การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 89
ตอนที่ ๘๙
เสียงตะโกนฉับพลันดึงให้ทั้งชั้นเรียนตกอยู่ในความเงียบทันที คนหลายคนมองมาที่ซูหลี่ผู้นั่งอยู่ตรงโต๊ะที่สามทางขวามือของโต๊ะอาจารย์
ซูหลี่ลุกขึ้นช้า ๆ และยืนตรงด้วยความเคารพ จากนั้นนางก็เอ่ยตอบ “ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ”
“เจ้าคือซูหลี่จากเมืองต้าซูใช่ไหม?”
ฮูหยินหยางมองซูหลี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ในดวงตาฉายแววอิจฉาอยู่ในส่วนลึก จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างอวดเบ่ง “เจ้ามีหน้าตาน่าดึงดูดจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าบรรดาบุรุษทั้งหลายในเมืองต้าซูจะพากันรุมล้อมในยามที่เจ้าแสดงตัวต่อสาธารณชน”
คำพูดของฮูหยินหยางเหมือนจะฟังดูปกติ แต่คนอื่น ๆ กลับฟังแล้วเข้าใจผิดแผกไป พวกนางมองซูหลี่ด้วยสายตารังเกียจ แม้แต่เม่ยรั่วหานก็รู้สึกพิกลขึ้นมา
แต่นางเชื่อในตัวซูหลี่ แม้พวกนางจะอยู่ด้วยกันเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่นางก็ประทับใจกับนิสัยสงบนิ่งของซูหลี่อยู่ลึก ๆ นางจะเป็นสตรีอย่างที่ฮูหยินหยางพูดได้อย่างไรกัน?
“ซูหลี่…ที่แท้ก็เป็นคนหยาบโลนและชอบยั่วผู้ชายงั้นหรือ?”
“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นของนางแล้ว น่าขายหน้านัก!”
“คนในโรงเรียนมู่หยางตาบอดกันหมดหรืออย่างไร? สตรีเช่นนี้ถูกรับเข้ามาได้อย่างไรกัน?!”
“เราคงจะอยู่ในความมืดต่อไปหากฮูหยินหยางไม่ได้พูดออกมา”
“…”
ครู่ต่อมา เหล่าหญิงสาวต่างวิจารณ์ซูหลี่กันหมด และมันก็ทวีความเกรี้ยวกราดมากขึ้น
ฮูหยินหยางยิ้ม ช่างน่าขันที่นางได้รับประโยชน์จากท่านป้าหลายอย่างเพียงแค่การจัดการกับเด็กน้อยคนนี้เท่านั้น
เด็กสาวคนนี้คลุ้มคลั่งจนไม่อาจพูดออกมาได้ นางน่าจะพูดอะไรเป็นการปลุกปั่นนางมากกว่านี้ จากนั้นนังตัวดีนั่นก็จะเสียสติเพราะความโกรธและเถียงนางในชั้นเรียน จากนั้นนางก็จะใช้โอกาสนี้ในการจัดการนางตามคำสั่งของท่านป้า
แต่ในตอนนี้เอง ซูหลี่ก็เอ่ยด้วยเสียงใสไพเราะที่สยบเสียงอื่น ๆ จนหมด
“อาจารย์ฉุย ข้าไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดท่านจึงหักหน้าข้านะเจ้าคะ ข้ามาจากเมืองต้าซู แต่อาจารย์ฉุยมาจากเมืองมู่หยาง ท่านตัดสินความผิดของคนอื่นเพียงเพราะฟังคำนินทาของผู้อื่นหรือเจ้าคะ? ซึ่งในความเห็นของข้าแล้ว เป็นการกระทำที่โง่เขลาโดยแท้”
คำตอบสงบเย็นของซูหลี่ทำให้คุณหนูที่กำลังสับสนบางคนรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซูหลี่พูดถูก ฮูหยินหยางมาจากเมืองมู่หยางซึ่งไกลจากเมืองต้าซูมากนัก นางจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองต้าซูได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้ชักไปกันใหญ่แล้ว นางเอ่ยซุบซิบแบบนั้นในที่สาธารณะได้อย่างไร? นางไม่กลัวว่ามันจะเป็นคำนินทาหรือ?”
“ฮูหยินหยางประมาทเกินไปแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้ยากที่จะเป็นที่เชื่อถือกับคนอื่นนะ”
ชั่วพริบตาเดียว ประเด็นในการถกเถียงก็เปลี่ยนไป
ฮูหยินหยางโมโหขึ้นมาในทันทีหลังได้ยินการสนทนา ซูหลี่คนนี้…นางดูเหมือนจะห่างไกลจากคำว่ารับมือง่ายอย่างที่นางคิดไว้เสียอีก
แล้วนางก็เรียกนางว่า อาจารย์ฉุย ติดกันสามครั้งแล้ว??!
มันเป็นการท้าทายกันชัด ๆ!
ฮูหยินหยางแสยะในใจ ดีมาก! อนาคตของนางจะต้องอีกยาวไกลแน่ นางใจเย็นพอที่จะหาจุดอ่อนของซูหลี่และจากนั้นจะจัดการนางอย่างตรงจุด
เมื่อฮูหยินหยางคิดเช่นนั้น สีหน้าของนางก็ดูอ่อนลง จากนั้นนางก็เอ่ยเสียงเย็น “ซูหลี่ สิ่งที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ข้ามันหุนหันพลันแล่นเอง นั่งลงเถอะ”
ซูจื่อเผยที่กำลังสนุกกับการดูก็ได้อึ้งไป ท่านป้าของนางเพิ่งจะมีชัยเหนือซูหลี่ไป แต่ทำไมนางกลับยอมแพ้เสียแล้ว นางอยากให้ท่านป้าช่วยระบายโทสะของนางนะ
ซูหลี่นั่งลงและลอบย่นคิ้ว เหตุผลที่ฮูหยินหยางอาฆาตพยาบาทกับนางก็คงเป็นเพราะแผนสกปรกของท่านย่าซูและฉุยคนนั้นแน่ ฮูหยินหยางจึงใช้โอกาสสร้างความยากลำบากให้นางตั้งแต่ชั้นเรียนแรกเพื่อบีบให้นางสู้กลับ แม้นางจะรับมือมันได้อย่างดีในครั้งนี้ แต่นางก็ไม่คิดว่าฮูหยินหยางจะมีความอดทนเช่นนั้น
“เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ”
***
คาบเรียนที่เหลือผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่เม่ยรั่วหานกลับรู้สึกว่าความสงบนิ่งเช่นนี้เป็นเรื่องผิดปกติ และยังมีคลื่นใต้น้ำที่ทำให้นางต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่รู้ตัว
เม่ยรั่วหานกับซูหลี่จูงมือเดินกลับเข้าเรือนหลังเลิกชั้นเรียน แล้วเม่ยรั่วหานก็เอ่ยขึ้นมาพึมพำ “ดูเหมือนว่าฮูหยินหยางจะไม่ใช่คนดีนะ นางดูถูกเจ้าโดยไม่มีเหตุผล เจ้าเคยทำอะไรให้นางหรือเปล่าน่ะ?”
ซูหลี่ส่ายหน้าและยิ้มขื่น “ข้าไม่รู้ แต่…ข้าคงจะย้ายออกจากชั้นเรียนนี้เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับเจ้านะ”
“อย่าไปเลย!” เม่ยรั่วหานพลันโมโหขึ้นมาและกุมมือซูหลี่ไว้ “อยู่ที่นี่อย่างสบาย ๆ เถอะ ข้าไม่กลัวแม่ลิงวอกหยางนั่นหรอก!”
แม่ลิงวอกหยาง?
ซูหลี่อึ้งไปและหัวเราะในลำคอทันที “ข้ารู้สึกว่าฮูหยินหยางดูเหมือนลิงจริง ๆ หลังได้ยินสิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดไป”
ซูหลี่ไม่สนใจว่านางจะถูกไล่ออกหรือไม่อีกต่อไป พลังที่นางมีอยู่ในตอนนี้มากกว่าเพียงพอที่จะปกป้องเม่ยรั่วหานเสียอีก
“ฮ่า ๆๆ ใช่ไหมล่ะ? ข้าล่ะอยากพูดแบบนั้นออกมานานแล้ว!”
เม่ยรั่วหานหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นกัน อากั่วเดินออกมาอย่างสงสัยและมองหญิงสาวทั้งสอง ลิงชนิดไหนบนโลกนี้กันที่ทำให้คุณหนูทั้งสองระเบิดหัวเราะได้เช่นนี้?
***
ในวันที่สาม วิชาเรียนแรกก็คือวิชาหัตถกรรมหลังการอ่านหนังสือคาบเช้า
ซูหลี่นั่งเงียบ ๆ และสังเกตฮูหยินหยางและฉุย ฮูหยินสวมชุดกระโปรงยาวมีลวดลายสีสันฉูดฉาดสะดุดตา ชุดของนางมีเสน่ห์แปลกตาและมีลวดลายหาดูได้ยากในแคว้นต้าฮั่น
“วันนี้ข้าจะสอนทักษะการปักผ้าแบบพิเศษที่สุดของงานฝีมือแคว้นต้าฮั่นให้กับพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าคงจะเรียนรู้ทักษะงานฝีมือพื้นฐานมาจากที่บ้านแล้ว ข้าจึงขอข้ามไปสอนสิ่งที่พวกเจ้าต้องการฝึกทำมากที่สุด!”
ฮูหยินหยางและฉุยดูเป็นปกติ แต่ซูหลี่ยังคงจับได้ว่านางลอบชำเลืองมาทางนางอย่างเงียบๆ อยู่หลายหน
“ขั้นแรก พวกเจ้าทุกคนจะต้องปักลายเมฆที่เป็นลวดลายแห่งต้าฮั่นกว้างขนาดนิ้วมือหนึ่งให้ได้!”
ทุกคนรีบเปิดกล่องเก็บเข็มบนโต๊ะทันที เมื่อซูหลี่กำลังจะเปิดกล่องของนาง นางก็พลันเงยหน้าขึ้นและพบว่าฮูหยินหยางกำลังมองนางอย่างคาดหวัง
นางหยุดมือทันที ฮูหยินหยางโมโหขึ้นมา เดินมาหาซูหลี่อย่างเร่งรีบและเอ่ยเสียงเเข็ง “เจ้าทำอะไรน่ะ? ทำไมเจ้าชักช้าอืดอาดเช่นนี้? ไม่รู้ทักษะการปักขั้นพื้นฐานงั้นหรือ? ลุกขึ้นและออกไปเดี๋ยวนี้นะถ้าเจ้าไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ!”
ซูหลี่เหยียดริมฝีปากและรีบเปิดกล่องเก็บเข็มอย่างรวดเร็ว ฮูหยินหยางและฉุยรีบก้าวหลบไปข้าง ๆ เป็นปฏิกิริยาตอบสนอง แต่นางกลับไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นตกใจดังจากปากของซูหลี่เลยหลังจากรอมาเป็นเวลานาน
เกิดอะไรขึ้น?
นางหันหลังกลับแล้วก็ต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าซูหลี่ยังอยู่รอดปลอดภัยดี นางหยิบเข็มเล่มหนึ่งออกมาจากกล่องเก็บเข็ม
จักรเย็บผ้าเสียงั้นหรือ?
จากนั้นซูหลี่ก็ค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างกระมิดกระเมี้ยนพลางกระซิบ “ฮูหยินหยาง ข้าอยากไปเข้าห้องน้ำเหลือเกินเจ้าค่ะ ขอข้าออกไปสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ?”
ฮูหยินหยางเเค่นเสียงและเอ่ยขึ้น “รีบไปรีบกลับล่ะ”
ซูหลี่รีบออกจากห้องเรียนเหมือนกับหลบหนีออกจากสถานที่อันตราย ฮูหยินหยางเห็นนางออกไปแล้วก็ดูสงสัย นางเดินมาที่โต๊ะของซูหลี่ด้วยท่าทีเเสร้งทำเป็นใจลอยและหยิบกล่องเข็มขึ้นมา ฝากล่องเข็มพลันดีดตัวขึ้นก่อนที่นางจะเปิดมัน
“กรี๊ดดด!!!”
ซูหลี่ที่อยู่ไกลจากห้องเรียนได้ยินเสียงกรีดร้องสะเทือนโลกาดังมาแต่ไกล นางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ซูหลี่กลับเข้าห้องเรียนเมื่อคิดว่าสมควรแก่เวลา แต่นางไม่เห็นฮูหยินหยางและฉุยเลย นางไม่ค้นหาและนั่งลงเปิดกล่องเก็บเข็มเริ่มปักลายเมฆลงบนผืนผ้า
ตอนที่นางอายุเท่านี้เมื่อชาติที่แล้ว นางไม่ได้มีโอกาสแม้กระทั่งแตะเข็มปักผ้า ต่อมานางแต่งงานกับสามีพิการ เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด นางจึงกกลายเป็นเด็กฝึกงานในร้านปักเย็บผ้าหลังจากทำงานบ้านเสร็จ นางยังทำงานบ้านให้กับร้านปักเย็บโดยไม่คิดค่าแรงอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ดีใจที่ได้นางมาทำงาน
สามีพิการของนางอ่อนแออย่างยิ่ง ซูหลี่ฝึกฝนทักษะการเย็บผักถักร้อยทุกวันจนแทบไม่ได้นอนเพื่อที่นางจะได้ซื้อยาที่ดีกว่านี้ให้เขา บนมือนางมีแต่รอยเข็มตำทั่วทั้งมือ
หลังใช้เวลาแบบนี้ราวสองเดือน นางก็ทำได้โดยการฝึกฝนอย่างหนักแม้จะไร้พรสวรรค์ และทักษะเย็บปักถักร้อยของนางก็ใกล้เคียงกับช่างปักที่อยู่ในร้าน เจ้าของร้านรู้สึกชื่นชมในความมานะอุตสาหะของนางจนสอนทักษะการปักแบบพิเศษให้ ซึ่งก็คือทักษะปักผ้าแบบต้าฮั่น ก่อนหน้านั้นเมื่อนานมาแล้วนางได้ปักงานฉลองแห่งบุปผาด้วยตัวเอง และกลายเป็นช่างปักระดับสูงเพราะงานนี้ ชีวิตอนาถาของครอบครัวนางดีขึ้นอย่างมากและนางก็มีเวลาที่จะดูแลสามีพิการของนางมากขึ้น
คิดถึงเรื่องในอดีตแล้ว มุมปากของซูหลี่ก็คลี่ยิ้มอ่อนโยนและนางก็ปักผ้าเร็วขึ้น มือของนางเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ราวกับผีเสื้อที่โบยบินอยู่บนกระดานปักผ้า จากนั้นไม่นานลายเมฆยาวราวกับปุยเมฆที่เคลื่อนที่บนท้องนภาก็ปรากฏบนผ้าสีพื้น
ฮูหยินหยางและฉุยปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้าอย่างโกรธเคือง นางแอบขัดกล่องเข็มไว้เพื่อที่หมึกดำจะได้พุ่งออกมาในทันทีที่ซูหลี่เปิดมัน และซูหลี่ก็จะกลายเป็นตัวตลกประจำชั้นเรียน แต่นางไม่คิดเลยว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นยามซูหลี่เปิดกล่องใส่เข็ม ขณะที่เครื่องจักรก็ทำงานได้ดีในตอนที่นางเพิ่งจะหยิบขึ้นมา
ช่างโชคร้ายนัก!
ฮูหยินหยางและฉุยอดไม่ได้ที่จะสะบัดคอเมื่อลมเย็นพัดเข้ามาในห้อง ตอนนี้น้ำเย็นจำนวนมากไหลลงบนลำคอในขณะที่นางล้างหน้า มันช่างเลวร้ายเสียจริง
ฮูหยินหยางและฉุยคำนวณเวลา มันสายเกินไปแล้วที่นางจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นใน นางจึงทำเพียงเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวนอกและเดินกลับไปยังชั้นเรียนอย่างเร่งรีบ
ทุกคนพลันเงยหน้าขึ้นเมื่อฮูหยินหยางปรากฏตัว พวกนางต่างเห็นโศกนาฏกรรมอย่างชัดเจนจนคนบางคนถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา โชคดีที่ฮูหยินหยางและฉุยพุ่งตัวออกจากห้องพร้อมกับเสียงกรีดร้องเสียก่อนจนไม่เห็นว่าใครเป็นคนหัวเราะ ไม่อย่างนั้นแล้วนางต้องกลับมาคิดบัญชีกับพวกนางทีหลังเป็นแน่
ฮูหยินหยางกวาดสายตาเย็นชาไปทั่วทั้งห้องเมื่อก้าวเดินเข้ามา ทุกคนต่างรีบก้มหน้า มีเพียงซูหลี่ที่นั่งตัวตรงโดยไม่สะดุ้ง
ฮูหยินหยางเดือดดาลขึ้นมาทันทีหลังเห็นท่าทางดื้อดึงของซูหลี่ นางสาวเท้าไปหาซูหลี่และเอ่ยอย่างโมโห “ใครสั่งให้เจ้าออกจากห้องได้ตามอำเภอใจ? ถ้าเจ้าปักลายเมฆไม่เสร็จแล้วล่ะก็ เจ้าจะ…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ฮูหยินหยางก็จ้องมองกระดานปักผ้าของซูหลี่ด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับเป็ดถูกบิดคอ พร้อมกับดวงตาที่แทบถลนออกจากเบ้า
สิ่งที่นางเห็นคือลายเมฆยาวราวหนึ่งศอก!
ซูหลี่ปักลายเมฆยาวขนาดนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงเจ็ดนาทีงั้นหรือ?
มีเพียงนักปักผ้าระดับสูงเท่านั้นที่สามารถทำงานเสร็จได้ด้วยความเร็วเช่นนี้ ซูหลี่อายุเท่าใดกัน? ทำไมนางถึงทำได้?
“นางต้องโกงแน่ๆ!”
เมื่อคิดดังนี้ ฮูหยินหยางก็รีบทำตามสิ่งที่คิด นางกรีดร้องด้วยรอยยิ้มเย็น “ซูหลี่! ยืนขึ้น!”
ซูหลี่วางเข็มปักผ้าลงและยืนขึ้น นางเอ่ยอย่างสงบ “มีอะไรหรือเจ้าคะ? อาจารย์ฉุย ท่านต้องการพูดเกี่ยวกับคำร่ำลือนั้นอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”
หลังได้ยินดังนั้น ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ระเบิดหัวเราะคิกคักในห้องเรียน
ใบหน้าของฮูหยินหยางพลันเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำและปอดของนางก็แทบจะระเบิดด้วยความโกรธ นางจิ้มไปที่ลายเมฆด้วยปลายนิ้วจนเกือบจะพังกระดานปักผ้า
“ปักลายเมฆได้ยาวหนึ่งศอกภายในเวลาไม่ถึงเจ็ดนาที เจ้าคิดว่าเจ้ามีฝีมือดีกว่านักปักชั้นยอดที่มีทักษะการปักผ้าหรืออย่างไร? ถ้าเจ้าอยากจะโกงก็จงทำตัวให้เนียน อย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นคนโง่เหมือนกับเจ้านะ!”
ฮูหยินหยางเอ่ยในลมหายใจเดียวและเมื่อเอ่ยจบ นางก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที นางอยากเห็นสีหน้าสั่นไหวของซูหลี่ แต่นางกลับเห็นเด็กสาวที่ยืนตรงหน้าหัวเราะออกมา เพราะอะไรกัน??
คอมเม้นต์