การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 68
LS ตอนที่ ๖๘
ซูจื่อเผยกำลังทานน่องไก่ นางหันหน้าไปทางซูหลี่ที่ถูกเลือกปฏิบัติเป็นระยะและรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา
หลี่เยว่เหลียนเองก็รู้สึกรำคาญอย่างยิ่ง หลายปีที่ผ่านมานี้ หญิงชรายังคงลำเอียงเข้าข้างจื่อเผยอยู่!
ซูฮ่วนหลี่อดรนทนไม่ได้ เมื่อเขากำลังจะให้ปีกไก่ในชามกับซูหลี่ มารดาของเขาก็หยุดเขาไว้ทันควันจนปีกไก่นั้นกลับไปอยู่ในชามของเขา นางเอ่ยขึ้น “เจ้ายุ่งอยู่กับกิจการมามาก เจ้าต้องได้ทานอาหารดี ๆ กินซะ!”
ริมฝีปากของซูฮ่วนหลี่สั่นระริกและเขาก็เห็นสายตาเอ่ยเตือนของมารดา ในที่สุดเขาจึงถอนหายใจและยัดปีกไก่เข้าไปในปาก
ซูหลี่นั่งอยู่ตรงขอบโต๊ะและนางก็ทานข้าวสวยทีละคำ ทั้งโต๊ะช่างกว้างขวางนั้น แต่นางก็ไม่สามารถทำได้เเม้แต่ยืดแขนออกไป
ซูหลี่รู้สึกกระหายน้ำอย่างยิ่งขณะทานอาหาร นางจึงหยิบช้อนขึ้นมาหมายจะซดน้ำแกงเต้าหู้สักช้อน
เพี๊ยะ!
ช้อนในมือนางถูกท่านย่าตระกูลซูและฉุยปัดทิ้งก่อนที่นางจะเอ่ยอย่างโกรธเคือง “สาวน้อย ข้าเลี้ยงอาหารเจ้าแล้วแต่เจ้ากลับต้องการดื่มน้ำแกงด้วยงั้นหรือ? ข้ายังไม่ลงโลงเจ้าก็ทำตัวดื้อด้านขนาดนี้เสียแล้ว เจ้าคิดแช่งให้ข้าตายไวหรืออย่างไร?!”
ซูหลี่ตัวสั่นและรีบวางชามกับตะเกียบลงก่อนคุกเข่าบนพื้น
ท่านย่าตระกูลซูและฉุยยังไม่ให้อภัยซูหลี่และร้องออกมาพลางเอามือกุมอก “ไอ้หยา! ฮ่วนหลี่ ดูลูกสาวเจ้าสิ นางอยู่เหนือกว่าตลอด หลานชายข้าถูกนางฆ่าแต่นางยังมีหน้าทานอาหารได้อย่างสบายใจเฉิบต่อหน้าข้า! ข้าโมโหเสียจนรู้สึกหัวหมุนแล้ว…”
ซูฮ่วนหลี่รู้สึกหวาดผวาอย่างยิ่งและรีบประคองมารดาที่กำลังโงนเงนในทันที “ท่านแม่! ท่านแม่! อย่าทำให้ข้ากลัวสิขอรับ!”
“ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง ข้าไม่สบายเลยเมื่อได้เห็นนาง ฮ่วนหลี่ ทำให้นางออกไป ออกไป!” ไม่มีใครสามารถพูดจาเป็นเหตุผลกับหญิงชราได้ยามที่นางไร้เหตุผลและกระทำตัวเช่นนี้ ซูฮ่วนหลี่โมโหยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่สามารถขัดมารดาได้ เขาทำได้เพียงโบกมือไปที่ซูหลี่และบอกให้นางกลับไป
ซูหลี่ข่มจิตสังหารไว้และค่อยๆ ก้มหน้าลงเดินจากไป นางหายตัวไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
ท่านย่าตระกูลซูและฉุยพลันมีสีหน้าเป็นปกติหลังจากที่ซูหลี่ออกไปแล้ว นางยิ้มและป้อนอาหารให้กับจูเหยียนต่อ “มา ๆ สะใภ้แสนดีของข้า กินเยอะ ๆ อย่าทำให้หลานชายข้าอดอาหารล่ะ”
หลังอาหารเย็น ซูจื่อเผยก็รู้สึกสดชื่น นางดึงมือจูเหยียนขณะเดินกลับห้องและเอ่ยอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ท่านเห็นไหมเจ้าคะ? นังมารยานั่นตัวสั่นด้วยความกลัว ข้าล่ะมีความสุขนัก…”
หลี่เยว่เหลียนมองซูหลี่เดินออกไปอย่างสงบ แต่ในใจเหมือนมีภูเขาไฟปะทุอยู่ เช่นกันกับซูหลี่ นางรู้สึกรำคาญอาหารมื้อค่ำครั้งนี้นัก
ท่านย่าตระกูลซูและฉุยมีความสุขอย่างยิ่ง และซูฮ่วนหลี่ที่ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกสงสารก็ออกไปในที่สุด
ซูหลี่ทำเพียงมองพวกเขาเดินออกไปทีละคนด้วยอาการสงบและจากนั้นก็กลับไปที่เรือนจินหยวนในตอนกลางคืน
“คุณหนู กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ อาหารมื้อค่ำที่เรือนใหญ่ต้องอร่อยแน่ ๆ เลยใช่ไหมเจ้าคะ?”
แม่บ้านหลี่เดินออกมาหลังได้ยินเสียงและเอ่ยขึ้น ซูหลี่ยังคงยิ้มและพยักหน้า “ใช่ อร่อยมาก”
“ข้าล่ะอยากวางยาพวกเขาตอนที่ข้ากินจริงๆ…”
เช้าตรู่วันต่อมา ซูหลี่ก็ยุ่งเช่นเคย เพื่อผลกำไรของตระกูลซูแล้ว ซูฮ่วนหลี่จึงไม่ได้จัดการนางเป็นระยะหนึ่งไม่ว่าท่านย่าตระกูลซูและฉุยจะเล่นลูกไม้อะไร หลังจากที่คนไข้คนสุดท้ายออกไปแล้ว ฉีเซี่ยนชิงก็มาหาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์ข้า ทักษะการเเพทย์ของเจ้าช่างล้ำหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้และข้าก็สอนเจ้าในเรื่องทั้งหมดที่ข้ารู้แล้ว สิ่งเดียวที่เจ้ายังขาดก็คือประสบการณ์ ข้าจะประกาศยกไป๋เฉ่าถังให้เจ้าอย่างเป็นทางการนับจากวันพรุ่งนี้”
ซูหลี่ฟังอาจารย์ของนางด้วยสายตางุนงงและโพล่งออกมา “อาจารย์ ท่านจะออกไปแล้วหรือเจ้าคะ?”
ฉีเซี่ยนชิงพยักหน้าด้วยอาการเป็นมิตร “สงครามในเขตตะวันตกเฉียงเหนือช่างโหดร้ายและข้าจะจากไปเป็นหลายเดือน แพทย์ควรรักษาอาการบาดเจ็บและช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะตาย วางใจเถิด พลังยุทธ์ของข้าจะช่วยให้ข้าพ้นอันตรายได้”
จากนั้นฉีเซี่ยนชิงก็ลูบเส้นผมของซูหลี่และเอ่ยต่อ “ตอนนี้เจ้าอายุสิบห้าปีแล้ว ข้ายืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองด้วยอายุเท่านี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถจัดการเรื่องทั้งหลายในตระกูลซูได้ ดูแลตัวเองให้ดีหลังจากที่ข้าไปแล้วล่ะ”
ซูหลี่กลั้นหายใจครู่หนึ่งและคลี่ยิ้มออกมาในทันที “อาจารย์ วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
“จงจำไว้ว่าคอยระวังตัวอยู่เสมอต่อให้เป็นญาติสนิทมิตรสหาย โดยเฉพาะบิดามารดาของเจ้า พวกเขาไม่ใช่คนดี” ฉีเซี่ยนชิงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้ามีพลังยุทธ์ในระดับสูงแล้ว และไม่มีคนธรรมดาหน้าไหนสามารถทำร้ายเจ้าได้ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะทำตัวเองบาดเจ็บ เพราะเจ้าเป็นคนใจอ่อนเหลือเกิน”
แม้จะรู้สึกเป็นห่วงศิษย์ แต่ฉีเซี่ยนชิงก็ยังจากไปในวันต่อมาและทิ้งให้ไป๋เฉ่าถังที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ช่วงหนึ่งในเวลากลางคืน
คนทั่วไปเห็นว่าแพทย์คนใหม่ที่ทำหน้าที่รักษาคนไข้มีรูปโฉมงามล้ำนักก็เกิดความกังขาในทักษะการเเพทย์ หลังได้รับการรับรองจากผู้ช่วยของไป๋เฉ่าถังแล้ว คนไข้คนหนึ่งก็ตกลงลองรับการรักษาในที่สุด
พวกเขาค้นพบในทันทีว่าทักษะการแพทย์ของสาวน้อยธรรมดาอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ทุกการเจ็บป่วยใด ๆ หายเป็นปลิดทิ้งยามที่มือของนางได้สัมผัส และทักษะการแพทย์ของนางก็เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับฉีเซี่ยนชิงเลยทีเดียว ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าสาวน้อยคนนี้คือศิษย์ของฉีเซี่ยนชิงและเรียนรู้ทักษะการแพทย์ของเขามาเกือบทั้งหมดด้วยอายุน้อยเพียงเท่านี้
การมีท่านยายตระกูลซูและฉุยหนุนหลัง ทำให้ซูจื่อเผยก้าวร้าวอีกครั้ง นางยังท้าทายซูหลี่โดยการเล่นลูกไม้สกปรกในที่ลับ ซูจื่อเผยไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย แต่ซูหลี่ทำเพียงเมินนางและไม่ตอบสนองใด ๆ
“หึ นังสารเลว! ท่านแม่ข้ายังคงหาทางขับเจ้าออกจากตระกูลได้อยู่แม้ว่าเจ้าจะมีตึกไป๋เว่ยแล้ว!” ซูจื่อเผยมองซูหลี่เดินจากไปแล้วเอ่ยกับตัวเอง
แม้ซูหลี่จะยังอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้นางก็มีเวลาว่างมากขึ้นหลังจากไม่มีการเรียนการสอนคาบเช้า วันหนึ่ง ซูหลี่ก็กลับมาจากตึกไป๋เว่ยเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่นางกลับเห็นกลุ่มผู้คุ้มกันตระกูลซูยืนอยู่ด้านหน้าเรือนจินหยวน พร้อมกับเสียงร้องของแม่บ้านหลี่ดังลั่นออกมาจากด้านใน
“พวกเจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ของพวกนี้เป็นของคุณหนูสอง!”
สายตาของซูหลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยและนางก็เดินเร็วขึ้น
คอมเม้นต์