การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 72
ตอนที่ ๗๒
ซูหลี่พลันหยุดฝีเท้า ชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปก่อนที่เขาจะพูดจบ ร่างคนน่ากลัวสองคนปรากฏบนถนนข้างหน้า ชายหนุ่มและซูหลี่ไม่อาจคุ้นเคยลมหายใจสองสายไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว พวกเขาคือนักฆ่าสองคนที่คนหนึ่งตัวสูงและอีกคนหนึ่งตัวเตี้ย
“เฮ้ย แม่นางน้อย เจ้าแกล้งทำเป็นตายได้แนบเนียนจริงนะ! ถึงว่าสิว่าลูกดอกพิษทำให้ข้ารู้สึกแปลก ๆ” ชายร่างเตี้ยในชุดดำเดินออกมาอย่างเยือกเย็นพลางยิ้มแสยะ “เจ้าเป็นเทพีแห่งกลุ่มหยินโม่หรือเปล่า? ช่างทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง เทพีแห่งกลุ่มหยินโม่ช่างมีฝีมือกระจอกอะไรเช่นนี้”
ชายกลางคนร่างสูงเดินออกมาจากเงามืดเช่นกัน มีดยาวเป็นประกายของเขาถูกชักออกจากฝักเรียบร้อย
ดวงตาของซูหลี่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นางวางร่างชายหนุ่มลงพลางกระซิบ “อยู่ที่นี่แล้วอย่าขยับนะ”
ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เขาเอ่ยทันทีด้วยเสียงทุ้ม “ไป รีบไปซะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า! พวกเขาเป็นผู้อาวุโสแห่งหอชำระเลือด ทั้งคู่ต่างเป็นจอมยุทธ์ระดับถือกำเนิดแล้ว เจ้าสู้พวกเขาไม่ได้หรอก!”
แต่ซูหลี่ทำเป็นหูทวนลมใส่เขา นางกลั้นหายใจครู่หนึ่ง จากนั้นร่างของนางก็ทะยานไปหาผู้อาวุโสทั้งสองในทันทีจนดูราวกับจะฆ่าตัวตาย
“นังโง่!” ชายร่างเตี้ยในชุดดำผุดยิ้มและสะบัดแขนเสื้อกว้าง ลูกดอกพิษจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากแขนเสื้อในทันทีราวกับฝนดอกไม้ที่ร่วงลงมาจากฟ้า
ชายหนุ่มมีดวงตาหดเกร็ง ในขณะที่เขาจะช่วยซูหลี่แม้ตนจะบาดเจ็บอยู่ก็ตาม ซูหลี่ก็พลันหายไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ปรากฏกายเบื้องหลังชายชุดดำ!
ชายชุดดำมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและรีบเร้าลมปราณออกมาปกป้องตัวเองทันที เขามั่นใจว่าต่อให้เขาถูกลอบโจมตี ลมปราณของเขาก็จะไม่แตกซ่านเพราะซูหลี่มีพลังยุทธ์เพียงขุมที่เก้าเท่านั้น
“เราถูกนังโง่นี่หลอกเข้าแล้ว!”
ชายกลางคนร่างสูงไม่พอใจ เขาแสยะและรีบโน้มไปด้านหน้า นิ้วของเขาสะบัดและซัดมีดสีเงินตรงไปที่หน้าผากของซูหลี่ ทันใดนั้นเองทรายและกรวดก็ลอยฟุ้งกระจาย ตูม! มีดปักอยู่บนพื้นและส่งเสียงดังสนั่น
“นังโง่ เจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลยนะ เจ้าจะต่อกรกับหอชำระเลือดด้วยพลังยุทธ์อันน้อยนิดได้อย่างไร?”
ชายกลางคนร่างสูงวางแผนมาอย่างดี เขาฟาดฟันฝุ่นผงด้วยมีด เขามั่นใจวิชามีดของเขาเป็นอย่างยิ่งและแน่ใจว่าเขาจะสามารถทำร้ายซูหลี่ได้
ชายในชุดดำรู้สึกเสียกำลังใจกับกลอุบายแต่ยังเอ่ยชมได้ “พี่ชาย ฝีมือท่านยังดีอยู่เลย!”
ชายกลางคนร่างสูงแค่นเสียงและกำลังจะสั่งสอนบทเรียนกับน้องชาย แต่ก็มีเสียงผิดปกติเกิดขึ้นทางด้านหลังเขา เขารีบหันกลับไปและเห็นซูหลี่ที่ยังไม่ตายและมีใบหน้าโชกเลือด สีหน้าของเขาซีดลงในทันที
“แม่นางน้อยเอ๊ย! ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนอย่างไร เจ้าก็ต้องตายที่นี่ล่ะ!”
ชายกลางคนร่างสูงเดือดดาล เขาก้าวออกมาหมายจะซัดมีดออกไปอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเหยียบกับอะไรบางอย่างใต้เท้า จิตสังหารหม่นมืดพลันพวยพุ่งปกคลุม
ซูหลี่เขม่นตา เลือดไหลอาบหน้าผาก แต่นางก็ยกยิ้มมุมปากแสยะ
“ข้าไม่อาจสู้แกได้ แต่ข้าไม่ได้ถูกห้ามให้ใช้พิษนี่นะ?”
ตู้มมม!
จุดที่ซูหลี่เหยียบย่างได้ยุบตัวลง และมันก็ลึกราวเจ็ดศอก! ชายชราทั้งสองแห่งหอชำระเลือดต่างไม่นึกถึงเรื่องนี้และตกลงไป
“กลยุทธ์จิ๊บจ้อย!”
ชายกลางคนร่างสูงคำรามและกำลังจะเหาะออกจากรู แต่ดินโดยรอบก็เหมือนมีชีวิตและฝังคนทั้งคู่ในทันทีราวกับสายฟ้าแลบ จากนั้นดินอ่อนนุ่มก็กลับเเข็งราวกับศิลา มีเพียงศีรษะของพวกเขาที่โผล่พ้นพื้นเท่านั้น
“นีมันอะไรกันเนี่ย?!”
ชายร่างเตี้ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งจนต้องร้องออกมาเพราะไม่อาจขยับตัวได้ การติดอยู่ในพื้นดินทำให้เขาไม่สามารถใช้กลยุทธ์ใด ๆ ได้เลย ชายกลางคนร่างสูงดูน่าอนาถมากกว่า มีดของเขาจมอยู่ในพื้นใต้ดิน ต่อให้เขามีพลังยุทธ์เยี่ยมยอดแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ซูหลี่นอนแผ่หลาข้างศีรษะของชายทั้งสองพลางหายใจหอบ ตอนนี้นางไม่มีกำลังเหลืออยู่แล้ว นางใช้พลังงานถึงขีดสุดเรียบร้อย หากพวกเขาไม่ประมาท นางอาจจะล้มเหลวก็ได้
ชายหนุ่มจ้องมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาว่างเปล่า สถานการณ์พลิกผันในเวลาสั้น ๆ อย่างไม่คาดคิด นางดูเหมือนอ่อนแอ แต่นางกลับฝังผู้อาวุโสระดับถือกำเนิดสองคนได้ในไม่กี่นาที ต่อให้เขาบอกเรื่องนี้กับผู้ติดตาม ก็ไม่มีใครเชื่อเขา
คิดดังนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เดินกะเผลกขาเดียว ซูหลี่เห็นเขาก็ลุกขึ้นและหยิบขวดกระเบื้องสีดำสองใบออกจากเเขนเสื้อ
ผู้อาวุโสระดับขั้นถือกำเนิดทั้งสองไม่มีท่าทีสงบอีกต่อไป พวกเขาต่างหุบปากเงียบ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้และย่นคิ้วเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้น “พวกเขาไม่มีพลังชีพปกป้องร่างกายของพวกเขา แต่ก็ยังมีพลังมากอยู่ ในสภาพเราตอนนี้ เราไม่อาจบีบให้พวกเขาปริปากได้หรอก”
ซูหลี่ได้ยินเขาและคลี่ยิ้ม นางเปิดฝ่าขวดและเอ่ยขึ้น “ปิดจมูกเจ้าซะ”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป
ซูหลี่ปิดจมูกและยื่นขวดกระเบื้องสีดำตรงหน้าชายกลางคนร่างสูง ชายคนนั้นรู้สึกระคายจมูก เขาหวาดกลัวอย่างยิ่งจนต้องรีบเลี่ยงสูดดมกลิ่นโดยการกลั้นหายใจ แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนี้เป็นเวลาานานได้ สีหน้าของชายกลางคนดูแดงขึ้นจากการกลั้นหายใจจนเกือบจะสำลัก ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฮัดเช้ย!!
คอมเม้นต์