พันธสัญญามังกร1000ปี – มังกร1000ปี : ตอนที่22 แผนการแยบยล

อ่านนิยายจีนเรื่อง พันธสัญญามังกร1000ปี ตอนที่ 22 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่22 แผนการแยบยล

หลังจากที่หยางเจิ้นจากไป อันหนิงมองไปที่หลิงฉวนแล้วถามว่า “พี่โมสวยขนาดนี้ ใจนายไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ?”

 

หลิงฉวนมองไปที่อันหนิงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงถามแบบนี้? แน่นอนว่าต้องหวั่นไหว คนสมัยเคยก่อนกล่าวว่า ‘ผู้หญิงสวยงาม ยิ่งต้องการสุภาพบุรุษ!’”

 

“แล้วทำไมนายถึงพยายามชงโมจื่อหยานกับหยางเจิ้น?”

 

“เรื่องนี้เหรอ! ถ้าเห็นผู้หญิงสวยแล้วจะยึดเป็นของตัวเอง มันก็ไม่ใช่ไหม? แล้วอีกอย่างหยางเจิ้นเป็นเพื่อนซี้ของผม ผมก็อยากให้เขาได้มีชีวิตที่ดี!” หลิงฉวนหันหน้าไปมองอันหนิง ทั้งสองสบสายตากันพอดี

 

‘โมจื่อหยานเป็นผู้หญิงที่สวยงาม แต่สุภาพบุรุษเหรอ! ฮ่า ๆ สำหรับฉัน ฉันตั้งเป้าที่จะเป็นวายร้ายเสมอ!’ อันหนิงไม่ได้พูดแต่เธอมองไปที่หลิงฉวน เธอไม่สามารถมองผ่านชายคนนี้ได้เลย แล้วก็ไม่รู้เลยว่าจะสรรหาคำพูดไหนมาพูดดี

 

ถ้าจะให้พูดอะไรจริงๆก็มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ ‘ลามก’

 

“นี่ๆอันหนิง เธอกำลังมองอะไร? เธอตกหลุมรักผมเหรอ?” เสียงของหลิงฉวนขัดจังหวะการละเมอเพ้อฝันของอันหนิง

 

อันหนิงรีบหันหน้าไป ตอนที่เธออยู่บ้านไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เธอไม่ค่อยคุยกับผู้ชาย แต่ตอนนี้เธอจ้องผู้ชายอยู่ เธอไม่อายเลย! “อย่ามาหลงตัวเอง!”

 

บทสนทนาของทั้งสองก็จบลงทันทีเมื่อหยางเจิ้นยกอาหารเข้ามาให้

 

“อาฉวน อาหารมาแล้ว” หยางเจิ้นและโมจื่อหยานเดินมาพร้อมกับอาหาร หลิงฉวนเก็บของบนโต๊ะและเอาอาหารไปวางบนโต๊ะ “ทำไมสั่งเยอะจัง! เราจะกินหมดเหรอ?”

 

อันหนิงสั่งอาหารทั้งหมด 6 อย่างและ น้ำซุป 1 อย่าง ปริมาณค่อนข้างเยอะ สามคนอาจจะกินไม่หมดจริงๆๆ ในเวลานั้นเนื่องจากหมาป่าสองตัวกำลังคิดถึงเรื่องสำคัญอยู่และอันหนิงก็ไม่รู้จะสั่งอะไร

 

เธอจึงขอให้โมจื่อหยานแนะนำอาหาร แต่โมจื่อหยานก็แค่ไล่ชื่อเมนูจานเด่นของร้านและให้อันหนิงเลือก แต่อันหนิงบอกให้เธอเสริฟทุกอย่างมาให้หมด

 

โชคดีที่โมจื่อหยานเกลี้ยกล่อมเธอจนสุดท้ายเหลือเพียงหกอย่างและซุปหนึ่งอย่าง แต่จริงๆโมจื่อหยานขอให้เธอตัดอีกสองอย่าง

 

แต่อันหนิงคิดว่าในเมื่อเธอเป็นคนเลี้ยงจึงไม่ควรน้อยเกินไป! โมจื่อหยานได้แค่ยอม

 

เมื่อเห็นอาหารขึ้น และได้ยินคำพูดของหลิงฉวน “ดูเหมือนว่าเราจะทานกันไม่หมดจริงๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!” อันหนิงก็พูดเช่นเดียวกัน

 

“โอเค อาหารครบแล้ว ฉันไปก่อนนะ!” หลังจากเสิรฟอาหารเรียบร้อย โมจื่อหยานก็พูดกับทุกคน

 

“พี่โม ฉันควรเชื่อฟังพี่มากกว่านี้! แบบนี้มันเยอะเกินไป เราสามคนกินไม่หมด! พี่โมตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย? วุ่นไปทั้งบ่าย งั้นมานั่งกินกับเราเถอะ?” อันหนิงขมิบปากและพูดกับโมจื่อหยาน

 

‘คุณแม่สาวน้อย! บ่ายนี้กว่าคุณจะทำดีสักเรื่อง!’ หยางเจิ้นรู้สึกมีความสุขหลังจากได้ฟังคำพูดของอันหนิง

 

แล้วก็รีบพูดเสริมอันหนิงทันที “อืม มากินด้วยกันดีกว่า ถ้ากินไม่หมดแล้วทิ้ง มันน่าเสียดายใช่ไหม?”

 

“แบบนี้จะดีเหรอ ฉันมีงานต้องทำต่อ”

 

“อาหารที่อันหนิงสั่งมามีเยอะเลยเนี่ย กินด้วยกันสี่คนได้สบายเลย แล้วในตอนนี้ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงแล้ว ไม่น่ามีใครกินเยอะ อีกอย่างคุณก็ต้องกินข้าวด้วย! กินด้วยกันดีกว่า ไม่งั้นเราจะเสียดายมากถ้ากินไม่หมด!”หลิงฉวนมองไปรอบๆ คนน้อยลงแล้ว มีแต่ลูกค้าที่กระจัดกระจายไปรอบ ๆ และวันนี้เป็นวันที่อันหนิงเลี้ยง เธออุตส่าห์พูดแล้ว ก็ต้องให้หน้าเธอหน่อย!

 

“อืม งั้นก็ได้ ให้ฉันไปบอกลุงของฉันก่อน! รอฉันแป๊บหนึ่ง จะรีบมา!” หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังเดินไปที่เคาน์เตอร์

 

“อันหนิง เรื่องนี้เป็นแผนการที่ดีมาก!” หลิงฉวนพนักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เอิ่ม! อะไร?” อันหนิงทำปากปูดยักคิ้วสองข้าง

 

“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้ แค่นี้คิดว่าผมจะดูไม่ออกเหรอ? เธออยากให้โมจื่อหยานทานด้วยกันก็เลยสั่งเยอะมาใช่ไหม?”

 

“เชอะ ดูออกด้วยเหรอ! ไม่สนุกเลย”

 

“จริงเหรอ? ขอบคุณนะ?” หยางเจิ้นได้ยินสิ่งที่หลิงฉวนพูดแล้วพูดกับอันหนิงเขาก็ดีใจมาก

 

“ฉันแค่มองว่าพี่โมเป็นคนดี ฉันเลยชวน ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย!”

 

หลังจากนั้นไม่นาน โมจื่อหยานก็เข้ามา โมจื่อหยานได้ถอดชุดทำงานออกแล้ว ท่อนบนเป็นเสื้อยืดและท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์รัดรูป ซึ่งยิ่งสะท้อนให้เห็นรูปร่างที่สูงเรียวของเธอ

 

“อืม เชิญนั่งได้เลย กินข้าวกันเถอะ!”

 

ตอนที่โมจื่อหยานเดินไปถามคุณลุง สามคนนี้ก็ได้จัดแจงที่นั่งกันใหม่

 

หยางเจิ้นและหลิงฉวน ลุกแยกออกจากกันเพื่อไปนั่งอยู่ตรงข้าม

 

แน่นอนว่าอันหนิงนั่งอยู่กับหลิงฉวน ในเวลานี้มีเพียงข้างหยางเจิ้นเท่านั้นที่สามารถนั่งได้ โมจื่อหยานไม่ได้พูดอะไรและนั่งลงข้างๆหยางเจิ้น

 

หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดสนทนาในวงอาหารทันที

 

“ดูเธออายุยังไม่มากใช่ไหม? ทำไมเธอไม่ไปโรงเรียน? ทำไมมาทำงานที่นี่?”

 

“ฉันได้สอบเข้าวิทยาลัยในฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่ฉันสอบเข้าวิทยาลัยไม่ติดดังนั้นฉันจึงต้องออกไปทำงาน บังเอิญที่นี่เป็นร้านของลุงฉัน และนี่ดันเป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มเข้าสู่สังคม โดยครอบครัวของฉันก็ไม่ไว้วางใจ จึงให้ฉันมาที่นี่ก่อน”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด