พันธสัญญามังกร1000ปี – มังกร1000ปี : ตอนที่20 ติดอยู่ในภวังค์แห่งความสวยงาม
ตอนที่20 ติดอยู่ในภวังค์แห่งความสวยงาม
สมัยนั้น เขาใช้เวลาเพียงห้าวันเขาก็สามารถสัมผัสหลิงเว่ยได้แล้ว แน่นอนว่าผลลัพธ์นี้แย่กว่าของหลิงฉวนมาก แต่มันก็นับว่าอยู่ในหมวดของอัจฉริยะเช่นกัน ต่อมาใช้อีกเวลาเพียง 20 วันในการฝึกใช้หลิงเว่ยอย่างเชี่ยวชาญและกลายเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่เข้าสู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่ผ่านในรอบนั้น
ต่อมาเขาก็กลายเป็นสมาชิกของอาคารเทคโนโลยี
สำหรับจางเผิง นอกเหนือจากอัศวินมังกรเหล่านั้นแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจกับใครอื่นเลย
แต่ถ้าเด็กคนนี้สามารถสัมผัสหลิงเว่ยและเชี่ยวชาญในการควบคุม มันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน!
“ผมไม่รู้ว่าผมควบคุมมันได้อย่างชำนาญแล้วหรือยัง ในตอนนี้ผมทำได้เพียงพยายามถ่ายโอนหลิงเว่ยไปที่หลังและขาเท่านั้น” หลิงฉวนตอบ
จางเผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้โชคดีที่เขาแค่รู้วิธีใช้แต่ยังไม่ถึงระดับเชี่ยวชาญ “คุณยังไม่ถือว่าเชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญหมายความว่า สามารถเคลื่อนย้ายหลิงเว่ยไปยังทุกส่วนของร่างกาย เพราะปี2ที่ต้องเรียนมีเงื่อนไขต้องให้ใช้ทุกส่วนของอวัยวะและร่างกาย เพื่อสร้างหลิงจี้ คุณเข้าใจไหม?”
“แล้วจะถือว่าเชี่ยวชาญได้อย่างไร? ระหว่างทดสอบคงไม่ใช่เคลื่อนย้ายหลิงเว่ยไปทุกส่วนของร่างกายใช่ไหม?”
“อืม ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางที่สุดในร่างกายมนุษย์ การทดสอบคือการทดสอบว่าคุณสามารถใช้หลิงเว่ยกับดวงตาของคุณได้หรือไม่ แต่แนะนำนะ … คุณไม่ควรพยายามลองจนกว่าคุณจะแน่ใจ ไม่อย่างงั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ดวงตาของคุณจะได้รับความเสียหายและไม่สามารถรักษาได้”
“อ๋อ ๆ” หลิงฉวนครุ่นคิดหลังจากฟังแล้วขอบคุณครู “ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะ!”
“ไปเถอะ อย่าลืมว่าเหลือเวลาอีก 28 วันสำหรับการทดสอบครั้งต่อไปไม่ต้องกังวล”
“ผมรับทราบแล้วครับครู ลาก่อน..”
…
“อันหนิง คุณจะกลับบ้านเพื่อทานอาหารเที่ยงหรือเปล่า?” เจียงเหอเดินเข้าไปถามอันหนิง
“หืม? กลางวันฉันซื้อข้าวกินข้างนอกน่ะ? มีอะไร?”
“งั้นผมขอเชิญคุณมาทานอาหารเพื่อเป็นการต้อนรับ ได้ไหม?”
“เอ่อ… ไม่ได้หน่ะสิ ฉันสัญญากับหลิงฉวนว่าจะเลี้ยงข้าวเขาหน่ะ!” อันหนิงทำหน้าน่าสงสาร
“อะไรนะ? เขาให้คุณเลี้ยงข้าวงั้นเหรอ? ไอหมอนั่นไม่อยากอยู่แล้วเหรอ? ทำไมคุณต้องเลี้ยงเขา?” สิ่งแรกที่เจียงเหอนึกถึงก็คือ อันหนิงหญิงสาวที่บริสุทธิ์ ถูกหลิงฉวนล่อลวง “หลิงฉวนมันจริงๆเลย!”
“เอิ่ม! พูดแบบนี้ไม่ได้นะ!”
เมื่อเจียงเหอได้ยินแบบนี้ เจียงเหอยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าหลิงฉวนหลอกอันหนิงอยู่ “คุณพูดออกมาเถอะว่ามีเรื่องอะไรกัน? ผมจะช่วยให้คุณได้รับความเป็นธรรม!”
“เป็นธรรม บ้าบออะไรของนาย! ออกไปจากที่นี่ส้ะ อาฉวนจะกลับมาแล้ว” จังหวะนี้เองหยางเจิ้นก็เดินเข้ามาร่วมบทสนทนาด้วย
“แก…. แกระวังตัวเองไว้เถอะ” เจียงเหอกลัวหลิงฉวนเล็กน้อยเพราะไม่ว่ายังไง หลิงฉวนก็เป็นคนที่สัมผัสหลิงเว่ยได้แล้ว
หลังจากนั้นเจียงเหอ หันกลับไปและพูดกับอันหนิง “อันหนิง ในเมื่อคุณมีนัดแล้ว งั้นก็ช่างเถอะ รอบหน้าผมค่อยชวนคุณใหม่ ผมไปก่อนหล่ะ!”
“เค..”
หยางเจิ้นรอเจียงเหอจากไป แล้วก็บ่นพึมพำออกมา “สภาพแบบนี้ยังคิดจะแย่งกับอาฉวนอีก ไม่ดูตัวเองเลยจริงๆ!”
“แย่งอะไร? หยางเจิ้นแกมาพูดกับฉันอีกทีสิ้” อันหนิงรับรู้ความหมายแฝงแปลกๆ จากประโยคเมื่อกี้และถามหยางเจิ้นอย่างโหดเหี้ยม
“เอิ่ม! ฮ่าๆ ไม่มีอะไรฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เดี๋ยวเถอะ! ว่าแต่นะ..หยางเจิ้นทำไมหลิงฉวนถึงไปนานขนาดนี้? เขามีเรื่องอะไร?” อันหนิงเริ่มจะหมดอดทนกับการรอคอยนี้แล้ว
“ผมไม่รู้ น่าจะเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อตอนเช้า”
….
เมื่อหลิงฉวนคุยธุระเสร็จ ก็กลับมาหาหยางเจิ้นและอันหนิง
ทั้งสามคนไม่รอช้า รีบเดินไปคุยไปทันที จนมาถึงหน้าร้านอาหารพื้นเมือง ‘ร้านอาหารพื้นเมืองบ้านโม’
หลิงฉวนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักตอนพวกเขามาเมื่อวานนี้ ตอนนี้เพิ่งพบว่าร้านอาหารพื้นเมืองร้านนี้น่าจะเป็นของครอบครัวโมจื่อหยาน!
“ถ้าเอาชนะใจเธอได้ นายก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินหรือการแต่งตัวแล้วสินะ? ฮ่า ๆ” หลิงฉวนหันไปมองหยางเจิ้นพูดขึ้นมาทันที
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ นี่ผมหยางเจิ้น เห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอที่ต้องให้ผู้หญิงเลี้ยง? ผมจะต้องเป็นคนเลี้ยงเธอในอนาคต “ ด้วยการเยาะเย้ยของหลิงฉวน หยางเจิ้นตอบอย่างจริงจัง
หลิงฉวนมองหยางเจิ้นด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ! ดูเหมือนว่านายจะจริงจังนะเนี่ย? รู้จักกันมาก็หลายปีแล้วแต่ยังไม่เคยเห็นนายห่วงผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อน! เป็นไปได้ไหมว่าการเรียนมัธยมปลาย ทำให้คนคลั่งรักขึ้นมาได้ ซึ่งผมเองก็เหมือนกัน” หลิงฉวนถามไปอย่างนั้น
เมื่อหยางเจิ้นได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกอาย! “เอิ่ม… นายช่วยหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม?”
“นายหมายความว่าไงหยางเจิ้น จะตัดบทงั้นหรอ?” หลิงฉวนเร้าหรือหยางเจิ้นอย่างต่อเนื่อง
“เอาหน่า ไปกินข้าวกันเถอะ?” หยางเจิ้นไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
“หยางเจิ้น นายหมายความว่าอะไร? มีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถให้ฉันฟังได้เหรอ?” โดยทั่วไปผู้หญิงทุกคนมักจะมีเรื่องซุบซิบเล็กน้อย อันหนิงก็ไม่มีข้อยกเว้น อันหนิงอุตส่าจะใช้โอกาสนี้ฟังเรื่องของสองคนนี้! ใครจะรู้ว่าไอ้หยางเจิ้นคนนี้ มันจะพูดตัดบท
คราวนี้หยางเจิ้นตกตะลึงอีกรอบ ผมทำให้แม่สาวคนนี้ขุ่นเคืองอะไรอีกแล้วเหรอ! “เอิ่ม ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” หยางเจิ้นยังคงไม่พูดอะไรต่อ
“ช่างมันเถอะ เราไปทานอาหารกันได้แล้ว” หลิงฉวนจึงรีบนำทางพาทุกคนเข้าไปร้านอาหารพื้นเมืองทันที
อันหนิงเดินตามหลิงฉวน แล้วหันหน้ากลับมาจ้องไปที่หยางเจิ้น “เห้อ ฉันจะปล่อยนายไป …แค่ในครั้งนี้”
คอมเม้นต์