ยัยน่ารักนักสะสมของแถม – ตอนที่ 47 คิดไปเอง
ยัยน่ารักนักสะสมของแถม
ตอนที่ 47 คิดไปเอง
“แม่ ไปกัน”
เซิ่งอั้นหรานได้สติ มองหลังรถที่หายไปตรงประตูชุมชนและกระแอมอย่างอายๆ
ระหว่างทางกลับ เซิ่งเสี่ยวชิงจับมือเซิ่งอั้นหรานและมองเธอ
“แม่ ตะกี้นี้แม่ทําให้หนูตกใจ!”
“ตกใจอะไร แม่เนี่ยนะ?” เซิ่งอั้นหรานปฏิเสธ
“ก็แม่เล่นจ้องลุงอวี่อยู่นานโดยไม่ขยับ หนูรู้สึกอายแทนแม่เลย!”
“เซิ่งเสี่ยวซิง!”
ใบหน้าของเซิ่งอั้นหรานแดง… เธอพูดไม่ออกไปสักพัก
ตอนเธอออกจากลิฟต์ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เซิ่งเสี่ยวซิงทําได้ และคว้าคอเสื้อลูกน้อยของเธอ
“แม่ยังไม่คิดบัญชีกับลูกเลยนะ ใครบอกให้ลูกเชิญคนอื่นมาบ้านง่ายๆแบบนี้? ลูกถามแม่หรือยัง?”
เซิ่งเสี่ยวชิงดิ้น
“แม่ ปล่อยหนูนะ นี่เป็นการแลกเปลี่ยนน้ําใจไงแม่ อาจารย์สอนหนูมา”
เธอไม่สนเรื่องมารยาทการตอบแทนคืนที่อาจารย์สอน เช้าวันจันทร์หลังโรงเรียนอนุบาลเลิก เซิ่งอั้นหรานพบกับอวี่หนานเฉิงที่ประตู ซึ่งกําลังเตรียมกลับ
“ฉันจะไปส่งเธอ”
รถสีดําจอดอยู่ใต้ต้นไม้แก่ไม่โดดเด่นข้างทาง เซิ่งอั้นหรานเห็นเดินไปมาข้างถนนและไม่สามารถเรียกแท็กซี่ได้ แถมเวลานี้ รถไฟใต้ดินยังเบียดมาก เธอจึงตกลง
หลังมาถึงประตูชุมชน เธอก็พูดอย่างสุภาพ
“ขอโทษที่ทําให้ลําบากค่ะ ประธานอวี่ ถ้าคุณไม่ยุ่ง ฉันขอเลี้ยงข้าวเย็นคุณนะคะ”
นี่เป็นการพูดตามมารยาท และเธอก็แสดงมันออกมาชัดๆ กลัวว่าอวี่หนานเฉิงจะไม่เข้าใจ
แต่น่าเสียดาย บางคนสามารถแสร้งทําเป็นไม่เข้าใจได้ตอนอยากทํา
“ฉันไม่ยุ่ง” เสียงของอวี่หนานเฉิงดังก้องในหูเธอ” จิงซีบอกพอดีว่าอยากกินอาหารฝีมือเธอ และเขาก็คงกินได้ไม่เยอะถ้ากลับไปกินที่บ้าน”
พอพูด เขาก็ออกจากรถ
เซิ่งอั้นหรานลอบตีปากตัวเอง
เธอจะตายหรือไงถ้าไม่พูดตามมารยาท?
เธอเสียใจ และหลังพาอวี่หนานเฉิงกับอวี่จิงซีเข้าบ้านเซิ่งอั้นหรานก็เตรียมโต๊ะกินข้าวอย่างพิถีพิถัน เธอใช้วัตถุดิบแช่เย็น วัตถุดิบถือว่าหาได้ทั่วไป และมันก็ดีกว่าการทําเอง
“บ้านฉันเล็กไปหน่อย หวังว่าคงไม่ลําบากนะคะ”
“ดีกว่าที่ฉันคิด แค่นี้ก็ดีแล้ว มานั่งกินกัน” อวี่หนานเฉิงคีบผักให้เด็กสองคนอย่างสบายๆ ราวกับเขากําลังอยู่บ้านตัวเอง
เซิ่งอั้นหรานฟังคําพูดเขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ และหลังถอดผ้ากันเปื้อน เธอก็นั่งลงตรงข้ามเขา
บรรยากาศน่าอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงหาเรื่องคุย
“ฉันได้ยินผู้ช่วยโจวพูดในตอนบ่ายว่าคุณมักมีนัดกินข้าวตอนเย็น”
“ใช่”
“ที่จินตาน”
“ไม่ใช่วันนี้”
“อ๋อค่ะ”
หลังพูดกันสั้นๆพอหอมปากหอมคอ เซิ่งอั้นหรานก็ตัดสินใจหุบปาก ไม่มองหาเรื่องคุยอีก อวี่หนานเฉิงเป็นคนที่ไม่ควรชวนคุยด้วยเลย
การหาเรื่องคุยนะง่าย แต่การเอามาพูดไม่ง่ายเลย
หลังไม่พูดกัน มันจึงเงียบไปสักพัก พอเซิ่งเสียวซิงกินเสร็จ เธอก็เริ่มกระซิบถึงเรื่องที่เกิดในโรงเรียน อวี่หนานเฉิงสนใจและถามหลายคําถาม อวี่จิงซีเองก็พยักหน้าหรือส่ายหัวตามด้วย
บรรยากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้น
หลังมื้ออาหาร อวี่หนานเฉิงคุยกับเด็กสองคนในห้องนั่งเล่น เซิ่งอั้นหรานล้างจานในครัว มันเกือบสามทุ่มแล้วตอนเธอล้างจานเสร็จและเดินออกมา
“มันดึกแล้ว ฉันจะพาจิงซีกลับล่ะ” อวี่หนานเฉิงลุกขึ้นจากโซฟาและกล่าวอําลา
เซิ่งอั้นหรานผงะไปชั่วขณะ คําพูดชวนให้กลับที่เธอเตรียมไว้ในหัวไม่ต้องใช้อีก แถมมันยังทําให้เธอรู้สึกหน้าชาอีกด้วย ไม่วาย เธอยังติดพูดตามมารยาทตอนไปส่งเขาที่ประตู
“คือ วันนี้ฉันรีบ เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับเลย ไว้วันหลังมาใหม่นะคะ”
อวี่หนานเฉิงจับมืออวี่จิงซีและพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย”
“อืม”
หัวใจเซิ่งอั้นหรานกระตุก ทําไมเธอถึงรู้สึกว่าอวี่หนานเฉิงจะยังไม่เข้าใจว่าเธอพูดไปตามมารยาทเฉยๆ? เขาคงไม่ได้เก็บกลับไปคิดจริงจังอีกหรอกใช่ไหม?
วันต่อมา รถสีดํามาจอดใต้ต้นไม้แก่ที่ทางเข้าโรงเรียนอนุ บาลอีกครั้ง และก็แวะหยุดกินข้าวเย็น
หนึ่งวัน สองวัน และสามวัน อวี่หนานเฉิงพาลูกชายเขามาที่บ้านเธอเพื่อกินข้าวเย็นสามวันติด เซิ่งอั้นหรานรู้สึกว่า มันเริ่มไม่เหมาะสม ในวันพฤหัส เธอจึงจงใจพาเซิ่งเสี่ยวซิงเลี่ยงต้นไม้แก่ต้นนั้นและใช้รถไฟใต้ดิน
แน่นอน อวี่หนานเฉิงจึงไม่ได้มาร่วมมื้อเย็นด้วย
กับข้าวสองจานกับซุบหนึ่งถ้วยวางอยู่ตรงหน้าเซิ่งเสี่ยวซิง”
“อร่อยจังเลย”
เซิ่งเสี่ยวซิงทําตัวเหมือนปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเพราะอวี่จิงซีกับอวี่หนานเฉิงไม่ได้มา ตรงกันข้าม เซิ่งอั้นหรานกลับรู้สึกอ้างว้างในหัวใจ
พอไม่มีคนสองคนที่แทบปิดปากสนิทนั่งตรงข้าม ทําไมเธอถึงรู้สึกว่าบ้านเงียบกว่าเดิม? พวกเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรมากตอนอยู่ที่นี่
วันต่อมา หลังเลิกเรียน
เซิ่งอั้นหรานไปรับตัวเซิ่งเสี่ยวซิงและเดินไปใต้ต้นไม้แก่อย่างลังเล แต่โทรศัพท์กลับดัง
มันเป็นสายจากอวี่หนานเฉิง
“ประธานอวี่?”
“เธอไปรับลูกหรือยัง?” เสียงอีกปลายสายทั้งสงบและทรงอํานาจ
“มาแล้วค่ะ”
“งั้นพาจิงซีกลับไปด้วย ฉันมีธุระที่บริษัท”
“หือ?” เซิ่งอั้นหรานตกตะลึงไปชั่วขณะและเผลอหันหัวไป มองทางจุดรอรับเด็กโดยไม่รู้ตัว และเห็นอวี่จิงซี่ยืนอยู่ตรงกลาง กําลังชะเง้อคอมองหาเธออย่างท้อแท้ เธอไม่รู้ว่าจิงซีรอเธอนานแค่ไหนแล้ว เขาถึงได้มีเหงื่อชุมตัวแบบนั้น
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ”
“ขอบใจมาก ฉันจะไปรับเขาทีหลัง”
“ดีเลยค่ะ”
พออธิบายสถานการณ์ให้อาจารย์ฟัง เธอก็ไปรับตัวอวี่จิงซีขึ้นรถใต้ต้นไม้ต้นเดิม และพ่อบ้านของอวี่หนานเฉิงก็ไปส่งพวกเธอกลับอพาร์ทเมนท์
ระหว่างทาง พ่อบ้านยิ้มและมองกระจกหลัง
“คุณเซิ่ง คุณไม่รู้ว่าคนใช้ที่บ้านขอบคุณคุณมากแค่ไหน”
“เรื่องอะไรคะ?” เซิ่งอั้นหรานไม่รู้
“แต่ก่อนนายน้อยมักไม่ยอมกิน แถมยังโมโหใส่คนใช้ไม่รู้กี่ครั้ง แต่ตอนนี้คุณชายมักพานายน้อยไปหาคุณ ทุกคนจึงโล่งใจ เมื่อวานพ่อครัวที่บ้านยังขอให้ผมช่วยขอให้คุณสอนเขาทําอาหาร
เซิ่งอั้นหรานผงะ” เขาพาจิงซีมาหาฉัน เพราะจิงซีไม่ค่อยกินข้าวที่บ้านเหรอคะ?”
“ใช่แล้วครับ”
พ่อบ้านแสดงความสงสัย” ไม่งั้นคุณเซิ่งคิดว่าจะเป็นเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“คือ ฉันคิดมากไปหน่อยนะคะ”
เซิ่งอั้นหรานรีบเปลี่ยนคําพูด แต่หัวใจเธอยังซับซ้อน
พอคิดถึงวันเสาร์ที่แล้วที่อวี่หนานเฉิงบอกว่าเขาอยากให้เธอเป็นพี่เลี้ยงของจิงซีในบ้านเขาแต่เธอปฏิเสธ มันก็สมเหตุสมผลที่ประธานอวี่หนานเฉิงจะมาบ้านเธอเพื่อให้เธอดูแลจิงซี
เขาแค่อยากให้ลูกเขาได้กินข้าว ฉันนี่มันหลงตัวเองจริงๆ! โชคดี เธอไม่ได้แสดงชัดเกินไป ไม่งั้นมันคงน่าอาย
ตอนเย็น อวี่หนานเฉิงมารับตัวจิงซี และตอนเขากลับ เซิ่งอั้นหรานก็ไปส่งเขาที่ประตูและพูดอย่างจริงจัง
“ประธานอวี่ ถ้าคุณอยากพาจิงซีมากินข้าวเย็นในอนาคต คุณสามารถมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
อวี่หนานเฉิงยังดูสงบเช่นเคย เขาพยักหน้า
“อืม”
พอออกชุมชน อวี่จิงซีก็หลับสนิททันทีบนรถ
พ่อบ้านจับพวงมาลัย เหลือบมองกระจกหลังและพูดด้วย เสียงต่ําเหมือนพวกหัวขโมย
“คุณชาย ผมทําตามคําสั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ”
คอมเม้นต์