ตอนที่1 วัตถุประหลาดนอกโลกสีดำ

ในเดือนธันวาคม ปี2012 มีกระแสของคำว่า ‘วันสิ้นโลก’ อยู่ทั่วทุกพื้นที่ ตามทำนายของชาวมายาโลกจะต้องถูกทำลายภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้มนุษย์ก็ถือเพียงว่าเป็นเรื่องตลกเท่านั้น ในยุคแห่งเทคโนโลยีพัฒนาล้ำไปไกลแบบนี้จะมีการทำนายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร?

 

ผู้คนไม่ทราบเลยว่ากำลังจะมีวิกฤตเข้ามาเยือนอย่างเงียบ ๆ เพราะนอกโลกมีเงาสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนเข้าหาโลก

 

ในวันที่ 22 ธันวาคม โรงภาพยนตร์บนโลกมนุษย์ ครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันที่ชาวมายาได้ทำนายว่า เป็นวันที่โลกถึงจุดจบ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบปรากฏการณ์ใดที่มีทีท่าว่าจะคุกคามโลก   บางคนถึงกับสร้างเป็นภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใหญ่ ๆ ทั่วโลก

 

ในปัจจุบัน ขณะที่คนส่วนใหญ่นั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์เพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางรัฐบาลของประเทศต่างๆก็เกิดความวุ่นวาย

 

เพราะว่าก่อนหน้านี้ จู่ ๆดาวเทียมได้ถ่ายภาพวัตถุขนาดใหญ่ที่กำลังตรงมาที่โลก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดาวเทียมไม่ได้ตรวจพบอะไรเลย

 

ตามหลัก ระยะการตรวจจับของดาวเทียมนั้นสามารถมารถตรวจจับได้ไกลกว่านี้ แต่กว่าจะตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่นี้ได้ มันมาใกล้โลกมากแล้ว ดูเหมือนว่าวัตถุขนาดใหญ่อาจมีลักษณะที่สามารถป้องกันการตรวจจับสัญญาณ

 

หลงยู่เทียนมองไปที่เงาขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนเข้ามา ใบหน้าของเขาเป็นกังวลมาก แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าคำทำนายของชาวมายาจะเป็นจริง

 

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นใหญ่มากพอที่จะทำลายโลกได้ มีชั้นหมอกหนาสีดำล้อมรอบจนไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร แต่ดูเหมือนว่าจะมีขนาดใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก

 

หากมันพุ่งชนโลกด้วยความเร็วในขณะนี้ สิ่งมีชีวิตบนโลกคงเกิดการสูญพันธ์อย่างแน่นอน

 

“หัวหน้า ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?” คนที่พูดก็คือหนึ่งในสมาชิกของทีมมังกรจีน ‘หยูเทียนเจ่อ’

 

หลงยู่เทียนหันหน้าไปมองคนข้างๆ พวกสมาชิกทีมมังกรจีน

 

ทีมมังกรจีนเป็นองค์กรลับที่ซ่อนอยู่ใต้เงามืดของอำนาจจีน เชี่ยวชาญในการจัดการบางสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยวิธีปกติ แม้ว่าจะมีคนในองค์กรเพียงไม่กี่สิบคน แต่ล้วนแล้วเป็นคนที่ไม่ธรรมดา

 

ตราบใดที่ยังมีทีมมังกรอยู่ ก็ไม่มีประเทศใดกล้าแตะต้องประเทศจีน

 

“ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง!”

 

“รีบไปติดต่อคลาร์ก พวกเขาน่าจะพบสิ่งนี้ก่อนพวกเรา” หลงยู่เทียนวิเคราะห์แล้วรีบพูดออกมา “โดยปกติพวกเราจะรับปัญหาเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ แต่สถานการณ์แบบนี้ก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ผมเชื่อว่าสหรัฐฯจะต้องรู้ต้นตอเรื่องนี้”

 

ทันทีที่คำพูดหลงยู่เทียนถูกลั่นวาจาออกไป ก็มีเสียงเรียกเข้าทันที

 

“หัวหน้า สหรัฐฯร้องขอการเชื่อมต่อกับเรา”

 

“รีบตอบรับส้ะ” หลงยู่เทียนพูด และรีบเดินไปทันที

 

“ห้องเสมือนสำหรับการประชุมอยู่ข้างในครับ เชิญเข้าไปได้เลย”

 

เมื่อเข้ามาถึงด้านในห้อง หลงยู่เทียนหยิบหมวกครอบหัวสำหรับสื่อสารขึ้นมาสวมบนทันที และเสียบสายไฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ ทันใดนั้นทิวทัศน์ข้างหน้าก็เปลี่ยนไป แปลกหูแปลกตา บรรยากาศเหมือนห้องประชุมบางอย่าง

 

“หัวหน้าหลง คุณมาแล้ว มาเริ่มกันเลยเวลามีไม่มากแล้ว”

 

หลงยู่เทียนยังไม่ทันได้สังเกตสิ่งต่างๆเลย เขาก็ต้องรีบเดินไปที่โต๊ะยาวดึงเก้าอี้ออกและนั่งลง

 

ในขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้น หลงยู่เทียนเห็นคนที่รู้จักมากมายโดยปกติแล้วคนพวกนี้เป็นบุคคลที่สำคัญที่ของประเทศต่างๆ   ทุกคนมีตำแหน่งเทียบเท่ากับหลงยู่เทียนในประเทศจีน

 

“เอาล่ะตอนนี้คนส่วนใหญ่มากันแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลย!”

 

หลงยู่เทียนมองไปยังคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เขาคือคลาร์กจากอเมริกา ซึ่งมีชื่อเดียวกับ Superman ตามข่าวลือ Superman ของอเมริกันที่ถูกสร้างขึ้น มีการอ้างอิงจากเขาเป็นต้นแบบแม้ว่าจะไม่ทรงพลังเท่า Superman แต่ก็ดูถูกไม่ได้

 

การประชุมเสมือนจริงนี้ถูกเปิดการประชุมโดยคลาร์ก

 

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขัดอะไร คลาร์กจึงได้พูดต่อทันที “ผมเชื่อว่าพวกคุณก็เห็นสิ่งที่อยู่นอกโลกเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าทุกท่านคิดยังไง?”

 

“เราทุกคนก็เห็นกันหมดแล้ว ถ้าสิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่ขนาดนี้ปะทะเข้ากับโลก มนุษย์จะต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน ตามเป็นไปตามคำทำนายของชาวมายาเลย” ออฟตัวแทนจากประเทศรัสเซียพูด

 

คนอื่นพยักหน้า และพูดต่อพร้อมกับหันไปมองหน้าคลาร์ก “ใช่ ผมก็คิดแบบนี้เช่นกัน แต่เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? คำทำนายของชาวมายาไม่สามารถลบล้างได้เลยหรือ?”

 

คลาร์กไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่มองไปยังหลงยู่เทียนแทน

 

หลงยู่เทียนจึงพูดออกมา “แม้ว่าอำนาจของประเทศของจีนจะไม่ใหญ่เท่าของสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยการสนับสนุนจากทุกท่าน ผมคิดว่าพวกเราน่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้นะ แล้วก็ขออภัยผมเองก็ยังไม่ได้คิดวิธีรับมือกับปัญหานี้!”

 

“ผมมีบางอย่างอยากจะเสนอ … อเมริกามีไอเดียบางอย่าง ….. แต่..” คลาร์กพูด

 

“… แต่อะไร?” ผู้ประชุมทั้งหมดมองไปที่คลาร์กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง