การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 79
ตอนที่ ๗๙
“นายท่านสั่งว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาตัวเปล่าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านตระกูลซูอีก!”
ซูหลี่ดูเหมือนจะหวาดกลัวและนางก็ถอยกลับด้วยใบหน้าซีดขาว “พวกเจ้าเป็นใคร? ข้าเป็นคุณหนูสองของบ้านตระกูลซูนะ ทำไมข้าไม่เคยเห็นพวกเจ้ามาก่อนเลยล่ะ?”
ผู้คุมที่ยืนอยู่ทางด้านขวาแค่นเสียงและคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความใจแคบ “แน่นอนว่าเรารู้จักคุณหนูสอง พวกเราทั้งหมดเป็นผู้คุมของท่านย่าซู คุณหนูสอง ได้โปรดออกไปเถอะขอรับ ท่านย่าซูสั่งไว้ว่าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาที่บ้านตระกูลซูในช่วงนี้!”
ร่างของซูหลี่สั่นเทิ้มเล็กน้อยและนางก็ก้าวถอยไปหลายก้าวด้วยดวงตาเลื่อนลอย แม้แต่หนังสือบัญชีในมือยังร่วงหล่นบนพื้น
เห็นหนังสือบัญชีแล้วเขาก็หยิบมันขึ้นมาในทันทีและเอ่ยตอบ “หากท่านมาส่งหนังสือบัญชี ดังนั้นข้าจะไปส่งแทนท่านเองขอรับ คุณหนูสอง โปรดออกไปเถอะ!”
น้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของซูหลี่และมันก็หยดลงบนพื้น ผู้คุมทางซ้ายทนไม่ได้ที่เห็นดังนั้นและอยากจะหลีกทางให้ แต่เขาก็ถูกผู้คุมทางขวาเอ่ยเตือนด้วยการขยิบตา ผู้คุมด้านขวากระซิบ “อย่าลืมสิว่าเสี่ยวจิ่วกับคนอื่น ๆ ถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลซูอย่างไร!”
ผู้คุมทางซ้ายชะงักไปและพลันหยุดเคลื่อนไหว เขาเหลือบมองขึ้นและเห็นเพียงแผ่นหลังของซูหลี่ปีนกลับเข้าไปในรถม้า
ซูหลี่ปาดน้ำตาและปรับสีหน้าให้เรียบเฉยอย่างรวดเร็วหลังเข้ามาในรถม้า ฟ่างหยวนที่ขับรถม้าได้ยินเสียงลมหายใจที่ปรับเป็นปกติอย่างรวดเร็วของซูหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย? ด้วยความสำเร็จของเจ้าในด้านพิษวิทยาแล้ว มันก็เป็นเรื่องง่ายราวปอกกล้วยไม่ใช่หรือที่จะจัดการกับบ้านตระกูลซู?”
ซูหลี่หัวเราะและเอ่ยตอบ “นั่นมันน่าเบื่อเกินไป หากข้าต้องการเพียงแค่นี้ ทำไมต้องกลับมาให้ยุ่งยากด้วย…”
ในใจของฟ่างหยวนเต็มไปด้วยความสงสัย “กลับมา?”
เรื่องนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน?
พวกเขาสัญญาว่าจะไม่สืบสวนซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้ฟ่างหยวนต้องการรู้ถึงชีวิตในอดีตของนางเพื่อที่เขาจะได้ช่วยนางระบายโทสะได้!
พับเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วพูดถึงเรื่องอื่นกันต่อ
ภายในเรือนจินหยวน
จูเหยียนกับซูจื่อเผยพลันได้ข่าวการลาจากไปของซูหลี่ พวกนางก็หัวเราะออกมาหลังจากได้ยินว่าซูหลี่ถึงกับหลั่งน้ำตา “ฮ่า ๆ ท่านแม่ วิธีนี้ได้ผลจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้ายังจำวันนั้นที่ซูหลี่ถูกไล่ออกจากบ้านอยู่ได้เลย ในดวงตาไม่มีน้ำตาสักหยด ข้าคิดไปแล้วว่านางไม่สนใจหรอก”
จูเหยียนลูบท้องเบา ๆ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “มันก็เป็นแค่โอกาสได้เปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าน่าจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านี้นะ มันจะดีขึ้นหลังจากเราไล่นางออกจากบ้านตระกูลซู”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่!” ซูจื่อเผยเบนสายตามาและเอ่ยกระซิบ “ท่านแม่ ท่านมีวิธีอะไรดี ๆ ไหมเจ้าคะ?”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไปหาแม่หมอถังอีกครั้งและทำสิ่งเหล่านี้…”
ดวงตาของซูจื่อเผยเลิกขึ้นและนางก็เอ่ยออกมา “เยี่ยมไปเลยเจ้าค่ะ! ท่านย่าต้องบีบท่านพ่อให้ตบแต่งซูหลี่ออกจากตระกูลหลังฟังคำทำนายของแม่หมอถังแน่ จากนั้นซูหลี่ก็จะต้องอยู่ในเมืองต้าซูและไม่สามารถไปที่อวิ๋นจิงได้ ท่านแม่ ท่านนี่ฉลาดสุดยอดไปเลยเจ้าค่ะ!”
จูเหยียนรู้สึกพอใจนักหลังได้ยินคำชมของบุตรสาว นางยื่นมือออกมาไล้จมูกของซูจื่อเผยและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เจ้าไปได้แล้วล่ะ และระวังอย่าให้ใครเห็นนะ”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ!”
ซูจื่อเผยเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอำพรางตัวและย่องออกจากประตูหลังของเรือนจินหยวน นางไม่เห็นเลยว่ามีเงาดำหนึ่งตามหลังนางไปในทันทีที่ออกจากบ้านตระกูลซู
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ซูจื่อเผยก็กลับเข้าสู่เรือนจินหยวนด้วยท่าทาผ่าเผย นางคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้และเข้าไปหามารดาเพื่อรับรางวัลอย่างมั่นใจ
หลิงโม่ที่อยู่ในความมืดแค่นเสียงเย็นชาและผละจากไป
ภายในหุบเขา หลิงหลี่ยกหม้อสุรากุ้ยฮว่าและเอนกายเอกเขนกลงบนเก้าอี้หวาย เป็นวันที่แสงแดดสดใสเสียจนเขาต้องหรี่ตาอย่างสบายใจ
สายลมหนึ่งพัดปะทะใบหน้าของเขาในตอนนี้
หลิงหลี่ยังหลับตาอยู่และเอ่ยขึ้นมา “เจ้ากลับมาแล้วหรือ ได้เรื่องว่าอย่างไรบ้าง?”
หลิงโม่ยืนตรงและเห็นหม้อสุราในมือของเจ้านาย เขาส่ายหน้าพลางยิ้ม ไม่คิดว่าเจ้านายจะดื่มสุราด้วยอารมณ์สบายใจไร้กังวลเช่นนี้ ดูเหมือนพิษเลือดในร่างของเขาไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
“นายท่าน จ้าวหมิงซ่อนตัวอยู่ในสาขาที่แคว้นชิงเหอจริง ๆ ขอรับ ข้าสังหารเขาและคนทรยศบางคนไปแล้ว อีกอย่างหนึ่ง สาขาชายแดนถูกกวาดล้างจนหมดและผู้แทนสาขาคนใหม่ก็ยังรอการตัดสินใจของท่านอยู่ขอรับ”
หลิงหลี่ส่งเสียงฮัมอย่างรับรู้ จากนั้นก็นั่งลงทันทีและเปิดเปลือกตาขึ้น เผยความจริงจังที่หลิงโม่ไม่ค่อยได้เห็นนัก จากนั้นหลิงหลี่ก็ถามขึ้น “แล้วเจ้าเจอเรื่องอะไรเกี่ยวกับซูหลี่บ้างล่ะ?”
หลิงโม่จำภาพที่เห็นเมื่อตอนกลางวันและครุ่นคิดเงียบ ๆ เขากำลังหาสีหน้าที่จะไม่ทำให้เจ้านายโกรธ แต่กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถทำได้ จากนั้นจึงถอนหายใจและเอ่ยตอบ “สถานการณ์ของซูหลี่เหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นขอรับ…”
“อะไรนะ?!” หลิงหลี่นั่งตรงโดยที่ตนเองก็ไม่ทันรู้ตัว “บอกข้ามาและอย่าพลาดรายละเอียดทุกอย่างไปล่ะ”
หลิงโม่รู้สึกพิกลและในที่สุดก็บอกหลิงหลี่ในสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินมาทั้งหมด
หลิงหลี่กัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัวราวกับหายใจติดขัดหลังได้ยินความทรมานที่ซูหลี่ได้รับในวัยเด้ก ภาพที่เขาเจอซูหลี่ครั้งแรกปรากฏในใจของเขาอีกครั้ง กลายเป็นว่าชีวิตของนางไม่ได้สวยหรูอย่างที่เขาเห็นในตอนแรก
กลับกัน ชีวิตของข้าในชาตินี้ช่างมีความสุขนี่กระไร!
“ข้ายังได้ยินมาว่าฮูหยินหนึ่งของบ้านตระกูลซู มารดาของแม่นางซูหลี่ได้พาแม่หมอมาเพื่อกล่าวว่าซูหลี่จะส่งผลต่อชีวิตของน้องชายนาง แม่ย่าตระกูลซูเชื่อนางและพวกเขาก็ขับไล่แม่นางซูหลี่ออกจากบ้านตระกูลซู จูเหยียนยังไม่พอใจนัก นางจึงพาแม่หมดมาในวันนี้พร้อมกับความคิดที่ล้ำยิ่งกว่า”
ในตอนนี้ หลิงโม่ก็มองใบหน้าโกรธขึ้งของหลิงหลี่และเอ่ยต่อด้วยเสียงเบาหวิว “ข้าคิดว่าแม่นางซูหลี่จะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับขอทานแก่น่าเกลียดตลอดไปโดยแม่ย่าตระกูลซู ซูหลี่จะได้ไม่มีวันผงาดขึ้นอีกครั้ง!”
คอมเม้นต์