ยัยน่ารักนักสะสมของแถม – ตอนที่ 33 ถ้าแน่จริงก็อย่ากลับบ้าน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยัยน่ารักนักสะสมของแถม ตอนที่ 33 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ตอนที่ 33 ถ้าแน่จริงก็อย่ากลับบ้าน
ทันทีที่สิ้นเสียง ดวงตาของอวี่หนานเฉิงก็ดำมืดไปหลายวินาที โจวฟางกลืนประโยคที่จะพูดกลับ ดึงเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทรถ
มันยากจะเข้าใจ
เซิ่งอั้นหรานเล่นเดิมพันกับเจ้านายของเขา ภายในสามเดือน ถ้าผลงานของเธอไม่ตรงกับที่รับปากไว้แต่แรก เธอจะต้องเก็บข้าวของและกลับไป ผู้สัมภาษณ์ทุกคนต่างเป็นพยานได้
ตั้งแต่เซิ่งอั้นหรานเข้าทำงาน แม้ผลงานเธอจะดี เธอก็ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่รับปากไว้ เมื่อเห็นว่าผ่านไปสองเดือนแล้ว แถมเธอยังเข้าโรงพยาบาลกลางคัน เขาจึงกลัวว่าเธอจะทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
ดังนั้น อวี่หนานเฉิงจึงมอบหมายงานเลี้ยงครบรอบให้เธอ ในด้านหนึ่ง เขาซื้อเวลาให้เธอเพิ่มสองเดือน และอีกด้าน ผลงานของเธอระหว่างงานเลี้ยงจะต้องเพิ่มขึ้นมาก
สิ่งที่ทำให้โจวฟางงุนงงคือทำไมเจ้านายถึงห่วงใยเซิ่งอั้นหรานขนาดนี้ มันแค่เพราะว่าเธอช่วยนายน้อยไว้จริง ๆ เหรอ?
“ประธานอวี่ คุณบอกว่าเหลาหวังขับรถนิ่มไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงไล่เขาออกละ?’
“พูดมากไป”
สีหน้าโจวฟางเปลี่ยนไป และเขาก็ไม่กล้าถามเพิ่ม
ฉันเองก็พูดมาก
หลังได้รับแผนจัดเตรียมสำหรับงานเลี้ยงครบรอบ ผู้จัดการจ้าว หัวหน้าเซิ่งอั้นหรานก็ทิ้งงานโรงแรมส่วนใหญ่ให้คนอื่น เพื่อให้เธอสามารถทุ่มเทกับงานนี้ได้
“อั้นหราน มีหลายคนในแผนกกลยุทธ์ของกลุ่ม ประธานอวี่สนใจความสามารถเธอ เธอต้องทำงานให้หนัก นี่ยังเป็นเรื่องของชื่อเสียงโรงแรมเรา”
ผู้จัดการจ้าวไม่ได้สนใจเธอมากนัก แต่หลังการประชุม อีกฝ่ายก็ดูชื่นชมเธอมาก
“ฉันจะพยายามค่ะ”
สัปดาห์หน้าเธอจึงเอาแต่ไปเดินข้างนอก
เธอไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไปดูว่ากลุ่มอื่นหรือห้างสรรพสินค้าจะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างไร
“คุณค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เซิ่งอั้นหรานหันไป เห็นพนักงานบริการของห้างกำลังมองเธอด้วยท่าทางสุภาพ แต่ก็ยังมีท่าทีระวัง
เซิ่งอั้นหรานมีโทรศัพท์มือถือในมือและก็ได้ถ่ายรูปไปมาก คนคงมองเธอเป็นคู่แข่งอุตสาหกรรมเดียวกันหรือคนของสำนักงานพาณิชย์ เธอจึงรีบเก็บมือถือไป
“คือ ร้านขายเครื่องประดับที่นี่อยู่ไหนงั้นเหรอคะ?”
พนักงานลังเลและชี้ไปทางหนึ่ง” ตรงนั้นค่ะ”
เซิ่งอั้นหรานขอบคุณเธอ และแม้จะยังมีสายตาสงสัยมองตาม เธอก็ยังเดินตรงไปร้านขายเครื่องประดับ
เธอรู้ว่าเธอจึงดึงดูดความสนใจคนในการมาถ่ายรูปแบบนี้ แต่เธอเตรียมตัวมา
ในร้านขายเครื่องประดับ ผู้จัดการสวมถุงมือและถือสร้อยคอที่เซิ่งอั้นหรานแสดงดู สร้อยคอทำจากเงิน มีหยกใสประดับด้านล่าง และมีเพชรล้อมรอบมัน ซึ่งเปล่งประกายผิดปกติ
“มันเป็นของจากร้านเราจริงครับ”
“จริงเหรอคะ?” เซิ่งอั้นหรานระงับความตื่นเต้น” ร้านคุณขายมันงั้นเหรอคะ?”
“รูปแบบของสร้อยนี้เป็นเอกลักษณ์ของร้านเราเลยครับ และนี่” ผู้จัดการชี้ข้อต่อของสร้อยเงิน” อัญมณีที่ทำในร้านเราจะมีโลโก้ของเราติดอยู่ตรงนี้ครับ ซึ่งเล็กมากจนมองแทบไม่เห็น”
“แล้วมีคนซื้อสร้อยนี้ในร้านคุณเยอะไหมคะ?”
ผู้จัดการส่ายหัวและยิ้ม
“นี่เป็นหยกชั้นหนึ่ง มันเก่าแก่และมีค่ามากครับ ร้านเราไม่มีของแบบนี้ให้เห็นหรอกครับ มันเป็นของที่ลูกค้านำมา และก็สั่งให้เราทำพิเศษนะครับ”
พอได้ยิน เซิ่งอั้นหรานก็ดูมีความสุข” งั้นคุณช่วยหาคนที่สั่งทำมันให้หน่อยได้ไหมคะ?”
“สร้อยนี้ควรถูกขายไปนานแล้วครับ ถ้าให้ตรวจสอบ มันคงต้องตรวจกันยาว แต่ผมจะพยายามลองตรวจสอบหใครับ”
เซิ่งอั้นหรานขอบคุณเขาอีกครั้ง
“ยินดีครับ เชิญเก็บสร้อยไปก่อนครับ พูดตามตรง ผมทำงานที่นี่มาหลายปี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหยกชั้นดีแบบนี้ มันควรมีบันทึกไว้ครับ”
เธอเก็บสร้อยคอไปและเดินออกร้านขายเครื่องประดับ เธอรู้สึกปลื้มปีติอย่างมาก
ห้าปีก่อน เธอให้กำเนิดลูกสองคนในจินหลิง เธอพาเสี่ยวซิงซิงไป และอีกคนก็โดนหมอพาไป เป็นเวลาหลายปี เธอคิดถึงแต่การหาตัวเด็กคืน เบาะแสเดียวที่มีคือสร้อยในมือเธอ
สร้อยคอนี้ถูกดึงมาจากคอของชายคนนั้นในคืนนั้น
พอเธอคิดถึงคืนเมื่อหกปีก่อน เซิ่งอั้นหรานก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย
ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ คนในชุดสีเขียวซีดก็ขวางทางเธอ
“เซิ่งอั้นหราน”
เสียงนั้นดูบีบมาก และก็ดูมีความหมายเล็กน้อยถ้าฟังให้ดี
เซิ่งอั้นหรานเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปตอนเห็นคนตรงหน้า
“มันเป็นเธอจริง ๆ ฉันคิดว่าฉันตาฝาดไปซะอีก”
มุมปากผู้หญิงคนนั้นยกขึ้น เธอกอดอกและยิ้มเยาะ” ไม่ได้กลับบ้านห้าปี แถมยังไม่ติดต่อครอบครัวเลย ทั้งครอบครัวคิดว่าเธอนอนตายอยู่ข้างนอกแล้วซะอีก”
คนตรงหน้าเซิ่งอั้นหรานคือพี่สาวคนละแม่ของเธอ เซิ่งอั้นเหยา เธอมีนิสัยชอบข่มคน เธอไม่เจออีกฝ่ายมาหลายปี แต่ลิ้นสองแฉกของเธอก็ยังดีเหมือนแต่ก่อน
เซิ่งอั้นหรานรีบตั้งสติและจ้องเธออย่างเย็นชา” ฉันไม่ได้นอนตายที่ไหนหรอก พี่สาว เธอดูผิดหวังนะ”
“ทำไมฉันต้องผิดหวัง?” เซิ่งอั้นเหยาพูด” เธอควรกลับจีนมาได้นานแล้วสินะ ถ้าพ่อรู้ว่าเธอไม่บอกทางบ้านว่าเธอกลับมาจีนแล้ว นั่นคงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังของจริง เขาเลี้ยงลูกสาวมาตั้งหลายปี แต่เธอกลับไปต่างประเทศตอนบอกว่าจะไป ตอนนี้เธออยากจะกลับก็นึกกลับโดยไม่บอกใคร เธอทำเหมือนครอบครัวตัวเองเป็นโรงแรมเลยนะ”
“นั่นเป็นเรื่องของพ่อฉัน มันไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ฉันเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเซิ่ง แน่นอนว่าฉันต้องดูแลกิจการของตระกูล” เซิ่งอั้นเหยาเชิดคางและจ้องเซิ่งอั้นหราน” ใครจะไปรู้ว่าเธอเที่ยวหลอกใครมาบ้างในต่างประเทศว่าไปเรียนต่อ ทั้ง ๆ ที่เธอเรียนไม่จบมหาลัยตั้งแต่แรก เธอมันกตัญญูเสียจริงที่โกหกพ่อฉันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนั้น”
เซิ่งอั้นเหยาพูดถึงเรื่องแย่ ๆ ในอดีต และเซิ่งอั้นหรานก็กำหมัด
“แล้วการที่ฉันไม่ไปเรียนและคอยหลอกผู้ชายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรอกเหรอ? พอไม่มีฉันแถมยังได้มรดกตระกูลเซิ่ง คืนนั้นเธอกับแม่เธอคงตื่นมายิ้มแป้นเลยสินะ?”
เซิ่งอั้นเหยาหน้าซีด
“อย่ามาใส่ร้ายกันนะ”
“ฉันใส่ร้ายหรือไม่เธอก็รู้ดีเต็มอก” เซิ่งอั้นหรานเตือนด้วยใบหน้าเย็นชา
“มันเป็นเรื่องของฉันว่าฉันจะกลับมาหรือไม่ .ในเมื่อฉันไม่ได้เกิดในท้องแม่เธอ ก็อย่ามาทำตัวเป็นพี่สาวต่อหน้าฉันและต่อว่าฉัน ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สามารถรังแกฉันได้แค่เพราะแม่ของเธอ จำใส่หัวเอาไว้”
ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนคำด่า
ใบหน้าของเซิ่งอั้นเหยาขาวซีดจนแทบไร้สี” แกว่าใครนะ? แก…”
“หมาที่ดีไม่ควรยืนขวางทางคน”
เซิ่งอั้นหรานเดินกระแทกเซิ่งอั้นเหยาที่ยืนขวางทางออกไป
“เซิ่งอั้นหราน ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าแน่จริงก็อย่ากลับไปบ้านให้ฉันเห็นหน้าแล้วกัน”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด