียน ทำไมเจ้าเจ็บหนักขนาดนี้ล่ะ? ใครทำเจ้า?”
ท่านยายตระกูลซูและฉุยมีความชอบจูเหยียนอย่างมาก ความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อหลี่เยว่เหลียนได้เปลี่ยนไปหลังจากที่นางให้กำเนิดบุตรชายสองคน แต่แม้ว่าจูเหยียนจะให้กำเนิดบุตรสาวสองคน นางก็ยังเอาใจจูเหยียนอยู่ แถมยังรักใคร่บุตรสะใภ้มากกว่าบุตรชายของตัวเองเสียอีก
จูเหยียนเห็นท่านยายตระกูลซูและฉุยแล้วดวงตาก็ปริ่มหยาดน้ำ นางเอ่ยอย่างเศร้าโศก “ท่านแม่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่หกล้มเท่านั้น”
“ตายแล้วอาเหยียน! เกิดอะไรขึ้น?”
คอมเม้นต์