การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 99
LS ตอนที่ ๙๙
หลังรอคอยมาทั้งวันก็ไม่มีใครมาถามราคา ซูฮ่วนหลี่เดือดเนื้อร้อนใจนักจนเกือบจะทึ้งผมตัวเอง ในยามสนธยาของวันนั้น แคว้นชิงเหอยังคงพลุกพล่านไปด้วยผู้คน แต่มีคนน้อยนักบนถนนอันเป็นที่ตั้งร้านค้าของซูฮ่วนหลี่ นาน ๆ ครั้งจะมีสักหนึ่งหรือสองคนเดินผ่านมา
ดวงจันทร์แขวนตัวสูงอยู่บนฟ้า ทั้งแคว้นชิงเหอเงียบกริบ ผู้คนพากันเข้านอนขณะที่แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันยังคงส่องสว่าง
“นายท่าน ดึกแล้วนะขอรับ”
หลี่หยินจัดเตียงชั่วคราวไว้ให้และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนเขา
ซูฮ่ววนหลี่นั่งอยู่ที่ประตูและยังไม่ขยับไหว
อีกวันหนึ่งก็ได้ผ่านไป เมื่อดวงตะวันค่อยๆ ลอยสูงบนท้องฟ้าของวันที่สาม ซูฮ่วนหลี่ผู้มีดวงตาแดงก่ำก็ได้จ้องมองบรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปมาราวกับภูตผีที่กำลังเลือกจับคนกินอยู่
“พ่อบ้านหลี่ ลดราคาซะ! ลดให้เหลือสี่หมื่นหรือห้าหมื่นชั่ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครอยากซื้อร้านค้าดี ๆ แบบนี้!”
ซูฮ่วนหลี่เอ่ยพลางขบฟันกรอด หลี่หยินส่ายหน้าและดึงกระดาษที่แปะบนประตูออก จากนั้นก็เปลี่ยนราคาและแปะมันลงไปอีกครั้ง
แต่แล้วก็ยังไม่มีคนเข้ามาถามราคา ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้ว หัวใจของซูฮ่วนหลี่เย็นชืดอย่างสมบูรณ์ เจ็บหัวใจจนเลือดไหลยามคิดว่าตึกไป๋เว่ยที่สร้างเงินทองให้เป็นแสนชั่งต่อเดือนกำลังจะล้มละลาย
ในตอนนี้เอง ฉู่ชิงหนิงก็ปรากฏตัวตรงหน้าร้านค้า เขามองราคาที่แปะบนประตูแล้วก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในร้านที่ซูฮ่วนหลี่นั่งอยู่
เมื่อเขาปรากฏตัว เขาก็อยู่ในสายตาของซูฮ่วนหลี่ ยิ่งซูฮ่วนหลี่มองฉู่ชิงหนิงถนัดขึ้นเขาก็ยิ่งตกใจ
บุคคลผู้นี้ยังหนุ่มนัก เขาสวมเสื้อผ้าคนรับใช้ แต่เนื้อผ้ากลับทำจากผ้าแพรชั้นดี ดูจากท่าทางมั่งมีและทรงเกียรติของเขาแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็เดาว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นคนรับใช้จากตระกูลใหญ่ที่มีสถานะสูงส่งอย่างแน่นอน
“ยินดีต้อนรับ…น้องชาย ท่านต้องการจะซื้อร้านของเราหรือ?”
ซูฮ่วนหลี่ถามพลางหัวเราะและกำหมัดด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ฉู่ชิงหนิงฝืนยิ้มและเอ่ยตอบ “นายท่าน อย่าได้ล้อเล่นข้าหน่อยเลยขอรับ เป็นนายของข้าที่สนใจร้านแห่งนี้ขึ้นมาบ้าง”
ซูฮ่วนหลี่คิดดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เขาเอ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า “น้องชาย นายของท่านช่างมีรสนิยมดีนัก หากไม่ใช่เพราะข้ามีเรื่องด่วนต้องหาเงินเพื่อครอบครัว ข้าจะขายร้านค้าดีขนาดนี้ด้วยราคาต่ำเท่านี้ได้อย่างไรล่ะ? พวกมันสร้างมาได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น…”
ก่อนที่ซูฮ่วนหลี่จะพูดจบ ฉู่ชิงหนิงก็ย่นคิ้วและเอ่ยขัด “นายท่าน อย่าเข้าใจผิดเลยขอรับ หากนายของข้าต้องการซื้อที่ดิน เราต้องทุบบ้านทิ้งแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ ท่านควรพูดเรื่องอื่นมากกว่านะขอรับ”
ซูฮ่วนหลี่ยิ้มฝืดและรีบเอ่ยขึ้น “ถูก ถูกแล้ว ข้าร้อนใจไปหน่อย ถ้าเป็นเรื่องเดินดูที่ดินกับข้าล่ะ?”
ฉู่ชิงหนิงพยักหน้าจากนั้นก็เดินทอดน่องช้า ๆ ไปรอบ ๆ ร้าน แม้ซูฮ่วนหลี่จะร้อนใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา เขาไม่อยากทำให้ฉู่ชิงหนิงตกใจจนต้องหนีออกไป
เห็นซูฮ่วนหลี่กำลังเหงื่อตก ฉู่ชิงหนิงก็ลอบหัวเราะในใจ หลังเดินอยู่ครู่หนึ่งและเมื่อตะวันกำลังจะตกดิน ฉู่ชิงหนิงก็หยุดเดิน ชี้ไปที่ร้านถัดจากนั้นและเอ่ยถามขึ้น “ร้านตรงนั้นของใครหรือขอรับ?”
“เป็นร้านของข้าเหมือนกัน!” ซูฮ่วนหลี่ตอบทันควัน “ร้านนั้นเล็กเกินไปนิด จึงไม่มีใครต้องการเช่า เคยมีคนเช่าอยู่ในร้านนี้มาก่อน ข้าก็ให้เงินทั้งหมดและปล่อยเขาไปเนื่องจากเรื่องเร่งด่วนในครอบครัวน่ะ”
“อย่างนี้เอง” ฉู่ชิงหนิงแคะเล็บและดูไม่ค่อยพึงใจนัก “นายท่าน บอกกความจริงมาเถอะขอรับ นายของข้าไม่คิดว่าที่ดินมันจะเล็กขนาดนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ร้อนเงิน อย่างนั้นเราจะซื้อร้านของท่านทั้งสองร้าน…ในราคาห้าหมื่นชั่ง ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?”
สองร้าน ราคาเพียงห้าหมื่นชั่ง!
ซูฮ่วนหลี่แทบจะกรีดร้อง เรื่องนี้มันต่างจากการปล้นตรงไหนกัน?
“อะไรกัน? นายท่าน ท่านเหมือนจะลังเลนะ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะขอรับ”
ฉู่ชิงหนิงกำลังจะเดินออกไปอย่างไม่ลังเลขณะเอ่ยเช่นนี้
แสงสนธยาสาดส่องบนใบหน้าของซูฮ่วนหลี่ขณะที่ฉู่ชิงหนิงหมุนตัวกลับ ในตอนนี้ ซูฮ่วนหลี่ก็ได้ตัวสั่นเทิ้มและมีสติกลับคืนมาทันที
“น้องชาย ได้โปรดอย่าไปเลย!!”
…
ระหว่างสองวันที่ซูฮ่วนหลี่ออกจากบ้านไป ความเปลี่ยนแปลงใหม่หลายอย่างก็เกิดขึ้นในเมืองต้าซู
กลายเป็นว่าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมู่หยางได้สั่งคนด้วยตัวเองในการแปะประกาศทางการบนป้ายประกาศข่าวท้องถิ่นของเมืองต้าซู มันคือสถานะทั่วไปของซูหลี่ในโรงเรียนสตรีมู่หยาง ซูหลี่กลับมาที่เมืองแค่พักชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่อย่างที่ตระกูลซูบอกว่านางถูกขับไล่ออกจากตระกูลเนื่องจากพฤติกรรมต่ำทรามของนาง
คนทั้งเมืองต้าซูตกใจกับประกาศทางการในทันที ตระกูลซูได้รับความอับอายมากขึ้นไปอีก!
“ทำไมตระกูลซูถึงบอกว่าซูหลี่มีพฤติกรรมเหลือทนกัน?”
“เจ้ายังจำเรื่องที่แม่บ้านของคุณหนูซูหลี่บอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากของแม่ย่าตระกูลซูได้ไหม?”
“ตึกไป๋เว่ยมีคุณหนูซูหลี่บริหารอยู่ก่อนหน้านี้ บางทีแม่ย่าตระกูลซูคงจะอิจฉาเลยพยายามจะขับไล่นางออกจากตระกูลซูกระมัง?”
“คนแก่โง่เง่า! มันฟังดูเลวร้ายขึ้นไปอีกหากคิดว่านี่เป็นแผนอาบยาพิษเพื่อบีบให้แม่นางซูหลี่ออกไป ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่านางไปอยู่ที่ไหน”
“เป็นไปได้ไหมว่าแม่นางซูหลี่ถูกแม่ย่าคนนั้นสังหารไปแล้ว?”
“ข้าจำได้ว่าเเม่นางซูหลี่ถูกขับออกจากตระกูลซูเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ในตระกูลซูเหมือนจะเน่าเฟะไม่ใช่น้อยนะ!”
“…”
ผู้คนที่ถูกหลอกต่างพากันโกรธแค้น ไม่ถึงหนึ่งวัน พวกเขาก็ได้คาดเดากันไปต่าง ๆ นานาถึงเหตุผลว่าทำไมซูหลี่ถึงถูกขับไล่ออกจากตระกูลซู ในตอนนี้เอง ตระกูลซูก็ได้เป็นตระกูลที่ทุกคนรุมหัวกันวิพากษ์วิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสีย!
ท่านย่าซู/ฉุยแทบตายเพราะพิษโทสะ นางไม่รู้ว่าคนจากโรงเรียนสตรีมู่หยางช่างโง่เขลานัก ตระกูลหยางทำพระแสงอะไรอยู่?
“ท่านแม่! ตอนนี้ข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” จูเหยียนรีบรุดมาหา “ข้าได้ยินว่าทุกวันนี้มีคนเข้ามาเยือนตึกไป๋เว่ยน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกคนต่างพูดว่าตระกูลซูสันดานไม่ดี ต่อให้อาหารที่ตึกไป๋เว่ยจะอร่อยขนาดไหนพวกเขาก็จะไม่ไปที่นั่น!”
“หนิงอวิ๋นจื่อ เจ้าบัณฑิตเฒ่า!” ท่านย่าซู/ฉุยแค่นเสียงพร้อมแววตาฉายความเกลียดชัง “ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะจัดการแกในเรื่องนี้ให้ได้!”
“แม่ย่าเจ้าคะ เกิดเรื่องไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ!”
แม่บ้านชราวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนกจากด้านนอกประตูพร้อมกับใบไม้ติดเต็มศีรษะ “ผู้คนในเมืองต้าซูคลุ้มคลั่งกันหมดแล้ว พวกเขาถือถังอาจมจากแต่ละตระกูลแล้วเทราดตรงหน้าตึกไป๋เว่ย พวกเขาบอกว่าหากเราไม่คืนชื่อเสียงให้คุณหนูซูหลี่ พวกเขาจะเปลี่ยนตึกไป๋เว่ยให้เป็นกองปุ๋ยคอกเสีย!”
“อะไรนะ?”
ท่านย่าซู/ฉุยอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ นางเอ่ยขึ้นมาทันที “เจ้าจัณฑาลพวกนี้นี่! แจ้งทางการท้องถิ่นให้ข้า! เร็วเข้า!”
แม่บ้านชรารีบออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ทหารต่างเข้ามาสยบการจลาจลเป็นการชั่วคราว แต่มันก็ไม่อาจห้ามถังอาจมบางส่วนที่ถูกสาดรดหน้าประตูบ้านตระกูลซูได้ กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลไปทั่ว
หลังจากได้ยินข่าว ซูหลี่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปและเปิดไป๋เฉ่าถัง คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อทหารมาถึง กลุ่มคนบาดเจ็บพากันหลั่งไหลเข้ามาในทันทีที่นางเปิดประตู
“ท่านหมอสุ่ยหลี่ ในที่สุดท่านก็เปิดประตูแล้ว!”
“พวกทหารทำเกินไปแล้ว!”
“ท่านหมอสุ่ยหลี่ หลายวันมานี้ท่านอยู่ไหนขอรับ? ไป๋เฉ่าถังไม่ได้เปิดตัวมานานแล้วนะขอรับ”
เหล่าผู้กล้ามากมายเข้ามาและเอ่ยถาม ซูหลี่ตรวจอาการและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปยังสถานที่ที่ไกลจากที่นี่มาก แล้วก็เพิ่งจะได้กลับมาในวันนี้เอง ข้าได้ยินเรื่องหลายอย่างจากตระกูลซูแล้ว ข้ารู้นิสัยของแม่นางซูหลี่เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับตระกูลซูล่ะ…”
ซูหลี่พูดตามสบายโดยไม่ลากประเด็นไปมากกว่านี้
แต่ความเห็นของนางทำให้ผู้คนเชื่อมากขึ้นว่าซูหลี่ถูกใส่ร้าย
“ท่านหมอสุ่ยหลี่ช่วยเหลือผู้คนด้วยพรสวรรค์ด้านการแพทย์ของนางและยังเฉยต่อชื่อเสียงลาภยศ สิ่งที่นางพูดต้องถูกแน่ ๆ!”
“ท่านหมอสุ่ยหลี่พูดอย่างไรข้าก็เชื่อว่าอย่างนั้นล่ะ!”
“ข้าจำได้ว่าท่านหมอฉีที่เป็นอาจารย์ของท่านหมอสุ่ยหลี่เคยไปที่บ้านตระกูลซูเพื่อเป็นอาจารย์ครั้งหนึ่ง เขาต้องรู้เรื่องราวในตระกูลซูมากแน่ พอมาตอนนี้ท่านหมอสุ่ยหลี่พูดเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าตระกูลซูต้องซ่อนเรื่องราวอะไรบางอย่างไว้!”
ถูกซูหลี่ยุยงแล้ว คนจำนวนมากก็พลันรวมกลุ่มกันคุกคามตระกูลซู ท่านย่าซู/ฉุยควักเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้และปล่อยให้หลี่ซานเป่าออกคำสั่งว่าใครก็ตามที่มีปัญหากับตระกูลซูจะต้องถูกจับเข้าคุก จากนั้นความวุ่นวายจึงได้สงบลงในที่สุด
ในตอนนี้ซูฮ่วนหลี่ก็ได้กลับมาจากแคว้นชิงเหอด้วยธนบัตรสี่แสนชั่ง และรีบรุดไปที่สะพานซานเหอโดยไม่หยุดพัก เขาไม่มีเวลาจะมารับรู้ว่าตึกไป๋เว่ยได้ปิดตัวไปแล้วในตอนนี้
ประมาณเที่ยงคืน ซูหลี่ก็ปรากฏตัวตรงเวลา นางส่งวัตถุดิบอาหารที่เหลือทั้งหมดให้กับซูฮ่วนหลี่ มองสีหน้ามั่นใจของซูฮ่วนหลี่แล้ว นางก็หายไปพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ระดับถือกำเนิด!”
ดวงตาของหลี่หยินหดเกร็งราวกับเห็นสิ่งเลวร้ายบางอย่าง เขาจำได้ว่าไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คนผู้นี้มีพลังเพียงขุมพื้นฐานที่เก้า เขาบรรลุพลังได้รวดเร็วจนถึงขุมถือกำเนิดแล้ว บางทีเขาคงได้รับบาดเจ็บหนักและมีพลังอยู่ในขุมถือกำเนิด เขาเพียงแค่ใช้เงินที่ได้จากตระกูลซูมารักษาอาการบาดเจ็บ บาดเเผลของเขาหายดีแล้ว…
แววหวาดกลัวลึกล้ำฉายในดวงตาของหลี่หยิน เขาช่วยซูฮ่วนหลี่ดันเกวียนและจากไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหนีวิญญาณร้ายที่ตามหลังพวกเขา
ผู้อาวุโสที่มีพลังระดับขุมถือกำเนิดคือบุคคลชั้นยอดในวงการยุทธภพ!
ซูหลี่ถือเงินสี่แสนชั่งกลับไปที่หุบเขา ฉู่ชิงหนิงมองธนบัตรที่กองสูงบนโต๊ะพลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“สี่แสนชั่ง! นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้เลยนะ!” ฉู่ชิงหนิงเอ่ยและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ตาเฒ่านั่นถูกข้าต้มเสียเปื่อย เขาไม่มีเวลากลับไปที่เมืองต้าซูหรอก เมื่อใดที่เขารู้ว่าตึกไป๋เว่ยถูกปิดไปแล้ว เขาต้องโกรธแค้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่”
ซูหลี่เท้าคางและดันกองธนบัตรครึ่งกองไปให้ฉู่ชิงหนิงที่กำลังหัวเราะดังลั่น “ชิงหนิง นี่ค่าตอบแทนที่เจ้าทำงานหนัก”
“อะไรเนี่ย?” ฉู่ชิงหนิงมองธนบัตรสองแสนชั่งตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“ทุบทำลายร้านค้าทั้งสองแล้วสร้างพวกมันขึ้นมาใหม่ซะ” ซูหลี่หยิบภาพวาดออกมาวางบนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น “จ้างช่างฝีมือดีที่สุดสร้างมันให้เสร็จในเวลาที่รวดเร็วที่สุด”
ฉู่ชิงหนิงพลันตะลึงงัน เขาไม่คิดเลยว่าคำโกหกที่เขาบอกซูฮ่วนหลี่ว่าพวกเขาจะซื้อร้านค้าทั้งสองร้านจะเป็นจริงขึ้นมา
ฟ่างหยวนหยิบภาพวาดและมองพวกเขาทีละคน แม้เขาจะไม่รู้โครงสร้างที่เป็นรูปธรรมมากนัก แต่เขาก็รู้สึกว่าภาพวาดนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะมองและถามขึ้น “ซูหลี่ ภาพวาดพวกนี้เจ้าเป็นคนวาดหมดเลยหรือ?”
“จะมีใครอื่นนอกจากข้าล่ะ?”
ซูหลี่หยีตาลงราวกับจันทร์เสี้ยวสองดวงและเอ่ยในใจ “ภาพวาดของสามีพิการย่อมเป็นของข้าอยู่แล้ว”
ฟ่างหยวนยิ้มขื่นพลางถอนหายใจ “ยังมีอะไรที่เจ้าทำไม่ได้บ้างเนี่ย?”
เขาหวาดกลัวว่าจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแข่งขันกับบุคคลเช่นนี้ มีเพียงนายน้อยอย่างบุคคลนั้น…ที่จะมีความสามารถในการทำเช่นนี้ได้
แต่บางทีมันคงเป็นความสุขของเขาแล้วที่ได้อยู่ข้างกายนางและปกป้องนางอย่างเงียบ ๆ
ฟ่างหยวนคิดเช่นนั้นแล้วกับยิ้มอบอุ่น “ไปทานอาหารเย็นก่อนเถอะ อาหลิงเตรียมไว้ให้เราแล้ว”
ซูหลี่เก็บธนบัตรที่เหลือลง เป็นเรื่องยากนักที่พวกเขาจะได้ทานอาหารอย่างมีความสุข ขณะเดียวกันซูฮ่วนหลี่ก็กลับไปที่บ้านและได้ยินข่าวในเมืองต้าซู เขาเดือดจัดจนถึงกับพ่นโลหิตออกมาคำหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้น
ตระกูลซูตกอยู่ในสภาวะยุ่งเหยิงโดยสมบูรณ์
คอมเม้นต์