การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 82
LS ตอนที่ ๘๒
พลังงานน่าสยดสยองแผ่ออกมาจากตึกไม้ไผ่ด้วยคงามแรงเพียงพอที่จะทำให้หลังคาปลิว! ซูหลี่เป็นคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บ เลือดจำนวนหนึ่งพ่นออกจากปาก แต่นางก็ยังไม่ทิ้งหลิงหลี่และส่งผ่านของเหลวร้อนอย่างต่อเนื่อง
หลิงหลี่รู้สึกถึงรสเลือด เขาตกใจและรีบหยุดพลังไว้ทันที
ดวงตาของซูหลี่ลืมขึ้นอย่างยากเย็นและนางก็พยายามดิ้นรนเพื่อส่งผ่านยารักษา จากนั้นนางก็ปล่อยมือและเป็นลมหมดสติไป
หลิงหลี่รวบร่างของซูหลี่มากอดไว้ทันทีและบังเกิดความรู้สึกซับซ้อนขึ้น เขาจำได้ว่าตัวเองเคยสงสัยว่าซูหลี่พยายามจะฆ่าเขา เขาก็เกิดความรู้สึกผิด
ในตอนนี้ก็เกิดเสียงดังเอะอะขึ้น
ฉู่ชิงหนิงกับหลิงโม่มาพบเป็นคนแรก เมื่อเห็นหลิงหลี่กอดซูหลี่อยู่ก็ตะลึงงันไป เกิดอะไรขึ้นกัน?
ใบหน้าของหลิงหลี่แดงซ่านและพยายามจะอธิบาย “ตอนที่ซูหลี่รักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า นางก็ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญน่ะ อย่าคิดลึกเลย”
หลิงโม่เกาศีรษะและไม่รู้ว่าจะมองทางไหนดี เขาหันหน้าไปและเห็นว่าฉู่ชิงหนิงมีอาการกระอักกระอ่วนเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ฝืนยิ้มออกมาและเอ่ยในเวลาเดียวกัน “ข้าจะทำความสะอาดตึกไม้ไผ่! เจ้าทำความสะอาดเรือนไปนะ!”
เอ่อ…
จากนั้นบรรยากาศก็พลันดูน่าอายมากขึ้นไปอีก
หลิงหลี่แค่นเสียงและเดินจากไปพร้อมกับซูหลี่ในอ้อมแขน เอ่ยโดยไม่เหลียวหลัง “พวกเจ้าสองคนทำความสะอาดตึกไม้ไผ่ซะ!”
ภายในห้องในเรือน หลิงหลี่ค่อยๆ วางร่างของซูหลี่ลงบนเตียงและดึงผ้านวมคลุมห่มให้อย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ปาดคราบเลือดตรงมุมปากของนางออกพร้อมกับจิตใจที่ล่องลอยไปไกล
ตลอดหนึ่งเดือน เขาเคยสงสัยจุดประสงค์ในการถอนพิษของซูหลี่อยู่หลายหน เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใจแคบเสียจนทำให้นางได้รับบาดเจ็บไปเต็มๆ
หลังหมุนเวียนพลังยุทธ์ หลิงหลี่ก็พลันรู้สึกงุนงง ทำไมพลังยุทธ์ของเขาถึงบรรลุขั้นถือกำเนิดระดับที่แปดแล้วล่ะ?!
ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ เขามีพลังยุทธ์ถึงระดับถือกำเนิดขั้นที่หก แต่เขาบรรลุขุมพลังถือกำเนิดระดับแปดได้ภายในหนึ่งเดือนได้อย่างไรกัน? เมื่อหลิงหลี่นึกถึงพิษที่เขาทานทุกวันและทรมานกับความเจ็บปวดทุกครั้ง เขาก็พลันเข้าใจ
สายตาของเขาจับจ้องบนดวงหน้าของซูหลี่ที่กำลังหลับไหลอีกครั้งแล้วเขาก็รำพึง “เจ้าทำเพราะมีจุดประสงค์นี่เอง เจ้าตั้งใจช่วยฟื้นฟูวรยุทธ์ของข้าผ่านพิษเลือดแต่ไม่ได้บอกอะไรให้ข้ารู้”
ความรู้สึกของหลิงหลี่ซับซ้อนมากขึ้น ทำไมซูหลี่ต้องทำเพื่อเขามากขนาดนี้ด้วย?
เห็นซูหลี่หลับไหลอย่างมีความสุขในห้วงนิทรารมณ์แถมยังยิ้มอ่อนโยนแล้ว หลิงหลี่ก็แอบนึกอิจฉาขึ้นมา นางเจออะไรในความฝันกันนะ? ดูมีความสุขเหลือเกิน…นางไม่เคยยิ้มให้ข้าเลย
หลิงหลี่รู้สึกหลงใหลและนั่งอยู่กับซูหลี่เงียบๆ ทันใดนั้นเองเขาก็ก้มลงและกางมือออกอย่างเก้กัง สัมผัสใบหน้าของซูหลี่อย่างอ่อนโยนราวโจรเด็ดบุปผา
นุ่มอะไรเช่นนี้! นางอายุเพียงสิบห้าปีอ่อนวัยกว่าข้าเพียงปีเดียวเท่านั้นเองนะ…
ขณะที่หลิงหลี่กำลังเพลิดเพลินไปกับความคิดโง่งมทั้งหลาย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพลันลุกขึ้นและพบว่าใบหน้าของซูหลี่เกิดการเปลี่ยนแปลงช้าๆ นางดูงดงามเปล่งประกายมากขึ้นขณะเดียวกันก็น่าดึงดูด…
หลิงหลี่ตกใจเสียจนริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย เขาอุทานขึ้นมา “นี่มัน…ไม่มีสิ่งใดพิกล!”
หลิงหลี่รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที พวกเขาเข้ากันด้วยดีมาหนึ่งเดือนแล้ว แต่สตรีนางนี้ก็ไม่เคยเผยรูปร่างที่แท้จริงออกมาเลย! ขณะเดียวกันเขาก็หัวเราะขบขันตัวเอง เขาเป็นคนเดียวเท่านั้นหรือที่ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง?
ไม่สิ! ไม่มีสิ่งใดพิกลเป็นทักษะการปลอมแปลงตนอันล้ำค่ายิ่ง และทักษะด้านพิษของนางก็ไม่ใช่การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เขามั่นใจว่าจะต้องมีอาจารย์ผู้ล้ำลึกอยู่เบื้องหลังนางเป็นแน่ “แต่ไม่ว่าอาจารย์ของนางจะทรงพลังแก่กล้าแค่ไหน เขาก็ไม่อาจทรงพลังได้เท่ากับข้าหรอก” หลิงหลี่คิด
“หรือว่าข้าตกหลุมรักนางเข้าแล้ว?”
หลิงหลี่ตกอยู่ในอาการสับสน อารมณ์ของเขาย่ำแย่กว่าคนสูงอายุเสียอีก
หลิงโม่ยืนอยู่ด้านนอกราวกับหุ่นยนต์ เขาไม่กล้าแอบดูและไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปได้ พลังงานตอนนี้มัน…นายท่านต้องบรรลุขุมพลังถือกำเนิดขั้นที่เจ็ดแล้วเป็นแน่ และเขามีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น นายท่านช่างเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม คิ้วของซูหลี่ก็กระตุกพร้อมกับดวงตาเผยอลืมขึ้น เมื่อหลิงหลี่เห็นเช่นนี้เขาก็รีบออกจากห้องไปทันที
ในตอนที่หลิงหลี่เดินออกไป ซูหลี่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง นางนวดคลึงบริเวณหว่างคิ้ว
“ข้าเป็นลมไปสินะ”
หวนนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนตึกไม้ไผ่ ซูหลี่พลันลุกออกจากเตียง เมื่อนางเดินไปที่ประตูและลูบใบหน้าก็พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่างและรีบเร้าวิชาไม่มีอะไรพิกลอีกครั้ง จากนั้นก็เปิดประตูและเดินออกไป
เมื่อหลิงหลี่ได้ยินเสียงประตูเปิด เขาก็เเสร้งทำเป็นหันหน้ามาทันทีและเอ่ยพลางถอนหายใจโล่งอก “ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”
เมื่อซูหลี่เห็นว่าทุกคนอยู่ในอาการปกติ นางก็รู้สึกโล่งใจเช่นกันและเอ่ยถามขึ้น “ข้าสลบไปนานเท่าใด?”
“แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น ตอนนี้ยังเช้าอยู่” ฉู่ชิงหนิงตอบขณะยังคงจ้องมองหลิงหลี่และซูหลี่ “มันเพิ่งเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมหลังคาตึกไม้ไผ่ถึงยกตัวเช่นนั้น?”
ซูหลี่ส่ายหน้าและเอ่ยตอบ “ขั้นตอนขจัดพิษขั้นสุดท้ายค่อนข้างยุ่งยากน่ะ โชคดีที่ทำสำเร็จ หลิงหลี่ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
หลิงหลี่ตกใจและรีบเอ่ยตอบทันที “พิษสลายไปหมดแล้วล่ะ ขอโทษนะที่รบกวนเจ้า”
น้ำเสียงเช่นนั้นจากเจ้านายสร้างความตกใจให้กับหลิงโม่ที่รู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดียิ่ง เจ้านายของเขาตกหลุมรักซูหลี่เข้าแล้วงั้นหรือ?
ซูหลี่พยักหน้าเล็กน้อยและหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีดำออกมาจากเอว นางเทยาเม็ดสีดำออกมาและเอ่ยขึ้น “รับไปซะ”
หลิงหลี่หยิบยาใส่ปากโดยไม่ถามไถ่ใด ๆ ทั้งสิ้น เขาไม่ต้องการทำให้ซูหลี่ผิดหวังอีกแล้ว
หลังเขากลืนยาเข้าไปแล้ว เขาก็เห็นว่าซูหลี่กำลังมองเขาด้วยอาการตกตะลึงและถามกลับมา “ทำไมท่านไม่ถามข้าเลยล่ะว่ามันคืออะไร?”
หลิงหลี่หัวเราะเสียงดังและกล่าวตอบ “มันยังเป็นยาพิษอยู่ใช่ไหม? ข้าเชื่อเจ้านะ”
ซูหลี่มีท่าทางน่าสงสัยมากขึ้น สีหน้าของหลิงหลี่เปลี่ยนไปและเขาก็พลันรู้สึกปวดร้าว มันคืออาการของการถูกพิษ!
“ชิ้ง!”
คอมเม้นต์