การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 83
ตอนที่ ๘๓
หลิงโม่ชักกระบี่ออกมาชี้หน้าซูหลี่ด้วยสายตาหมายสังหาร “ส่งยาถอนพิษมา!”
ฉู่ชิงหนิงมีสายตาเย็นชาในทันทีและยืนขวางหน้าซูหลี่ไว้
หลิงหลี่กุมอกพลางย่นคิ้ว เขานึกไม่ออกว่าทำไมซูหลี่ถึงขจัดพิษให้เขาได้ไม่นานก็บอกให้เขากินยาพิษเข้าไปใหม่
ซูหลี่ดูสงบนิ่งและเอามือวางไพล่หลัง เมื่อเห็นว่าหลิงหลี่เจ็บปวดเสียจนต้องคู้ตัวงอนางก็ยังคงนิ่ง หากนางอยากทำให้สำเร็จนางก็ต้องยอมเสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้หลิงหลี่กลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น นางต้องทำงานหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มและใช้จ่ายเงินไปถึงหนึ่งแสนชั่งเลยทีเดียว
ทันใดนั้นหลิงหลี่ก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดได้ทุเลาลงราวกับกระแสน้ำ เขากลับสู่สภาวะปกติอีกครู่หนึ่งต่อมาและไม่มีสัญญาณว่าถูกพิษใด ๆ
หลิงโม่อึ้งไปเช่นกันและถอนกระบี่ออกช้า ๆ ริมฝีปากของเขากระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ซูหลี่เป็นนักกลั่นแกล้งโดยแท้ทีเดียว
“เจ้าโกงข้าอีกแล้วนะ”
หลิงหลี่ปาดเหงื่อและยิ้มขื่น หลังอยู่ด้วยกันกับซูหลี่เป็นหนึ่งเดือนเต็มเขาก็ยังไม่อาจหาคำอธิบายในเจตนาของนางได้ เมื่อใดที่เขาคิดว่าเข้าใจจุดประสงค์ของซูหลี่แล้ว มันก็กลายเป็นว่าเขาคิดผิด เขาไม่เคยรู้สึกถึงเรื่องเหนือการควบคุมเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้
“ข้าไม่ได้โกงท่าน”
ซูหลี่ดึงขวดกระเบื้องเคลือบสีดำออกไปช้า ๆ และเอ่ยต่อ “สิ่งที่ท่านทานเข้าไปจริง ๆ แล้วคือพิษเฉียบพลันที่ฤทธิ์แรงกว่าพิษเลือด เป็นร่างกายของท่านเองที่ขจัดพิษนั้นได้”
หลังหลิงหลี่ได้ยินคำพูดดังนั้นเขาก็ไม่เอ่ยอะไร ครู่ใหญ่ต่อมาเขาก็เอ่ยคำทั้งห้าอย่างมีพิรุธ “ร่างกายที่ต้านทานพิษทุกชนิดงั้นหรือ?”
“ท่านประเมินสูงเกินไปแล้ว” ซูหลี่เอ่ยเสียงเย็น “มันสามารถต้านทานพิษได้เป็นเก้าส่วนอย่างมาก หากท่านถูกพิษประหลาดอะไรเข้าท่านก็ต้องมาหาข้าด้วยตัวเอง”
“ที่แท้นี่ก็คือเหตุผลที่เจ้าขอให้ข้าดื่มพิษเข้าไปนี่เอง”
สายตาของหลิงหลี่ดูซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เขาเดาผิดอีกรอบแล้ว กลายเป็นว่าจากที่นางช่วยพัฒนาพลังยุทธ์ของเขาให้บรรลุไปได้ด้วยดี จุดประสงค์ที่แท้จริงกลับเป็นร่างกายอันวิเศษ
ทุกคนในวงการยุทธภพต่างต้องการให้ตนมีร่างกายที่สามารถต้านทานพิษทุกชนิดได้ หากใครบางคนมีคุณสมบัติเช่นนี้ พลังชีพของเขาก็จะพัฒนาเป็นอย่างมาก หลิงหลี่เองก็มองหาวิธีฝึกกายตนเช่นนั้น แต่เขาก็ล้มเหลว เขาไม่คิดเลยว่าจะค้นพบวิธีนี้โดยการช่วยเหลือของซูหลี่
“อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้าแค่ไม่อยากเห็นคนที่ข้าช่วยด้วยความมานะอุตสาหะอย่างมากต้องถูกพิษอีก” ซูหลี่ยิ้มและเอ่ยขึ้น “เรื่องนั้นถือว่าเป็นการดูถูกข้าอย่างมากเลยนะ”
หลิงหลี่แตะอก ในเดือนนี้เขาหนีมาได้อย่างหวุดหวิดและได้รับประโยชน์จากซูหลี่มากเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าจะขอบคุณนางอย่างไรดี
นางชดใช้ให้เขามากถึงขนาดนี้เป็นเพราะสิ่งที่นางเคยทำในชีวิตชาติก่อนหรือเปล่านะ?
หลิงหลี่สับสนและเงียบกริบเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามแต่กลับหยิบป้ายหยกเขียวอันประณีตออกจากแขนเสื้อและวางบนมือของซูหลี่ เขาเอ่ยขึ้น “หากเจ้าเผชิญหน้ากับความยากลำบากใด ๆ ก็จงไปที่บ้านเทียนหยาพร้อมกับป้ายหยกเขียวนี้ เจ้าจะสามารถใช้งานข้ารับใช้ทั้งหมดของข้าได้อย่างอิสระ”
“นายท่าน!”
เมื่อหลิงโม่เห็นหลิงหลี่มอบป้ายหยกให้กับซูหลี่ ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนสีและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกสายตาของหลิงหลี่หยุดไว้
ซูหลี่มองป้ายหยกเขียวและจมอยู่ในความคิด นางเห็นครึ่งหนึ่งของมันจากสามีพิการในชาติที่แล้วของนาง ในชาตินี้…มันนับว่าสมบูรณ์แล้ว
ต่อให้นางไม่สามารถหาเขาพบ มันก็เป็นเรื่องดีที่จะเก็บมันไว้เป็นของที่ระลึก
คิดดังนี้แล้วซูหลี่ก็หยิบป้ายหยกไป เอ่ยด้วยสายตาเฉยเมย “ท่านยังมีความสำนึกอยู่บ้าง หากข้าไม่มีข้าวกินขึ้นมาสักวันหนึ่งข้าก็จะนำมันไปขายแลกเงินมาล่ะ”
รู้ว่าซูหลี่เอ่ยล้อเล่นแล้ว หลิงหลี่ก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
หลิงโม่รู้สึกจนใจ ในความคิดของเขา แน่นอนว่าซูหลี่ไม่รู้ถึงพลังของป้ายหยกนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วนางคงไม่สงบนิ่งเช่นนี้อยู่ได้ มันเป็นป้ายหยกที่สามารถสังหารสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มหยินโม่ กลุ่มเสวี่ยโหลว และบ้านเทียนหยาได้!
สถานะของป้ายหยกนี้ไม่ต่างจากสถานะผู้นำเลย!
และชิ้นนี้ก็มีเพียงหนึ่งเดียว!
นับตั้งแต่หลิงหลี่บอกว่าเขาจะเดินทางจากไปพรุ่งนี้ ซูหลี่ก็ไม่ได้ไปที่ไป๋เฉ่าถังแต่ปรุงอาหารโอชารสหลายชนิดในเรือนแทน ทุกจานมีรสโอชาเสียจนฉู่ชิงหนิงและหลิงโม่ไม่อาจหยุดรับประทานได้
หลิงหลี่ใช้ตะเกียบคีบชิ้นไก่ขึ้นมาแต่เขาก็กลืนมันลงได้อย่างยากเย็น เมื่อซูหลี่เห็นดังนี้นางก็ดูเศร้าหมองลงกว่าเดิม
หลิงโม่ไม่ทันสังเกตอาการผิดปกติระหว่างคนทั้งสอง เขาร่วมแข่งรับประทานอาหารอย่างเต็มที่ แม้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพมีอันจะกินแล้ว แต่ในใจของเขาก็ยังเป็นขอทานน้อยที่แย่งอาหารจากสุนัขจรจัดเมื่อยังเป็นเด็ก เขาจะกินทิ้งกินขว้างอาหารโอชารสเช่นนี้ได้อย่างไร?
“อย่าสวาปามหมดสิ แบ่งให้ข้าบ้าง!”
ฉู่ชิงหนิงรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เขามีความสุขกับลาภยศชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ในที่สุดเขาก็ได้ทานเพียงเล็กน้อยก่อนที่อาหารทั้งหมดจะไม่เหลือ
วางชามและตะเกียบลงแล้ว ซูหลี่ก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู นางหันกลับมาเอ่ย “หลิงหลี่ มากับข้าหน่อยสิ”
หลิงหลี่นิ่งไปและค่อย ๆ ลุกขึ้น
ถึงเวลาแฉไพ่แล้วหรือ?
เขารู้สึกปั่นป่วนในอารมณ์แต่พยายามที่จะสงบลง แล้วเดินออกไปพร้อมกับซูหลี่
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขานะ?” ฉู่ชิงหนิงสับสน “ดูเหมือนฟ่างหยวนจะเจอสถานการณ์ย่ำแย่เข้าให้แล้ว เห็นชัดว่าเหมือนกับหลิงหลี่ตกหลุมรักซูหลี่อยู่….”
ฉู่ชิงหนิงเอ่ยเยาะและพลันนึกถึงสตรีที่พลัดพรากจากไปในสงคราม แล้วเขาก็ตกอยู่ในอาการหดหู่อย่างแรง
สายลมด้านนอกหุบเขาช่างเย็นเยือก เป็นสัญญาณแห่งเหมันตฤดู
ภายในชั่วพริบตาเดียวมันก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่ซูหลี่ถือกำเนิดใหม่ ภายใต้การควบคุมของนาง สถานการณ์ตอนนี้ช่างต่างจากชีวิตชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง
หลิงหลี่มองดวงดาวพลางถอนหายใจอยู่ในใจ เขามายังโลกนี้ในสิบหกปีที่แล้วโดยไม่รู้ตัว
“ท่านต้องการถามเรื่องอะไรหรือ?”
สายลมพัดเรือนผมของนาง ซูหลี่หันกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้ ทำให้หลิงหลี่รู้สึกถึงอารมณ์มั่นคงที่ไม่อาจอธิบายของหญิงสาว
“ข้าเกรงว่าหากถามออกไป เจ้าจะโกรธข้าน่ะสิ” หลิงหลี่ยักไหล่และเอ่ยติดตลก “บางทีเจ้าอาจโกรธจนวางยาข้าอีกก็ได้”
“ข้าไม่มีเงินหรอก”
ซูหลี่จ้องมองหลิงหลี่และเอ่ยอย่างจริงใจ “เงินทั้งหมดข้าใช้ไปกับการฟื้นฟูกำลังกายให้ท่าน ข้าไม่มีเงินพอที่จะวางยาท่านได้หรอกวางใจได้”
หลิงหลี่จำได้ว่าซูหลี่มีเงินเป็นหลายหมื่นชั่ง
เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งและข่มอาการใจเต้นไว้ สูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “นานมาแล้ว ข้าสังหารคนมากมายเพื่อปกป้องสตรีผู้หนึ่ง ในการช่วยเหลือนางให้มีสถานะมั่นคงด้วยฐานะเสาหลักของครอบครัวแล้วข้าก็เต็มใจที่จะละเลิกมันทั้งหมด นางยังหมักเหล้าได้อีกด้วย เหล้ากุ้ยฮวาคือของโปรดของข้า แล้วนางก็สามารถปรุงอาหารได้ดี อาหารทั้งหมด…ล้วนเป็นของที่ข้าชอบทั้งนั้น”
หลิงหลี่จมจ่ออยู่กับความทรงจำจนไม่ทันเห็นว่าซูหลี่มีท่าทีเย็นชามากขึ้น
“นางยังสามารถชำระพิษที่มีน้อยคนนักที่จะขจัดมันได้ ในที่สุดนางก็วางยาข้าด้วยตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรให้นางและนางมีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจอยู่ในใจ ข้าไม่รู้ว่านางมาที่นี่พร้อมกับข้าหรือไม่ แต่ข้าก็ค่อย ๆ สงสัยตัวตนของเจ้านับตั้งแต่ที่ข้าได้พบเจ้า”
หลิงหลี่เงยหน้าขึ้นและเผชิญหน้ากับซูหลี่ ก่อนเอ่ยถาม “เจ้าคือเสวี่ยใช่ไหม?”
คอมเม้นต์