เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 863 นี่ท่านกำลังสอนข้าอยู่หรือ?

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 863 นี่ท่านกำลังสอนข้าอยู่หรือ? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 863 นี่ท่านกำลังสอนข้าอยู่หรือ?

“นี่ท่านกำลังสอนข้าอยู่หรือ?”

หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองขันทีร่างผอมสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงไม่สุภาพแม้แต่น้อย

“แล้วเจ้าจะทำไม?”

ขันทีหนุ่มแผดเสียงราวกับสุนัขถูกเหยียบหาง “ข้าคือเจ้าหน้าที่จากกรมกองความมั่นคงประจำเมืองเป่ยไห่ มีนามว่าเซี่ยซือเหริน ข้ามาที่นี่เพื่อบอกว่าเจ้าได้ก่อปัญหากับจักรวรรดิจี้กวงขึ้นมาแล้ว เจ้าฆ่าคนของสถานทูตไปมากมาย อีกทั้งยังทำให้หัวหน้ากลุ่มองครักษ์ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลกระทบจากเรื่องนี้ช่างใหญ่หลวงนัก พวกเราถูกกดดันไม่ใช่น้อย องค์จักรพรรดิก็ทรงกริ้วเจ้ามากทีเดียว เจ้า…”

เพี๊ยะ!

หลินเป่ยเฉินสะบัดข้อมือตบหน้าฝ่ายตรงข้ามเต็มแรง

มือปราบหนุ่มที่ตอนแรกหลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าเป็นขันทีหมุนคว้าง 360 องศาลอยกระเด็นออกไป

“ตกลงพวกท่านจะมาจับกุมข้าใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินรับผ้าเช็ดหน้าสีขาวจากเฉียนเหมยนำมาเช็ดมือของตนเองที่สกปรกเพราะตบหน้าเซี่ยซือเหรินเมื่อสักครู่ “ถ้าคิดว่าตนเองมีความสามารถก็เข้ามา”

ในห้องโถงใหญ่ขณะนี้ปกคลุมด้วยความเงียบ

เจ้าหน้าที่หลายนายไม่กล้ารีบร้อน

ตอนที่เห็นท่านองครักษ์เซี่ยลอยกระเด็นออกไป พวกเขาก็ต้องลอบอุทานอยู่ในใจ

บางคนรีบวิ่งไปดูอาการของมือปราบเซี่ย

บางคนทำท่าจะก้าวออกมาเพื่อจับกุมตัวหลินเป่ยเฉิน…

“หยุดก่อน”

ขันทีชราผู้สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มรีบตะโกนออกคำสั่งทันที

ดูเหมือนเขาจะมีอำนาจไม่ใช่น้อย เพราะกลุ่มมือปราบเหล่านั้นหยุดชะงักตามคำสั่งโดยไม่ลังเล

“ท่านผู้เฒ่าจาง เด็กน้อยผู้นี้กำเริบเสิบสานมากเกินไป ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ…”

“การทำร้ายเจ้าหน้าที่ของวังหลวงถือว่าให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด”

กลุ่มมือปราบซึ่งน่าจะเป็นผู้ติดตามของเซี่ยซือเหริน บัดนี้ต่างก็มีสีหน้า ‘ยอมรับไม่ได้’ อย่างชัดเจน

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

ชายชราหัวเราะเยาะอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “ข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ ขนาดมือปราบเซี่ยยังถูกตบกระเด็นไปถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าตนเองสามารถเป็นคู่ต่อกรของคุณชายหลินได้จริงหรือ?”

กลุ่มมือปราบถึงกับสะดุ้งโหยง

นี่คือคำถามที่ดูถูกกันอย่างซึ่งหน้า

ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะดูไม่ออก

ถึงแม้จะไม่ใช่คู่ต่อกร แต่อย่างน้อยก็สมควรทำตัวให้แข็งแกร่ง

เพราะนี่คือเรื่องที่มือปราบแห่งนครหลวงไม่อาจยอมรับได้เด็ดขาด

เมื่อหัวหน้าของพวกเขาถูกทำร้าย แล้วจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร?

“พวกเจ้าออกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะคุยกับคุณชายหลินเอง”

ขันทีชรายกมือโบกสะบัดด้วยอารามไม่รีบร้อน

กลุ่มมือปราบถอยกายกลับไป

ชายชราหันมามองหน้าขันทีหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายและกล่าวว่า “เจ้าก็ออกไปด้วย”

“ขอรับ”

ขันทีหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง

หลังจากนั้น ขันทีชราจึงได้หันหน้ามาส่งยิ้มให้แก่พวกของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง

“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา”

หลินเป่ยเฉินยกขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะและกล่าวต่ออย่างสบายอารมณ์ว่า “ข้าเป็นคนไม่มากพิธีอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องเสียเวลาพูดจาอ้อมค้อมก็ได้ มีอะไรก็บอกกล่าวกันมาตามตรง”

บัดนี้ เฉียนเหมยกับเฉียนเจินแยกย้ายกันนวดไหล่และนวดขาให้คุณชายหลิน เห็นได้ชัดว่าทักษะการนวดของพวกนางอยู่ในระดับสูง

ดวงตาของขันทีชราเป็นประกายวาวโรจน์

เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้… ช่างโอหังเสียจริง

กวาดตาดูทั่วนครหลวง หลินเป่ยเฉินเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่กล้าพูดเช่นนี้กับขันทีจาง

แต่ขันทีเฒ่าก็ทำอะไรไม่ได้

ก็ใครใช้ให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้มีพลังระดับเซียนกันล่ะ

นี่คือข่าวที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นล่วงรู้

“ผู้เฒ่าจางเชียนเชียนคารวะคุณชายหลิน”

ขันทีชราประสานมือคำนับเด็กหนุ่มด้วยความนอบน้อม

จากนั้นจึงได้กล่าวประโยคที่สองว่า “พวกของมือปราบเซี่ยไม่รู้ว่าคุณชายเป็นผู้มีพลังระดับเซียนขอรับ”

“ก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับน้ำเสียงยานคาง “เพราะคงไม่มีมือปราบชั้นปลายแถวคนไหนโง่พอที่จะมามีปัญหากับผู้มีพลังระดับเซียนหรอก”

ขันทีชราจางเชียนเชียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก

นี่ดูถูกกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ที่สำคัญก็คือเซี่ยซือเหรินไม่ใช่มือปราบชั้นปลายแถวสักหน่อย

เขาคือหนึ่งในหกมือปราบคนสำคัญของกรมกองรักษาความมั่นคงประจำนครหลวง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมือกระบี่ระดับสูงของจักรวรรดิเป่ยไห่

แต่แน่นอนว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังระดับเซียน ฝีมือก็ยังคงห่างชั้นกันมากเกินไป

“ฝ่าบาททรงรับสั่งไม่ให้เปิดเผยเรื่องที่คุณชายหลินมีพลังระดับเซียนให้ผู้ใดล่วงรู้ขอรับ เพราะฉะนั้น ในนครหลวงของเราจึงมีคนรู้เรื่องนี้น้อยมาก”

ขันทีชราจางเชียนเชียนอธิบายต่อไป

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับอย่างปวดหัว

ทำไมถึงต้องคอยปิดข่าวเรื่องเขาอยู่ร่ำไปด้วยนะ?

ก่อนหน้านี้ ทางวังหลวงสั่งให้ปิดข่าวเรื่องที่หลินเป่ยเฉินแสดงฝีมือในการทำพิธีตรวจสอบวิหารที่เมืองหยุนเมิ่งก็นับว่าน่าเจ็บใจมากพอแล้ว

ตอนนี้พอเขาเลื่อนระดับขึ้นสู่ขอบเขตพลังขั้นเซียน ทางวังหลวงก็มีคำสั่งให้ปิดข่าวให้ได้มากที่สุดอีก

นี่กะจะไม่ให้ได้เฉิดฉายกันเลยหรืออย่างไร?

เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจของหลินเป่ยเฉิน ขันทีชราจางเชียนเชียนก็รีบอธิบายด้วยความร้อนรน “ฝ่าบาททรงเข้าใจดีว่าคุณชายหลินมีความสามารถมากมาย และก็สมควรที่ผู้คนจะได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของคุณชาย…”

หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย ชายชราก็พูดต่อ “แต่การปิดข่าวของคุณชายในครั้งนี้ เป็นผลสรุปจากการประชุมร่วมของกลุ่มขุนนางและกลุ่มทหาร ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าสมควรเก็บเรื่องของคุณชายเป็นความลับ เพื่อที่ในช่วงเวลาวิกฤต คุณชายหลินจะได้ออกไปจัดการศัตรูโดยไม่ทันให้พวกมันได้ตั้งตัว วอนคุณชายหลินได้โปรดเข้าใจด้วยเถิด”

หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองชายชราและถามว่า “ท่านคงเป็นขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิสินะ?”

ขันทีชราจางเชียนเชียนยิ้มออกมาเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “ไม่มีขันทีคนไหนในท้องพระโรงจะยิ่งใหญ่ไปกว่าข้าอีกแล้วขอรับ”

ขนาดนั้นเลยเชียว?

เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ

จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ?

แต่เมื่อดูสีหน้าท่าทางของขันทีชรา ก็น่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงส่งจริงๆ

หรือว่าจะเป็นคนสนิทขององค์จักรพรรดิจริงๆ แฮะ?

เอาไงดีละเนี่ย

“พูดจาวกวนอยู่ได้ สรุปว่าท่านมาที่นี่เพราะอะไรกันแน่?” หลินเป่ยเฉินรีบชักขากลับลงมาจากโต๊ะและปรับท่านั่งให้สุภาพเรียบร้อยมากขึ้น “หากคิดจะมาขอให้ข้าไปขอโทษจักรวรรดิจี้กวง บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นไปไม่ได้”

พูดจาวกวนอย่างนั้นหรือ?

ขันทีชราจางเชียนเชียนหยุดชะงักด้วยความมึนงง

“หามิได้ขอรับคุณชาย… ข้าไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้น” ชายชราอธิบายด้วยความอดทน “อันที่จริง พวกของมือปราบเซี่ยมาที่นี่ก็เพื่อแสดงอำนาจข่มขู่คุณชายหลินให้หวาดกลัว เพราะเขาไม่พอใจที่คุณชายหลินไปก่อเรื่องในสถานทูตจักรวรรดิจี้กวง”

“บัดนี้ ข่าวนั้นแพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่ นายทหารมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า เรื่องเล่าของกู่เทียนเล่อผู้กล้าหาญได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างปากต่อปาก และมีความโด่งดังมากทั้งในสำนักศึกษาและในหอนางโลม เรียกได้ว่าชื่อปลอมของคุณชายหลินในขณะนี้มีชื่อเสียงมาแรงแซงหน้ามือปราบทุกคนในนครหลวง และมีหญิงสาวมากมายพร้อมที่จะพลีกาย…”

“พอได้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร คิดว่าข้าเป็นคนที่ลุ่มหลงในสตรีอย่างนั้นหรือ?”

ขันทีชราจางเชียนเชียนสะดุ้งเฮือกและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่หลินเป่ยเฉินก็ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะและหันไปสั่งสองสาวรับใช้ว่า “เฉียนเหมย เฉียนเจิน เจ้าสองคนออกไปก่อน ข้ากับท่านผู้อาวุโสจางคงมีเรื่องที่ต้องปรับความเข้าใจกันสักหน่อย”

สองสาวรับใช้ลุกขึ้นและเดินออกไป

ขันทีชราจางเชียนเชียนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

เขาได้รับข้อมูลมาว่าถึงแม้หลินเป่ยเฉินจะเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จ แต่เขาก็ยังคงลุ่มหลงในสตรีอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ข่าวที่เขาได้รับมาผิดพลาดอย่างนั้นหรือ?

“ท่านผู้เฒ่าจาง”

หลินเป่ยเฉินมองหน้าชายชรา แววตาจริงจัง “สิ่งที่ท่านพูดเมื่อสักครู่นี้เป็นความจริงหรือไม่?”

“ย่อมเป็นความจริงขอรับ เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษจันไปทั่ว การบุกถล่มสถานทูตในครั้งนี้…”

ขันทีชราจางเชียนเชียนกำลังจะตอบตามความเป็นจริง

“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” เด็กหนุ่มขัดจังหวะด้วยความรำคาญใจ “ข้ารู้ว่ามีคนชื่นชมที่ข้าบุกถล่มสถานทูตของพวกจี้กวง แต่ที่ข้าอยากรู้ก็คือท่านบอกว่ามีหญิงสาวมากมายพร้อมที่จะพลีกายให้กับข้าน่ะ มันเป็นความจริงหรือไม่…”

ขันทีชราจางเชียนเชียนเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

แต่เมื่อหันหน้ามองไปยังทิศทางที่สองสาวรับใช้เดินหายไป ชายชราก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาเล็กน้อย

“ย่อมเป็นความจริงขอรับคุณชาย ในนครหลวงมีหอนางโลมชื่อดังอยู่สี่แห่ง ประกอบไปด้วยหอนางโลมชางชุน หอนางโลมอี้เทียนโหลว หอนางโลมหงเซวียเจา หอนางโลมเจียวฟาง… นางคณิกาในหอนางโลมเหล่านั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ตราบใดที่คุณชายกู่เทียนเล่อแวะเข้าไปหา พวกนางก็จะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยขอรับ…”

ขันทีชราจางเชียนเชียนตอบออกมาตามความจริง

แต่ในใจก็รู้สึกละอายอยู่เล็กน้อย

เพราะจากการประชุมในวังหลวงได้ข้อสรุปว่า นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พวกเขาสามารถนำมาใช้ตลบหลังหลินเป่ยเฉินได้ในภายหลัง

“ถ้าอย่างนั้นให้ปิดข่าวต่อไปก็ได้”

หลินเป่ยเฉินพูดน้ำเสียงเรียบเฉย

อย่างไรก็คงห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ก็เป็นคำสั่งจากวังหลวงนี่นา

อีกอย่าง เดี๋ยวอีกไม่นานทุกคนก็คงรู้ความจริงอยู่ดี

หากเป็นการปกปิดความจริงเกี่ยวกับเรื่องอื่น ประชาชนก็คงถูกปิดหูปิดตาอย่างไม่มีปัญหา

แต่นี่กลับเป็นเรื่องราวที่มีคนใหญ่คนโตมาเกี่ยวข้อง อย่างไรเดี๋ยวความจริงก็คงถูกเปิดเผยไม่ช้าก็เร็ว

เหมือนตอนที่หลินเป่ยเฉินยังเดินทางมาไม่ถึงนครหลวง พวกศัตรูก็รู้แล้วว่าเขามีพลังระดับเซียน จึงได้ส่งชายชราหน้านกเค้าแมวมาลอบสังหาร

ขนาดศัตรูที่อยู่ในจักรวรรดิอื่นยังรู้เรื่องนี้ แล้วคนที่อยู่ในจักรวรรดิเป่ยไห่จะไม่รู้ได้อย่างไร?

“แต่ท่านก็ยังไม่ได้ตอบคำถามข้าอยู่ดีว่ามาที่นี่เพราะเหตุใด” หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นกอดอก “ท่านมาทำอะไรกันแน่? ภารกิจของท่านคือสิ่งใด?”

ขันทีชราจางเชียนเชียนตอบว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อดูแลคุณชายหลินตามพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิขอรับ ขณะนี้องค์จักรพรรดิเก็บตัวฝึกวิชา ไม่สามารถออกมาพบเจอผู้คน แต่พระองค์ก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งให้ข้ามารับใช้คุณชายหลินในการขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีพลังระดับเซียนอย่างเป็นทางการ เพราะเมื่อคุณชายหลินได้ขึ้นทะเบียนและได้รับตำแหน่งจากสมาคมผู้มีพลังระดับเซียนเรียบร้อย มันก็จะส่งผลดีต่อการจัดระดับจักรวรรดิที่กำลังจะเกิดขึ้นขอรับ”

“อ้อ?”

หลินเป่ยเฉินรับคำอย่างใช้ความคิด

จักรวรรดิเป่ยไห่ไม่ได้อยากจะเอาผิดเขาหรอกหรือ?

แม้ว่าทางจักรวรรดิจะขึ้นทะเบียนบิดาและพี่สาวของเขาเป็นนักโทษหลบหนีคดี รวมถึงบุกยึดจวนสกุลหลินแล้วก็ตาม

แต่ปรากฏว่า

องค์จักรพรรดิกลับทำเหมือนหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลนอกสกุลหลิน นอกจากไม่ถือสาหาความแล้ว ยังคอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีอีกด้วย

องค์จักรพรรดิกำลังวางแผนอะไรอยู่?

จะไว้ใจได้หรือเปล่าหว่า?

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 70 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด