เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 342 หลินเจิ้นหนานตกตะลึง

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 342 หลินเจิ้นหนานตกตะลึง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 342 หลินเจิ้นหนานตกตะลึง

เยว่เว่ยหยางหันหน้ามองกลับไปด้านหลัง

นางได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

ถ้าไม่ใช่หลินเป่ยเฉินแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก?

รอยยิ้มที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักบวชสาวทันที

นางแค่อยากถามว่าในที่สุดเขาก็กลับมาแล้วหรือ

หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อยและส่ายศีรษะ ก่อนจะยกมือขึ้นดีดนิ้ว

แล้ววงแหวนวารีก็ลอยออกไปดับกองไฟในพริบตา

ฉู่เหินและคนอื่นๆ ที่ถูกจับมัดอยู่กับเสาไม้รู้สึกได้ว่าความร้อนทั้งมวลสลายหายไปแล้ว พวกเขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อหันไปมองตามทิศทางการลอยของวงแหวนวารี ฉู่เหินก็ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

เยว่หงเซียงแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจสุดขีดเมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน

ไม่กี่อึดใจต่อมา เด็กสาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้และรีบตะโกนเสียงดัง “พี่หลิน รีบหนีไปซะ… ท่านต้องรีบหนีไป…”

ณ พื้นที่ปกครองพิเศษของชาวทะเล

บนเกาะกลางทะเลสาบ

มี่หรู่หยานเบิกตาโตมองการปรากฏตัวของหลินเป่ยเฉินในการถ่ายทอดสดที่วิหารเทพกระบี่ด้วยความไม่อยากเชื่อ

“นี่เขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินหายตัวไปได้หนึ่งวันแล้ว

มี่หรู่หยานเฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดตลอดเวลา ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาลงพักผ่อน

นางเป็นห่วงครอบครัวของตนเอง

แล้วก็เป็นห่วงหลินเป่ยเฉิน

ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารับปากกับเขาเอาไว้ ป่านนี้มี่หรู่หยานคงจะต้องออกไปข้างนอกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางมีความเชื่อมั่นในตัวของหลินเป่ยเฉินหมดหัวใจ มี่หรู่หยานก็คงไม่มีทางยอมอยู่ที่นี่เฉยๆ เด็ดขาด…

แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนางได้เป็นอย่างดี

เขาเดินทางไปช่วยเหลือสมาชิกครอบครัวตระกูลมี่ของนางที่จะต้องถูกประหารในเช้าวันนี้

ถึงมี่หรู่หยานจะไม่รู้ว่าหลินเป่ยเฉินไปทำอะไรมา

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไป

สิ่งที่เกิดขึ้นในจัตุรัสวิหารเทพกระบี่ก่อนหน้านี้ทำให้เด็กสาวรู้สึกหมดหวัง ยิ่งตอนที่แผ่นยันต์กระบี่โค้งมังกรบินปรากฏออกมา มี่หรู่หยานยิ่งคิดว่าโลกนี้คงจบสิ้นลงแล้ว

แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ แสงสว่างแห่งความหวังในหัวใจของมี่หรู่หยานก็เริ่มกลับมาฉายแสงอีกครั้ง แต่มันก็เป็นเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะดูจากสถานการณ์ ณ ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีกแล้ว

เขากำลังจะต้องตาย

นั่นคือความคิดที่ปรากฏขึ้นในจิตใจของมี่หรู่หยาน

ความหวังทั้งหมดหายวับไปอีกครั้ง

มี่หรู่หยานไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีก นางวิ่งออกไปจากห้องพัก

แต่แล้วชาวทะเลสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทางเด็กสาวเอาไว้

“เฒ่าทะเลมีคำสั่ง ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหนูจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด” ชาวทะเลร่างกายกำยำที่มีซี่เหงือกอยู่บนแก้มพูด

“ข้าอยากเจอท่านเฒ่าทะเล” มี่หรู่หยานแผดเสียง

ชาวทะเลร่างกำยำตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ผู้อาวุโสออกไปแล้ว”

ในเวลาเดียวกันนี้ห่างออกไปเกือบสิบลี้ บนท้องฟ้าร่างของเฒ่าทะเลกำลังพุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งของวิหารเทพกระบี่ด้วยความเร็วแสง

“เจ้าเด็กนั่นเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรนะ?”

ชายชราโกรธแค้นจนหนวดเคราพริ้วไหว

อู๋ซางหยานเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

หลินเป่ยเฉินอย่างนั้นหรือ?

แต่จะเป็นหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร?

ก็ในเมื่อหัวของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในกล่องเก็บหลักฐานของเขาตลอดเวลา

องครักษ์หนุ่มหันไปมองหน้าถังกู่จินโดยไม่รู้ตัว

ผู้ตรวจการมณฑลมีสีหน้าตกตะลึงยิ่งกว่าเขาเสียอีก

แล้วศีรษะของหลินเป่ยเฉินทั้งสองคนก่อนหน้านี้ล่ะ?

ตกลงว่าเด็กหนุ่มที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าบัดนี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่?

ในหัวใจของถังกู่จินเกิดความรู้สึกอัปมงคลขึ้นมาอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขากระตุกระริก ความรู้สึกเดือดดาลท่วมท้น

นั่นเป็นความรู้สึกเดียวกับไป๋ไห่ชิน

วงแหวนวารีสามารถดับเปลวไฟได้ในพริบตาเดียว แต่พลังวิเศษเช่นนี้กลับทำให้หัวใจของไป๋ไห่ชินกระตุกวูบได้เนิ่นนาน

ชายชรารู้สึกได้ถึงสิ่งที่ตนเองไม่เคยพบเจอมาก่อน

นี่คือพลังวิเศษที่ไม่ใช่มือกระบี่ทุกคนจะมีได้

แล้วพลังเช่นนี้ปรากฏในตัวของหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร?

หนังหัวของไป๋ไห่ชินชายิบ

“อะไรกันขอรับทุกท่าน? ไม่เจอหน้ากันเพียงวันเดียว ลืมกันเสียแล้วหรือ?” หลินเป่ยเฉินเดินแหวกผู้คนก้าวออกมาข้างหน้าอย่างแช่มช้า

ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้ม

แต่ในส่วนลึกของดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้น

“เจ้าเป็นใคร?” หลินเจิ้นหนานเป็นคนแรกที่สลัดความมึนงงออกไปได้ ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหลินคนปัจจุบันส่งเสียงตะโกนเหมือนคนเสียสติ “เจ้าไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน… ทำไมต้องปลอมตัวเป็นเขาด้วย หลินเป่ยเฉินตัวจริงถูกหลินอี้บุตรชายของข้าตัดหัวทิ้งไปแล้ว และหัวของเขาก็ยังอยู่ในมือของใต้เท้าถังกู่จิน เจ้าปลอมตัวเป็นเขา… ต้องการสิ่งใดกันแน่?”

“หลินอี้อย่างนั้นหรือ?” หลินเป่ยเฉินแสยะยิ้ม “ถ้าไม่บอกก็ลืมไปเลยนะเนี่ย”

เด็กหนุ่มเสแสร้งแกล้งยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตนเอง แต่ดวงตาของเขาจ้องมองอยู่ที่ถังกู่จินตลอดเวลา “เช้าวันนี้ ข้านี่แหละเป็นคนตัดหัวหลินอี้ และนำหัวของเขามาส่งมอบให้แก่ใต้เท้าถัง ขณะนั้นใต้เท้าถังดีใจมากจนถึงกับออกปากว่าจะรับข้าเป็นบุตรบุญธรรม มิหนำซ้ำ ยังมอบเงินค่าหัวอีกกว่า 100,000 เหรียญทองคำมาให้อีก ไม่ว่าข้าพยายามปฏิเสธอย่างไรเขาก็ไม่ยอม จนสุดท้ายข้าก็ต้องรับเงินเอาไว้อย่างเสียไม่ได้!”

หลินเจิ้นหนานตะลึงลาน

“เจ้าโกหก”

ดูเหมือนเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่แล้วความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลินเจิ้นหนานต้องยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า

ถังกู่จินพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเป่ยเฉิน ความตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างห้ามไม่ได้

ในเวลาเดียวกันนี้ อู๋ซางหยานรีบนำกล่องเก็บหลักฐานออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ

องครักษ์อู๋เคยผ่านการฆ่าฟันผู้คนมานับร้อยนับพัน กระบี่ในมือเขาไม่เคยสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว แต่บัดนี้ เพียงถือกล่องเก็บหลักฐานขนาดเล็กใบหนึ่ง มือของเขาก็อดสั่นไม่ได้แล้ว

“เปิดกล่องซะ”

ถังกู่จินออกคำสั่งเสียงดัง

เขาไม่เชื่อเด็ดขาด

เขาไม่เชื่อว่าหัวคนหัวนั้นจะมีปัญหา

มันเป็นหัวที่ได้รับการตรวจสอบหลายสิบเที่ยว แม้แต่ผู้คนที่เคยรู้จักมักคุ้นหลินเป่ยเฉินก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่ใช่ของปลอม

ถังกู่จินเป็นคนตรวจสอบหัวของหลินเป่ยเฉินในกล่องเก็บหลักฐานด้วยตนเอง

แล้วมันจะเป็นของปลอมไปได้อย่างไร?

อู๋ซางหยานกัดฟันกรอด ดวงตาเบิกโตด้วยความระทึก ก่อนที่เขาจะเปิดฝากล่องในที่สุด

แล้วองครักษ์หนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ

ตุบ

กล่องเก็บหลักฐานตกลงไปบนพื้น

หัวคนที่อยู่ด้านในกลิ้งออกมา

ทุกคนเห็นใบหน้าของหัวนั้นอย่างชัดเจน

ไม่ใช่ใบหน้าของหลินอี้ แล้วจะเป็นใบหน้าของใครได้อีก?

อู๋ซางหยานมีสีหน้าหวาดกลัวเหมือนเห็นผี

ถังกู่จินใบหน้ากระตุกด้วยความตกตะลึง

นี่คือเรื่องที่เหนือจริงที่สุด

ก็ตอนที่นำหัวคนใส่เข้าไปในกล่องเก็บหลักฐาน มันเป็นหัวของหลินเป่ยเฉินชัดๆ เหตุไฉนถึงได้กลับกลายเป็นหัวของหลินอี้ไปเสียแล้ว?

“ไม่นะ…” หลินเจิ้นหนานร้องครวญครางในลำคอเมื่อรับรู้ว่าบุตรชายของตนเองตายแล้ว เขาวิ่งเข้าไปหยิบศีรษะของหลินอี้ขึ้นมากอดในอ้อมแขนด้วยความไม่อยากเชื่อ “ลูกพ่อ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ เจ้าต้องตายอย่างน่าอนาถเหลือเกิน…”

หลินเจิ้นหนานร่ำร้องด้วยความขมขื่น

แต่เสียงร้องไห้ของเขาเมื่อเข้าหูกลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากพวกเขาจะไม่รู้สึกเศร้าใจแล้ว ทุกคนต่างก็คิดว่านี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะตอนนั้น พวกเขาเห็นกับตาว่าหัวคนมัน…

หลินเจิ้นหนานร้องไห้อย่างเสียสติ

ชาวเมืองที่มารวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัสล้วนพากันงุนงง

พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่ดูเหมือนกลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบของใต้เท้าถังจะทำความผิดพลาดใหญ่หลวงกระมัง?

วูบ! วูบ! วูบ!

หลินเป่ยเฉินพลันยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

แล้ววงแหวนวารีก็ลอยออกไปในอากาศอีกครั้ง

คราวนี้มันลอยไปครอบคลุมร่างกายของบรรดาผู้ที่บาดเจ็บจากปีกกระบี่ของเยว่เว่ยหยาง เมื่อพวกเขาสัมผัสกับวงแหวนวารี ความเจ็บปวดก็สลายหายไป และเมื่อผู้บาดเจ็บก้มมองบาดแผลบนร่างกาย พวกเขาก็เห็นกับตาว่าบาดแผลเหล่านั้นได้สมานตนเองอย่างรวดเร็วแล้ว…

“ปลอดภัยแล้ว…”

“ข้าไม่เจ็บปวดอีกแล้ว”

“ปาฏิหาริย์! นี่คือปาฏิหาริย์”

บรรดาผู้บาดเจ็บร้องอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

ชาวเมืองที่อยู่โดยรอบชะงักไปทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น

หลายคนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ผู้ที่เป็นสาวกปีศาจสนใจการช่วยชีวิตผู้อื่นด้วยหรือ?

Related

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด