การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 69
ตอนที่ ๖๙
นางเห็นเเม่บ้านหลี่ถือกล่องใบเล็กด้วยอาการเศร้าสร้อยและยืนตรงหน้าประตู หีบเสื้อผ้าและหนังสือถูกเคลื่อนย้ายออกจากห้องด้วยฝีมือของแม่บ้านชราคนอื่น ๆ และถูกโยนทิ้งระเกะระกะบนพื้น
พวกมันกองสูงจนดูราวภูเขาลูกหนึ่ง เสื้อผ้าและเครื่องนอนต่างผสมปนกัน และหมึกที่ถูกเททิ้งก็ย้อมพวกมันจนเป็นสีดำ
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูหลี่ถามเบา ๆ แม้ผู้คุมจะได้ยินนางอย่างชัดเจน ต้องขอบคุณการดูแลจากคุณหนูสองต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา ใครบางคนจึงอดไม่ได้ที่จะกระซิบตอบนาง “ท่านย่าออกคำสั่งมาว่าท่านไม่อาจอยู่ในบ้านของตระกูลซูได้ขอรับ”
ดวงตาของซูหลี่หรี่ลง และนางก็เดินเข้าไปช้า ๆ กลุ่มแม่บ้านชราเห็นซูหลี่เคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่พวกนางก็ไม่ได้หยุดมือ กลับเร่งมือเร็วขึ้น
“คุณหนูสอง อย่าโทษพวกเราเลยเจ้าค่ะ เป็นคำสั่งของท่านย่าแล้วนายท่านก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ นายท่านขอให้ท่านออกไปอาศัยในตึกไป๋เว่ย พวกเราเลยเก็บสัมภาระของท่านน่ะเจ้าค่ะ!”
ซูหลี่มองพจนานุกรมแห่งต้าฮั่นที่ถูกย้อมด้วยหมึกจนกลายเป็นสีดำแล้วก็สาวเท้าไปหาแม่บ้านหลี่ด้วยสายตามืดครึ้ม
แม่บ้านหลี่พลันหนาวเยือก แต่นางก็ไม่สนใจมันมากนักในตอนนี้และรีบบอกสิ่งที่ได้ยินมาแก่คุณหนูของนาง
กลายเป็นว่าท่านย่าตระกูลซูและฉุยไปหาแม่มดหมอผีคนหนึ่งเพื่อพยากรณ์ดวงชะตาของเด็กในท้องจูเหยียน
แม่หมอดูหน้าซีดในทันทีหลังทำนายดวงชะตาของจูเหยียน นางบอกตะกุกตะกักว่าซูหลี่ที่อยู่ในเรือนตะวันตกอันหรูหราที่สุดของบ้านตระกูลซูเป็นเสนียดจัญไรต่อน้องชายของนาง
ตราบใดที่ซูหลี่อยู่ในบ้านตระกูลซู เด็กในท้องของจูเหยียนก็จะถูกสยบและอาจตายตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์!
คำพูดไร้สาระเช่นนี้ทำให้ผู้คนต่างหัวเราะงอหงาย ซูฮ่วนหลี่ไม่เชื่อมันแม้แต่น้อย แต่ท่านย่าตระกูลซูและฉุยกลับคิดว่ามันเป็นจริง นางนึกถึงตอนที่จูเหยียนเคยบอกครั้งหนึ่งว่าซูหลี่สังหารหลานชายของนางในอดีตและพลันรู้สึกว่าคำพูดของแม่หมอมีเหตุผลอยู่
นางรีบสั่งให้บุตรชายของนางขับไล่ซูหลี่ออกจากบ้านตระกูลซูในทันที! ซูฮ่วนหลี่ย่อมไม่ทำมัน
เป็นเรื่องตลกชัด ๆ!
หากซูหลี่ถูกขับออกจากตระกูลซูเพราะคำพูดของแม่มดหมอผี ตระกูลซูก็จะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ นอกจากนี้ตึกไป๋เว่ยยังเป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่เขาไม่อาจทำอะไรที่จะเป็นการเสียผลกำไรได้หรอก
ท่านย่าตระกูลซูและฉุยคลุ้มคลั่งเมื่อเห็นว่าบุตรชายของนางไม่เห็นด้วย ในที่สุดจูเหยียนก็บอกว่าซูหลี่อาจอยู่นอกบ้านตระกูลซูแล้วมีผลลัพธ์เช่นเดิมได้
ซูฮ่วนหลี่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีเพราะจะไม่มีความขัดแย้งระหว่างบุตรสาวของเขากับท่านแม่ของเขาที่บ้าน เขาเห็นด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าวิธีที่ท่านแม่ของเขาใช้ขับบุตรสาวของเขาออกจากบ้านจะโหดร้ายเช่นนี้
ซูหลี่เดินช้า ๆ ไปยังกองสัมภาระที่ถูกทิ้งขว้างสะเปะสะปะและนั่งยองลงข้าง ๆ เพื่อทำความสะอาดเงียบ ๆ
แม่บ้านหลี่รู้สึกเศร้าใจและเอ่ยขึ้น “คุณหนู ให้ข้าช่วยเถอะเจ้าค่ะ”
ในตอนนี้ไม่มีของสิ่งใดเหลือให้โยนทิ้งออกจากเรือนจินหยวนแล้ว กลุ่มแม่บ้านชราจึงหยุดมือและมองท่าทางกระอักกระอ่วนของคุณหนูสองและรู้สึกอยากกลั่นแกล้งนางขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง!
กลุ่มผู้คุมนับสิบในชุดเกราะอ่อนก็เคลื่อนกายมายืนตรงหน้าคุณหนูสองและแม่บ้านหลี่เป็นกำแพง พวกเขาดูมีความสามารถและแข็งแกร่ง เหล่าแม่บ้านชราต่างคับอกคับใจ พวกนางรู้สึกหวาดหวั่นและไม่กล้าพูดอะไรไร้สาระออกมา
ซูจื่อเผยที่แอบดูจากด้านนอกเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที
นางไม่อยากเชื่อเลยว่าเหล่าผู้คุมนับสิบจะปกป้องนายของพวกเขาโดยไม่ทันได้บอก
แม้แต่นางยังไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ทำไมซูหลี่ถึงเป็นที่รักของคนอื่นนัก?
ในตอนนี้ซูหลี่ก็เริ่มทำความสะอาดเครื่องนอนที่ถูกหมึกย้อมกลายเป็นสีดำ ผู้คุมหนุ่มคนหนึ่งทนเห็นไม่ได้ก็รีบคว้าฟูกนอนสีขาวก่อนที่คุณหนูสองจะวางมือขาวบนนั้นและเอ่ยขึ้น “คุณหนู ให้ข้าช่วยท่านเถอะขอรับ!”
ซูหลี่อึ้งไปและพลันยิ้มออกมาแล้วเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
ชายหนุ่มคนนั้นพลันหน้าแดงและเอ่ยตอบ “ข้า…ข้าไม่มีชื่อหรอกขอรับ แต่ทุกคนเรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่ว”
“เสี่ยวจิ่ว?” ซูหลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ขอบคุณนะ”
ใบหน้าของเสี่ยวจิ่วพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังได้ยิน เขาตามคุณหนูสองไปและไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ในใจของเขามีเพียงประโยคหนึ่งติดอยู่
คุณหนูเอ่ยขอบคุณเขา!
จากนั้นผู้คุมอีกคนหนึ่งก็ช่วยคุณหนูสองแบกหีบหนังสือหนักอึ้งพร้อมกับเหล่าผู้คุมคอยปกป้องนางตลอดทางที่ไปตึกไป๋เว่ย ท่านย่าตระกูลซูและฉุยไม่ได้ทำแม้กระทั่งจัดรถม้าให้นาง แต่ซูหลี่ก็ไม่เป็นกังวลเมื่อมีความช่วยเหลือจากเหล่าผู้คุม
หลังขนสัมภาระทุกอย่างเข้ามาในห้องรับแขกของตึกไป๋เว่ย ซูหลี่ก็หันกลับมาให้เงินแก่ทุกคน
“คุณหนู เรารับเงินท่านไว้ไม่ได้หรอกขอรับ พวกเราทั้งหมดต่างรู้สถานการณ์ของท่านในตระกูลซูดี” เสี่ยวจิ่วปฏิเสธทันควัน
ซูหลี่ถอนหายใจและส่ายหน้า “รับไว้เถอะ พวกท่านทั้งหลายช่วยเหลือข้าในวันนี้ ท่านย่ากับท่านแม่ข้าคงสร้างปัญหาให้พวกท่านเป็นแน่ พวกท่านควรติดตามพ่อบ้านหลี่และอยู่ห่างซักพัก รับเงินไปซะแล้วชีวิตของพวกท่านจะสะดวกสบายขึ้น”
เสียวจิ่วกับผู้คุมคนอื่นเงียบไปหลังได้ยินดังนี้ กลายเป็นว่าคุณหนูสองมองเห็นเรื่องราวได้แจ่มชัดมากกว่าพวกเขาเสียอีก
ทำไมคุณหนูผู้แสนดีเช่นนี้ต้องถูกรังแกจากท่านย่าและฮูหยินหนึ่งด้วย? ช่างน่าขันนัก
ดวงตาของซูหลี่กวาดไปที่เสี่ยวจิ่วและผู้คุมคนอื่น ๆ ผู้คุมเหล่านี้ยังอายุน้อย พวกเขามีอายุมากกว่านางราวหนึ่งถึงสองปีเท่านั้น กล่าวกันว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนจากหลี่หยิน ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพ่อบ้านชราจะเป็นคนซื่อตรงมีหลักการ หากผู้คุมถูกคนเห็นแก่ตัวอย่างซูฮ่วนหลี่ฝึกมา พวกเขาก็คงจะเป็นคนชั่วมาก
ฟ่างหยวนกับฉู่ชิงหนิงได้ข่าวในคืนนั้นและรีบตรงมาที่ตึกไป๋เว่ย
“นังแม่มดบ้า! ข้าล่ะอยากฆ่านางเสียตอนนี้!” ฉู่ชิงหนิงโกรธจัดหลังได้ยินดังนั้น เขาหันหลังกลับด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด แต่ถูกฟ่างหยวนห้ามไว้
“ซูหลี่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? หากเจ้าอยากให้แม่มดนั่นหายตัวไป เราจะลงมือในทันทีเลย”
ฟ่างหยวนก็เหลืออดแล้วเช่นกัน ซูหลี่ให้ความช่วยเหลือกับพวกเขาเป็นอันมากและตอนนี้นางก็ถูกรังแกจนถึงขนาดนี้ หากพวกเขาไม่ทำอะไรเลย พวกเขาจะสมควรได้รับความกรุณาจากนางหรือ?
“ช่างเถอะ” ซูหลี่ส่ายหน้าช้า ๆ “พวกเจ้าสองคนน่าจะเปลี่ยนบุคลิกนะ พวกเจ้าจะฆ่าคนมั่วซั่วได้อย่างไร?”
ฉู่ชิงหนิงเกาศีรษะและคิดว่าซูหลี่ใจดีเกินไปแม้นางจะเป็นปรมาจารย์ด้านพิษ ฟ่างหยวนกลับไม่มีความเห็นอย่างเดียวกัน เขารู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น
ซูหลี่ถอนหายใจเบา ๆ “ในที่สุดข้าก็รู้สึกสนุกสนานขึ้นมาแล้ว หากพวกเจ้าฆ่านางตอนนี้ข้าก็กลับไปเบื่ออีกรอบน่ะสิ”
คอมเม้นต์