พันธสัญญามังกร1000ปี – มังกร1000ปี : ตอนที่12 ฝันประหลาด
ตอนที่12 ฝันประหลาด
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า หลักสูตรช่วงบ่ายก็สิ้นสุดลง วิทยาลัยปรมาจารย์หลิงซือสิ่งที่สอนไม่ยากมาก มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้น้อยกว่าโรงเรียนมัธยมทั่วไป โดยขจัดความรู้ทางทฤษฎีปกติส่วนใหญ่ออกไปเพื่อให้นักเรียนใช้เวลาเพื่อฝึกฝนหลิงเว่ยมากขึ้น
เมื่อกลายเป็นปรมาจารย์หลิงซือ อนาคตจะมีฐานะที่สูงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นการไม่เข้าใจทฤษฎีปกติเหล่านั้นก็ไม่ส่งผลอะไรมาก
“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว!” หลิงฉวนกลับมาถึงบ้านก็รีบตรงเข้าไปที่ห้อง แล้ววางกระเป๋าลง และนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้
การยั่วยุของเจียงเหอ หลิงฉวนไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะตอนนี้เขายังนับไม่ได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญอะไรไม่น่ามีภัยคุกคามใดๆ สิ่งที่หลิงฉวนสนใจมากกว่าคือสิ่งที่คนผมแดงพูด
“เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวฉวน! ออกมาทานอาหารเย็นได้แล้ว” ขณะที่หลิงฉวนกำลังคิดอยู่ประตูก็เปิดออกโดยพ่อของเขา “กำลังคิดอะไรอยู่? ดูใช้สมาธิเยอะเชียว?”
“พ่อ ผมบอกพ่อไปแล้วใช่ไหมว่าเมื่อวานมีคนสองคนมาพบกับผมหน่ะ? วันนี้ผู้ชายผมแดงมาหาผมอีกแล้ว!” หลิงฉวนคิดไม่ออกจริงๆว่าจะทำยังไง ลองคุยกับพ่อดูว่าจะช่วยแก้ได้ไหม
“อืม? เขามาหาอีกแล้ว? เขาบอกอะไรลูกบ้างไหม?” เมื่อหลิงเทียนได้ยินสิ่งที่ลูกชายของเขาพูด ร่างกายของเขาก็สั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและรีบเข้าไปนั่งข้างๆหลิงฉวน แต่หลิงฉวนกำลังคิดก้มหน้าคิดเรื่องต่างๆอยู่ เขาก็เลยไม่ทันได้สังเกตท่าทางของพ่อ
“ที่จริงก็ไม่ได้พูดอะไร! แค่บอกว่ามีอะไรอยากจะบอกผมและถามผมว่าอยากรู้ไหม”
“แล้วลูกตอบไปว่าอะไร?” หลิงเทียนถามอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับเขา แต่ขอให้เขาพูดก่อน แต่เขาบอกว่า … หลังจากที่ผมรู้แล้วผมจำเป็นต้องทำหรือถ้าไม่ทำผมก็ต้องตายแทน แต่ผมก็ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขา เพราะหลังจากที่ได้ยินผมก็ออกไปกินข้าวส้ะก่อน ผมควรทำอย่างไรดี?”
“โอ้ แบบนี้นี่เอง! ลูกอย่าเพิ่งคิดมาก! พ่อคิดว่าคน ๆ นั้นจะกลับมาหาลูกอีกแน่ ๆ ถึงตอนนั้นแล้วค่อยฟังเขาพูด ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดให้ปวดหัว … ถ้างั้น เราออกไปกินข้าวเถอะ แม่น่าจะรอนานแล้ว!” หลังจากพูดเสร็จแล้วหลิงเทียนลุกขึ้นไปเปิดประตูและเดินออกไป ส่วนหลิงฉวนตามมาทีหลัง
…
ในห้วงอวกาศอันมืดมิดห่างไกล
มีผู้คนยืนอยู่ตรงข้ามกันเป็นเงาจางๆ มากกว่าสิบคน “เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? สามารถแบกรับภาระได้หรือไม่?”
“อืม ผมได้พบเขาแล้ว ดูๆแล้ว เด็กคนนี้ก็ไม่เลวเลย … แต่”
“แต่อะไร? มีปัญหาอะไรไหม?”
“ผมรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้มีความระมัดระวังตัวเกินไป สิ่งที่เราควรคิดในตอนนี้คือทำอย่างไรให้เขาเข้ามาสนใจเรื่องนี้”
หลายๆเสียงดังขึ้นกำลังถกเถียงกันในความมืดมิดนี้ แต่ตัวเอกที่พวกเขาพูดคุยถึงนั้นก็ได้หลับไปแล้ว
…
“เอ๊ะ? นี่คือที่ไหน?” หลิงฉวนมองไปที่ความมืดตรงหน้า เขามองไม่เห็นอะไรชัดเจนเลย ดูเหมือนอยู่ในอวกาศอะไรสักอย่าง
“ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะ?” หลิงฉวนมองหันหลังย้อนกลับไป ก็พบกับดาวเคราะห์สีน้ำเงินหมุนรอบตัวเองอย่างช้าๆ ซึ่งนั่นคือโลก
บนขอบโลกมีวัตถุสีดำซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดของโลก มันกำลังลอยอยู่ … จ้องมองไปที่วัตถุสีดำมันค่อยๆใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ!
“เอ๊ะ? ทำไมผมถึงบินไปหาสิ่งนั้น? ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น?” หลิงฉวนไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ เขาค่อยๆลอยไปข้างหน้ามุ่งตรงเข้าสู่วัตถุสีดำ
เขาบินไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่าอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึง! ไม่รู้ว่าใช้เวลาบินนานแค่ไหน แต่ในที่สุดไม่นานหลังจากนั้นหลิงฉวนก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมองเห็นวัตถุตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
มันเป็นเมืองขนาดใหญ่ รูปทรง 4 เหลี่ยม เมืองนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ มองไม่เห็นว่าภายในมีอะไรบ้าง มีเพียงสิ่งเดียวที่เห็นคือหอคอยขนาดใหญ่สูงทะลุหมอกหนาทึบมายังท้องฟ้าบนเมืองแห่งนี้
หอคอยนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
หลิงฉวนเริ่มร่อนลงจอดที่หน้ากำแพงแห่งนี้ ประตูเมืองขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ต่อหน้าหลิงฉวน
“ว้าว! ใหญ่มาก? ผู้คนต้องการประตูใหญ่ขนาดนี้เพื่อเป็นทางเข้าออกเหรอ? หรือว่า….? ที่นี่ไม่ใช่เมืองของมนุษย์?” ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อมองจากระยะไกล แต่เมื่อได้มาอยู่ใกล้ๆ มันก็เริ่มแปลกขึ้นมาทันที
หลิงฉวนรู้สึกว่า เมืองนี้งดงามตระกาลตามาก ราวกับว่ามันไม่ใช่ของที่มาจากโลกมนุษย์ ไม่ใช่งานฝีมือของมนุษย์..
จู่ๆประตูก็เปิดออกเอง หลิงฉวนจึงเดินเข้าไปที่เมืองอย่างช้าๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เอิ่ม! ที่นี่ที่ไหน? ไปดูหอคอยตรงกลางนั่นดีกว่า!”
เมื่อเดินเข้าไปในประตู หลิงฉวนก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า เพราะมีกำแพงแตกและอาคารหลายหลังก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม “เกิดอะไรขึ้นที่นี่? มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มมาทางนี้สิ..”
“ใคร? ใครกำลังพูดอยู่?” หลิงฉวนรู้สึกประหลาดใจที่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ แต่หลิงฉวนก็คิดในใจว่า ‘น่าจะกลับไปได้ถ้าหากได้สอบถามบุคคลนี้’
คอมเม้นต์