การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 76
LS ตอนที่ ๗๖
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง คนไข้คนสุดท้ายก็จากไปอย่างมีความสุขพร้อมกับถุงยาในมือ ซูหลี่โบกมือเรียกชายหนุ่มเย็นชาและเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “มานี่สิ ข้าจะใส่ยาที่แผลของท่านให้”
ด้วยดวงตาเป็นประกาย หลิงโม่ก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับซูหลี่ เขาไม่เลิกเสื้อออกจากบ่า แต่กลับถามขึ้น “ท่านเคยช่วยชีวิตชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วหรือไม่?”
ซูหลี่หยุดมือที่บดยาและเหลือบมองหลิงโม่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็ยิ้มและเอ่ยตอบ “ท่านมีความสัมพันธ์อันใดกับชายหนุ่มผู้นั้นหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าช่วยชีวิตเขาหรือไม่?”
หลิงโม่มีดวงตาหดเกร็งและเอ่ยเสียงเย็น “พาข้าไปหาเขา! มันจะนำพาหายนะถึงชีวิตมาให้ท่านเท่านั้นหากความสัมพันธ์ของเราถูกเปิดเผย! ท่านเป็นแค่หมอ อย่าถามในสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำจะดีกว่า”
รอยยิ้มของซูหลี่ค่อย ๆ จางหายไปหลังได้ยินดังนั้นและดวงตาของนางก็ดูเย็นชากว่าดวงตาของหลิงโม่ “หายนะถึงชีวิตา? ข้าจำได้ว่าท่านอยากฆ่าข้ามานานแล้ว หากข้าฆ่านายของท่าน มันก็เป็นเรื่องสมควรแล้วที่เขาจะชดใช้ชีวิตของท่านให้กับข้าถูกไหม?”
ซูหลี่มีท่าทีเปลี่ยนไปช้า ๆ จากสีหน้าเดิมเมื่อเอ่ยเช่นนั้น
สายตาของหลิงโม่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ก้าวถอยซูหลี่ไปในทันที เขาเอ่ยด้วยเจตนาหมายสังหารอย่างชัดเจน “ท่านฆ่านายท่านงั้นหรือ?”
ซูหลี่ทำความสะอาดเล็บช้า ๆ และยิ้มตอบ “ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือดเมื่อเขามาที่นี่ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมีดและดาบ ขาของเขาก็หัก มีแม้กระทั่งพิษประหลาดไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดและเขาเองก็กำลังจะตาย หากข้าไม่ได้ฆ่าเขา เขาก็ไม่อาจอยู่รอดด้วยตัวเองได้ ทำไมท่านต้องโกรธเคืองข้าด้วย?”
“ข้าจะฆ่าท่าน!”
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในทันที หลิงโม่ชักกระบี่คมออกจากเอวและแทงไปตรงหน้าของซูหลี่
ขณะเดียวกันก็มีเลือดพุ่งกระฉูดออกจากไหล่ของหลิงโม่จนเปียกชุ่มไปทั่วอกในทันที!
ซูหลี่เอียงคอหลบกระบี่อย่างง่ายดาย หลิงโม่ตะลึงไป จากนั้นนิ้วชี้ของซูหลี่ก็แตะตรงปลายกระบี่เบา ๆ
ตึ้งงง!!!
เสียงสั่นไหวดังในอากาศอย่างต่อเนื่อง และแรงสั่นสะเทือนก็ถูกส่งจากปลายกระบี่ลงไป ข้อมือของหลิงโม่สั่นระริกพร้อมกับบาดเเผลบนไหล่ที่เปิดกว้างมากขึ้น เขาไม่อาจถือกระบี่ได้อีกต่อไปจนมันร่วงลงพื้นพร้อมกับเสียงดังเคร้ง
“…เจ้า!”
หลิงโม่โกรธจัด ศัตรูที่ฆ่าพี่ชายของเขาอยู่ตรงหน้าแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ หากเขามีพลังในระดับสูงสุด เขาก็คงไม่ทิ้งกระบี่ยาวเล่มนี้แน่!
ทันใดนั้นเองหลิงโม่ก็เงยหน้าขึ้นพ่นเลือดสีดำลงบนพื้น เมื่อซูหลี่มาถึงช้าๆ เขาก็ไม่อาจคุมพลังใจอันทรหดไว้ได้ และสลบไปในทันที
ซูหลี่คว้าร่างหลิงโม่ไว้ด้วยมือข้างเดียวและเหวี่ยงเขาไปข้างประตู จากนั้นก็ส่ายหน้าและทำความสะอาดพื้น
มีปัญหาตามมาอย่างไม่หยุดหย่อนนับตั้งแต่ช่วยชีวิตหลิงหลี่ แม้บุรุษบ้าบอคนนี้จะถูกพิษมาอย่างเห็นชัด แต่เขาก็ยังทนข่มใจเริ่มการต่อสู้อยู่ได้
“เอาล่ะ ข้าจะช่วยชีวิตเจ้าหนุ่มนี่เพื่อเห็นแก่เขาแล้วกัน”
หลังทำความสะอาดห้องแล้ว ซูหลี่ก็หยิบกระบี่ยาวขึ้นมาและแบกหลิงโม่เดินทางไปยังทางเข้าหุบเขา จากนั้นนางก็เริ่มพยุงตัวเขาด้วยมือสองข้าง
ฟ่างหยวนกับฉู่ชิงหนิงเดินออกมาอย่างระมัดระวังเมื่อได้ยินเสียง พวกเขาคิดว่าซูหลี่คงจะไม่กลับมาที่หุบเขาในเวลานี้
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงทางเข้าหุบเขา ทั้งคู่ก็อึ้งไปเมื่อเห็นซูหลี่พาชายหนุ่มคนหนึ่งกลับมาอีกครั้ง ซูหลี่ลักพาตัวคนเจ็บหนักคนนี้มาจากไหนกันนะ? เขามาหานางเหมือนกับหลิงหลี่หรือเปล่า?
เมื่อพวกเขาเดินมายังตึกไม้ไผ่ หลิงหลี่ที่ขังตัวเองฝึกวรยุทธ์อยู่ก็ได้ยินเสียง หลังเปิดประตูออกมาเขาก็เห็นชายหนุ่มที่ซูหลี่พามา และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทันใด
“หลิงโม่!”
หลิงหลี่เดินมาหาพวกเขาอย่างรีบร้อนและเอ่ยถามเสียงเครียด “เจ้าหาเขาเจอที่ไหน? อาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
รอยเลือดขนาดใหญ่ปรากฏบนอกของหลิงโม่ บาดเเผลที่พาดผ่านไหล่ของเขาและรอยแผลเป็นพาดผ่านทั่วทั้งร่างทำให้ข้อนิ้วของหลิงหลี่เป็นสีขาว สีหน้าที่เคยสงบของเขาฉายแววตื่นตระหนกออกมา
หัวใจของซูหลี่เกิดความอึดอัดใจผุดขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาของหลิงหลี่ จากนั้นนางก็เอ่ยสั้น ๆ “เขาไม่ตายหรอก ฟ่างหยวน พาเขาไปที่ลาน”
ฟ่างหยวนพยักหน้าและกำลังจะเคลื่อนย้ายร่างเขา หลิงหลี่ส่ายหน้าและเอ่ยขึ้น “ให้เขาอยู่กับข้าเถอะ…”
“ถ้าข้าบอกว่าเขาจะอยู่ในลาน เขาก็จะอยู่ในลาน!” เสียงของซูหลี่พลันหวีดแหลม และนางก็เอ่ยเย็นชา “หลิงหลี่ อย่าลืมนะว่าข้าเป็นเจ้าของหุบเขาแห่งนี้!”
หลิงหลี่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขายืนขึ้นประจันหน้าซูหลี่ในทันที “งั้นข้าก็จะอยู่กับเขาในลาน เจ้าก็เอาตึกไม้ไผ่กลับไปได้เลย”
ซูหลี่พลันยิ้มอย่างโกรธเคือง “งั้นท่านก็อยู่กับเขาซะ ข้าไม่หยุดท่านและข้าก็จะไม่ขจัดพิษที่อยู่ในร่างท่านด้วย!”
ใบหน้าของหลิงหลี่มืดครึ้ม “งั้นก็ได้ หากเจ้าไม่ขจัดพิษให้ข้า ข้าก็จะพาเขาไป”
หลิงหลี่เคลื่อนไปแบกร่างของหลิงโม่ไว้บนหลังและเตรียมตัวออกจากหุบเขา
ซูหลี่เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านนี่ไม่รักชีวิตของตัวเองเลย ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ในตัวหลิงโม่ก็มีพิษอยู่เหมือนกัน หากท่านออกไป เขาก็จะตายในหนึ่งวัน และอย่ามาโทษข้าที่ไม่เตือนท่านในเรื่องนั้นนะ”
ได้ยินดังนั้นหลิงหลี่ก็ชะงักการเคลื่อนไหว และอากาศก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ลมหายใจอันน่าหวาดผวาที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมาจากเขาวูบหนึ่ง
ฟ่างหยวนกับฉู่ชิงหนิงส่งเสียงฮึมฮัมพร้อมกัน ในดวงตาพวกเขาฉายแววประหลาดใจอยู่ลึก ๆ
มันเป็นพลังที่มีเพียงผู้อาวุโสในระดับถือกำเนิดที่จะสร้างมันได้!
หลิงหลี่เป็นผู้อาวุโสในระดับถือกำเนิดจริง ๆ และยังเป็นชายหนุ่มฝีมือยอดด้วย!
ซูหลี่หน้าซีดไป นางขบฟันขาวแน่นพร้อมกับในดวงตามีน้ำตาเอ่อขึ้นมา กลายเป็นว่าในใจของเขาแล้วนางไม่ได้ดีเท่าหลิงโม่เลยสักนิด
“หากท่านใช้พลังยุทธ์ของท่าน ข้าจะไม่สนใจท่านอีกแล้ว!”
ได้ยินเสียงสั่นเครือในน้ำเสียงดื้อดึงของนาง หลิงหลี่ก็อึ้งไปและหันหลังกลับ เขาเห็นน้ำตาในดวงตาของซูหลี่ จึงได้คลายมือลงและยกยิ้มขมขื่น
ข้าเถียงสตรีนางนี้ด้วยเรื่องอะไรกันนะ…
ในที่สุดฟ่างหยวนก็พาร่างของหลิงโม่ไปที่ลานได้ ซูหลี่มาพร้อมกับยาในมือและทำการรักษาบาดเเผลของเขา แต่นางไม่ได้รักษาเขาอย่างระวังมือ แม้หลิงโม่จะอยู่ในอาการไม่ได้สติ เขาก็อดไม่ได้ที่จะครางออกมา ดวงตาของฟ่างหยวนผู้ช่วยทำการรักษากระตุกเมื่อเห็นดังนั้น
อารมณ์ของซูหลี่คาดเดาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ที่หลิงหลี่มาที่นี่
ด้านนอกเรือน หลิงหลี่ ฉู่ชิงหนิง และคนอื่น ๆ ต่างนั่งอยู่ด้วยกัน หลิงหลี่เป็นกังวลเกี่ยวกับหลิงโม่มากเสียจนดวงตาของเขาฟ้องถึงทุกสิ่ง แม้หลิงโม่จะเป็นเพียงเด็กรับใช้ที่เขาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาก็ปฏิบัติต่อหลิงโม่ราวกับเป็นน้องชายตลอดมา หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับหลิงโม่ เขาจะกลับไปอธิบายเรื่องนี้กับพี่น้องคนอื่น ๆ ได้อย่างไร?
“อย่ากังวลไปเลย!” ฉู่ชิงหนิงเอ่ยปลอบ “ทักษะการเเพทย์ของซูหลี่ดีมาก ขนาดเจ้าเองนางยังช่วยชีวิตมาได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหนุ่มนั่นหรอก”
หลิงหลี่ทำเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ โดยไม่เอ่ยอะไร แต่บาดเเผลโชกเลือดบนไหล่ขวาจากการถูกหอกแทงของหลิงโม่ยังปรากฏในใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เฮยตานกับคนอื่น ๆ ก็นั่งกระซิบกระซาบกันอยู่ที่นั่นด้วย
คอมเม้นต์