การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 73
LS ตอนที่ ๗๓
เมื่อชายกลางคนร่างสูงจาม ซูหลี่ก็สะบัดนิ้วซัดยาสีดำเข้าไปในปากของชายกลางคน
พิษแทรกซึมเข้าสู่ลำไส้ของเขาในทันที ชายกลางคนมีเวลาเหลือเพียงกรีดร้องออกมา จากนั้นใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีดำคล้ำ เขาตายในทันที! จากนั้นศพก็สลายตัวในเวลาสั้น ๆ และหายไปจนหมดเหลือเพียงเสื้อผ้าและข้าวของติดกายอื่น ๆ
ชายในชุดดำเห็นดังนั้นและรู้สึกหวาดกลัวแทบตาย เขารู้สึกหนาวเยือกตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะในทันที!
ความตายเช่นนี้ช่างน่าประหลาดและโหดร้ายนัก! เมื่อเขาคิดว่าต้องทนทรมาน เขาก็พลันร้องเสียงหลง “อย่าฆ่าข้า! เจ้าต้องการรู้อะไร? ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด! อย่าฆ่าข้านะ!”
ชายในชุดดำร้องออกมาเสียงหลง ตอนนี้เขาดูไม่เหมือนผู้อาวุโสจากหอชำระเลือดเลย
ชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป เป็นการบอกซูหลี่ให้หยุดมือ เขาถามเสียงเย็น “ใครเป็นคนทรยศที่ซ่อนตัวในกลุ่มหยินโม่? ใครเปิดเผยที่อยู่ของข้า?”
ชายชุดดำเบิกตากว้างและเอ่ยขึ้น “ที่แท้ท่านก็เป็นทายาทกลุ่มหยินโม่ ใต้เท้าหลี่ผู้ยากหยั่งถึงแห่งตำนานเจียงหูกลับคาดไม่ถึงว่าเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปี ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ”
จากนั้นชายชุดดำจึงถอนหายใจและเอ่ยตอบ “ใต้เท้า ข้าจะบอกท่านทุกอย่างที่ข้ารู้ แต่โปรดไว้ร่างของข้าด้วย อย่าปล่อยให้ข้าตายอย่างผู้อาวุโสเกาเลย”
“ข้าสัญญา” ซูหลี่ตอบอย่างไม่ลังเลและเก็บขวดกระเบื้องเคลือบสีดำ
ชายชุดดำพลันถอนใจอย่างโล่งอกและเอ่ยขึ้น “ข้าคิดว่าหลังจากเรื่องนี้ ใต้เท้าน่าจะเดาได้แล้วว่าผู้ทรยศคือจ้าวหมิงที่ดูแลสาขาชายแดน! ความจริงแล้วเขาไม่ใช่ผู้ทรยศที่แท้จริงเพราะเขาเคยทำงานภายใต้หอชำระเลือดมาก่อน ด้วยการแทรกแซงของเขา สาขาชายแดนทั้งหมดจึงได้เปลี่ยนไป!”
“เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าถึงรู้สึกอึดอัดที่สาขาชายแดนแทนที่จะรู้สึกปกติเหมือนตอนอยู่กลุ่มเสวี่ยโหลว ลางสังหรณ์ลับของข้าแม่นจริงๆ”
“จ้าวหมิงวางยาใต้เท้าโดยใช้พิษเฉพาะตัวบางอย่างจากหอชำระเลือด หากไม่สามารถต้านพิษได้ทันเวลา พิษก็จะทำให้ท่านพิการ ใต้เท้าจงระวังด้วย!”
ชายในชุดดำพยายามเอ่ยอย่างดีที่สุด “ข้ารู้มามากแล้วและไม่มียาต้านพิษ โปรดปล่อยให้ข้าตายอย่างสงบเถิดขอรับ คุณชาย”
ชายหนุ่มพยักหน้าจากนั้นก็ตบกลางกระหม่อมของชายชุดดำ เขาเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดบนหน้าในทันทีและระบายลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา
ชายหนุ่มรักษาสัญญาที่จะทิ้งศพของชายชุดดำไว้ทั้งร่าง
“ไปกันเถอะซูหลี่” ชายหนุ่มสูดหายใจและระบายยิ้ม “ข้ายังไม่ได้บอกชื่อข้าเลย ข้าชื่อว่า…”
ซูหลี่โบกมือเป็นสัญญาณหยุด ชายหนุ่มดูชะงักไปเล็กน้อย ชื่อของเขาเป็นความลับสุดยอด แต่ซูหลี่กลับหยุดยั้งไม่ให้เขาเอ่ยชื่อของเขามาแล้วสองครั้งในวันนี้
เมื่อคิดดังนี้แล้ว ซูหลี่ก็หยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาจากที่ใดไม่อาจทราบได้และเทของเหลวราวกับน้ำลงบนศพของชายชุดดำ
ฉ่าาา!!
หลังของเหลวใสราวกับน้ำไหลริน มันก็ดูราวกับกรดร้ายแรงกัดกร่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ในชั่วพริบตาเดียวมันก็ละลายศีรษะของชายชุดดำไปครึ่งหนึ่งจนเผยให้เห็นกระดูก
“อ้ากกกกกก!!!”
ทันใดนั้นชายชุดดำก็ลืมตาโพลงและกรีดร้องโหยหวน แต่น้ำพิษก็ได้กัดกร่อนดวงตาและลำคอของเขาอย่างรวดเร็วจนเสียงเงียบหายไป
ร่างไร้กระโหลกสั่นกระตุกอยู่นานและหยุดเคลื่อนไหวในที่สุด จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หลอมละลาย แม้แต่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่เหลือ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายและเห็นซูหลี่เก็บขวดกระเบื้องเคลือบด้วยรอยยิ้มสดใสฉาบบนใบหน้าซีดขาว
“ข้าได้ยินมาว่าหอชำระเลือดมีวรยุทธ์ลับรักษาชีวิตที่สามารถต้านทานการโจมตีถึงชีวิตได้ กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตอนนี้เจ้าก็บอกชื่อของเจ้ามาได้แล้วล่ะ”
สายลมยามสารทฤดูพาความหนาวเย็นเล็กน้อยมาให้กับชายหนุ่มและพัดเข้าไปในใจของเขา เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หากซูหลี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็คงต้องตายหลังจากที่ชายชุดดำใช้วรยุทธ์ลับรักษาชีวิตเพื่อหนีปัญหา
“ข้าชื่อหลิงหลี่ หลิงมาจากคำว่าหลิงเทียน (ทะยานฟ้า) หลี่มาจากคำว่าหลี่เปี๋ย (พรากจาก)”
ซูหลี่ยิ้มและเขม่นตาลงดูราวกับจันทร์เสี้ยว “หลิงหลี่ ข้าชอบชื่อนี้”
คุณชายผู้มีใบหน้าซีดเผือดช่างดูคุ้นเคยนัก เหมือนกับเขาในชาติที่แล้ว
ใบหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงในทันที
เพราะผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วงมา ซูหลี่และหลิงหลี่ก็มาที่ตึกไม้ไผ่หลังเที่ยงคืน หลิงหลี่ไม่มีพลังเหลืออยู่ ซูหลี่จึงแบกเขาไว้บนหลังของนาง เมื่อฟ่างหยวนที่ได้ยินเสียงเดินออกมาแล้วเห็นซูหลี่มีสภาพโชคเลือดทั้งตัว เขาก็อกสั่นขวัญแขวนอย่างยิ่งและเอ่ยขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ซูหลี่ เจ้าเป็นอะไรไหม?”
เมื่อหลิงหลี่เห็นฟ่างหยวน เขาก็หรี่ตาาลงและจำได้ว่าฝ่ายหลังมาจากตระกูลแมลงพิษ
“ข้าไม่เป็นไร มีคนไข้ถูกพิษหนักในไป๋เฉ่าถังน่ะ ข้าเลยทำได้เพียงปรุงยาต้านพิษในตึกไม้ไผ่นี้”
ซูหลี่เอ่ยและแตะบาดแผลบนหน้าผากด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนางก็เอ่ย “ข้าหกล้มแล้วหน้าผากกระแทกพื้นน่ะ แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
ฟ่างหยวนรู้สึกใจเสีย เขารีบช่วยซูหลี่พยุงร่างของหลิงหลี่และไม่มองหลิงหลี่แม้แต่ครั้งเดียวเพราะรู้สึกถึงแววคุกคามอย่างอธิบายไม่ถูกในดวงตาของหลิงหลี่
“ซูหลี่อาจช่วยเหลือคนที่จะกลายเป็นปัญหาในภายหน้าได้….”
ฟ่างหยวนลอบถอนใจแต่ยังช่วยซูหลี่แบกร่างหลิงหลี่ขึ้นหลังเดินไปยังชั้นสองและวางเขาบนเตียง
มองดูขวดและไหในบ้านพร้อมกับได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวแล้ว ฟ่างหยวนก็หน้าแดงและเอ่ยขึ้น “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม?”
เขากำลังพูดถึงหลิงหลี่ เขามองหลิงหลี่ในสภาพโชกเลือดและเห็นเลือดบางส่วนเป็นสีน้ำตาล
ซูหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า “เจ้าไปนอนเถอะ”
ฟ่างหยวนคิดว่าซูหลี่จะต้องรักษาคนบาดเจ็บอย่างหลิงหลี่มาหลายคนในไป๋เฉ่าถังมาทุกวันและอดไม่ได้ที่จะเกาะศีรษะ เขาเอ่ยตอบ “ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าปรุงยาถอนพิษอย่างปลอดภัยได้เลย”
จากนั้นเขาก็ปิดประตู แต่เขาเรียกฉู่ชิงหนิงขึ้นมาสำรวจรอบนอกด้วยกันแทนที่จะกลับไปนอน ซูหลี่จู่ ๆ ก็พาคนไร้หัวนอนปลายเท้าที่อาจนำความหายนะมาสู่หุบเขากลับมาด้วย
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับถือกำเนิดที่สามารถทำลายทุกคนในหุบเขาได้ถูกซูหลี่ฝังในที่รกร้างไปแล้ว
ในตอนนี้ บรรยากาศในห้องบนชั้นสองของตึกไม้ไผ่ก็กระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก
หลิงหลี่นอนอยู่บนเตียงสีขาว สูดดมกลิ่นหอมเป็นระยะ เขารู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของซูหลี่ หน้าของเขาจึงแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ในตอนนี้ซูหลี่ก็ยกอ่างน้ำมาวางข้างเตียง นางฉีกเสื้อผ้ากระรุ่งกระริ่งของเขาออก หลิงหลี่พลันตื่นตกใจและสะดุ้งโหยงชนตู้ราวกับลิง เอ่ยตะกุกตะกักเหมือนหญิงสาวที่เพิ่งเข้าห้องหอ “เจ้า…เจ้าจะทำอะไรน่ะ!”
เขาเป็นบุรุษมาสองชาติภาพและไม่เคยอับอายมากขนาดนี้มาก่อน เรื่องที่ถูกสตรีบังคับถอดเสื้อผ้าหลังจากพวกเขารู้จักกันมาแค่วันเดียวเท่านั้น!
ซูหลี่ดูไม่พอใจและย่นคิ้วพลางเอ่ยเสียงเย็น “ตัวเจ้าโชกไปด้วยเลือด หากเจ้าไม่เชื่อฟังเจ้าจะพิการเอาได้นะ!”
หลิงหลี่ชะงักในทันที หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็นอนลงอย่างยอมรับชะตากรรมราวกับหุ่นยนต์ ดูราวกับปลาตัวหนึ่งที่อยู่บนเขียง
เขาได้ยินคำพูดของชายชุดดำชัดเจน หากเขาไม่ได้รับการขจัดพิษ เขาก็จะสูญเสียวรยุทธ์ไป อีกอย่างซูหลี่ก็บอกว่านางสามารถปรุงยาถอนพิษได้แน่นอน
หากเขาฟื้นความสามารถพื้นฐานได้ ความอับอายนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
คอมเม้นต์