พันธสัญญามังกร1000ปี – มังกร1000ปี : ตอนที่23 กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ตอนที่23 กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
“พี่เจียง ดู? นั่นไม่ใช่อันหนิงที่เพิ่งมาเรียนห้องเราเหรอ?” บังเอิญเจียงเหอพาลูกน้องสองคนกลับจากกินข้าวเดินผ่านมาแถวนี้พอดี
เจียงเหอมองไปตามมือที่ลูกน้องชี้ “เห้อ ทำตัวบริสุทธิ์สดใส แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดีอะไรเลย แค่วันแรกก็ได้กับพวกมันสองคนแล้ว!”
“พี่เจียง ดูข้างๆหยางเจิ้น นั่นไม่ใช่โม่จื่อหยานที่เลื่องชื่อในด้านความงามของร้านนี้เหรอ? ทำไมเธอถึงเข้าไปกินกับพวกนั้นหล่ะ?”
“อย่าไปสนใจพวกมันเลย ไปกันเถอะ ผมบอกพี่ชายไปแล้ว เขาบอกว่าจะพาพวกมาตอนบ่าย? พวกมันสองคนเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งวันที่จะยิ้มได้อีก”
“พี่ชายคุณ เจียงไห่ มัธยมปลายปีสองเหรอ?”
“ใช่ เราไปกันเถอะ!”
กลุ่มหลิงฉวนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน! โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่า เจียงเหอได้จัดเซอไพรส์เด็ดไว้ให้พวกเขาแล้ว
…
“อ้อ ใช่แล้ว อาฉวน วันนี้ที่ไปถามอาจารย์เรื่องเลื่อนชั้นเป็นไงบ้าง เหมือนกับที่บอกหรือเปล่า?” หยางเจิ้นจำได้ว่าหลิงฉวนไปถามจางเผิง เลยถามหลิงฉวน
“คล้ายๆกัน เรามีการทดสอบทุกเดือน ตราบใดที่เราผ่านการทดสอบเราก็สามารถเลื่อนชั้นไปเรียนมัธยมปลายปีที่สองได้”
“มีสอบทุกเดือนเหรอ? ทุกคนต้องเข้าร่วมเหรอ?” อันหนิงฟังแล้วถามประเด็นที่สงสัย
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นสักทีเดียว ดูที่ตัวผู้สอบเองได้เลย นักเรียนสามารถลงทะเบียนด้วยตัวเองและเข้าร่วมได้หากต้องการเข้าร่วม อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงวิธีเดียวในการเลื่อนชั้น และถ้าหากนักเรียนที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเวลานานจะต้องถูกไล่ออกเท่านั้น เพราะฉะนั้นพวกเราต้องพยายามนะ รู้ไหม?”
หยางเจิ้นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฉวน หมอนี่เป็นคนที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของไห่เทียนที่สัมผัสได้ถึงหลิงเว่ย “ให้ตายเถอะ นายคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนนายหรือไง?”
“เอ๊ะ? ทำไมพูดแบบนั้นหล่ะ? หลิงฉวนเขาเก่งมากเลยเหรอ? เมื่ออันหนิงได้ยินเกี่ยวกับหลิงฉวน เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน “เล่าให้ฟังหน่อย”
โมจื่อหยานได้ยินเรื่องที่ทั้งสามคนพูด เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้เลย ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่รับฟังและคิดในใจ ‘เห้อ ไม่มีอะไรให้พูดได้เลย!’
“จื่อหยานก็ฟังไม่เข้าใจใช่ไหม? เรามากินข้าวกันต่อดีกว่า คุยเรื่องชีวิตประจำวันก็พอแล้ว อย่าลงลึกเลย” หลิงฉวนยังไม่ต้องการให้อันหนิงรู้เรื่องของตนเอง
แม้ว่าเขาจะมีความประทับใจในตัวเธอ แต่ก็เห็นได้จากการที่เธอมาโรงเรียนในวันที่สองของการเรียนได้
สื่อได้ว่าตระกูลของเธอต้องมีมีอิทธิพลมาก หากเธอรู้เรื่องนี้และส่งกลับตระกูล อนาคตอาจจะก่อความลำบากให้กับหลิงฉวนได้
อันหนิงคิดในใจ ‘ครั้งนี้เกี่ยวกับหลิงฉวนโดยเฉพาะ จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้’
อันหนิงคัดค้านทันที “ไม่ไม่ นายไม่พูดก็เรื่องของนาย หยางเจิ้นนายพูดสิ้ … ไม่เป็นไรนะจื่อหยาน ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจเดี๋ยวฉันอธิบายไห้! และถ้าเธออยู่กับพวกเรา เธอจะได้สัมผัสกับปรมาจารย์หลิงซือในอนาคตอย่างแน่นอน รออะไรหล่ะ! รีบพูดสิ!”
“เอิ่ม! อาฉวน เอาไงดี?” หยางเจิ้นมองไปที่หลิงฉวนเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาไม่กล้าที่จะคัดค้านอันหนิง แต่เขาก็จะไม่ทรยศเพื่อนรักของเขาเช่นกัน เขาจึงขอคำแนะนำจากหลิงฉวน
หลิงฉวนก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว “พูดก็พูดเลย! ไม่ต้องคิดมากแล้ว! อย่างอื่นไว้ค่อยว่ากัน” หลังจากนั้นหลิงฉวนก็หันหน้าไปหาอันหนิง “อืม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แต่อย่าแพร่ออกไปนะ”
“เชอะ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? คิดว่าฉันอยากพูดถึงนายงั้นหรอ?” อันหนิงพูดด้วยความไม่พอใจหลังจากได้ยินสิ่งที่หลิงฉวนพูด
“เฮ้ ถ้าเธอยังสามารถพูดคำเมื่อกี้นี้ได้ หลังจากฟังผมเล่าแล้ว ผมขอชื่นชมเลย!” หยางเจิ้นแย้งอันหนิง
“จื่อหยานเธอไม่รู้จักอาชีพของปรมาจารย์หลิงซือใช่ไหม? ให้ผมอธิบายให้ฟังก่อนมั้ย? …หนึ่งพันปีก่อนในปี 2012…..” หยางเจิ้นเล่าให้โมจื่อหยานฟัง เพื่อให้เข้าใจเรื่องที่จางเผิงเล่าให้พวกเขาฟังระหว่างชั้นเรียน
เนื่องจากปัญหาเรื่องเวลา รายละเอียดบางอย่างก็ไม่ได้กล่าวถึง เพราะพวกเขายังมีเรียนในช่วงบ่าย! โมจื่อหยานฟังหยางเจิ้นพูดถึงสิ่งเหล่านี้ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ปีศาจเขียว มังกร หลิงซือและค่อยๆเข้าใจสิ่งเหล่านี้อย่างช้าๆ
“โอเคกลับมาคุยเรื่องหลิงฉวนต่อ?” อันหนิงเริ่มหมดความอดทน “ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้วและรู้ละเอียดกว่านี้ด้วย”
สิ่งที่เธอสนใจจริงๆคือเรื่องของหลิงฉวน
หลิงฉวนมองไปที่อันหนิง “เธอไม่ใช่คนธรรมดาจริงด้วย! วันนั้นเธอไม่ได้มาชั้นเรียน ถ้ารู้ก็หมายความว่าตระกูลของเธอสอนมา มันไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวธรรมดาจะรับรู้ได้”
“เอาล่ะ สิ่งต่อไปคือประเด็นสำคัญ อันหนิงคุณรู้หรือไม่ว่าตามประวัติศาสตร์ใครคือคนที่สัมผัสหลิงเว่ยได้เร็วที่สุดเป็นครั้งแรก?” หยางเจิ้นไม่ได้โง่ แค่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก เขารู้ว่าหลิงฉวนอยากรู้ภูมิหลังตระกูลของอันหนิง แต่เขาถามตรงๆไม่ได้เขาจึงต้องสืบจากทางอ้อม
อย่างไรก็ตามอันหนิงเป็นเพียงเด็กที่เพิ่งเข้ามาในสังคม แม้ว่าพ่อของเธอจะบอกเธอว่าไม่ให้เปิดเผยประวัติตนเอง แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก เธอคิดว่าหยางเจิ้นจงใจสอบถามเธอ! เธอหันไปจ้องหยางเจิ้น “แน่นอนว่าฉันรู้เรื่องนี้ ก็อัศวินมังกรพวกนั้นไม่ใช่เหรอ? ยกเว้นอัศวินมังกรรุ่นแรกที่ได้รับการฝึกฝนในเมืองมังกร ฉันไม่ทราบสถานการณ์ที่ชัดเจน หรือไม่ก็อัศวินมังกรรุ่นอื่นๆที่มีพรสวรรค์ที่ดีที่สุดในเวลานั้น พรสวรรค์จะสะท้อนออกมาจากเวลาที่ใช้สัมผัสหลิงเว่ย ซึ่งคนที่เร็วที่สุดก็คือมังกรไฟรุ่นที่สามและมังกรสายฟ้ารุ่นที่หกทั้งคู่ใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น! สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้พื้นฐานในตระกูล ทุกคนต้องเรียนรู้” อันหนิงพูดออกมาทันทีที่
คอมเม้นต์