เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 1144 ทำไมถึงได้ดีแต่เห่าเช่นนี้?

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 1144 ทำไมถึงได้ดีแต่เห่าเช่นนี้? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 1,144 ทำไมถึงได้ดีแต่เห่าเช่นนี้?

สิ่งที่ถูกฉายออกมาจากตราศิลาศักดิ์สิทธิ์คือภาพการถูกทรมานของชาวเมืองไป๋หยุน

บรรดาผู้ที่ยืนอยู่บนสะพานหินในขณะนี้ ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลที่มือเปื้อนเลือด ในชีวิตของมือกระบี่ผู้หนึ่ง ใครบ้างไม่เคยเห็นผู้คนถูกฆ่าตาย ใครบ้างไม่เคยผ่านเหตุการณ์นองเลือดสะเทือนขวัญวิญญาณผู้คน?

ไม่ว่าจะเป็นความโหดร้ายรูปแบบใด พวกเขาล้วนเคยเห็นมาหมดแล้วทั้งสิ้น

แต่สิ่งที่ถูกฉายออกมาจากตราศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้น กลับทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหว

เพราะมันโหดร้ายมากเกินไป

แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ยังไม่รอด

นี่คือการทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ…

เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่เหล่าผู้เสียชีวิตต้องได้รับก่อนสิ้นใจ ทุกคนก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

พวกเขารู้ดีว่าสาวกปีศาจคือกลุ่มคนผู้ชั่วร้าย แต่ก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าบรรดาครอบครัวของกลุ่มคนเหล่านั้นจะถูกนำตัวมาเข้ารับการทรมานเช่นนี้ด้วย

และในภาพที่ถูกฉายออกมานั้น ผู้ที่ลงมือทรมานผู้คนกลับกลายเป็นผู้ที่สวมใส่ชุดนักบวชสีเหลืองอ่อน บนเสื้อคลุมนั้นประทับด้วยลวดลายป่าเขาลำเนาไพร แม่น้ำและดวงตะวัน

นี่คือสัญลักษณ์บอกว่าคนผู้นั้นเป็นนักบวชจากวิหารเทพพงไพร

ในแผ่นดินตงเต้า ไม่มีใครไม่รู้จักนักบวชจากวิหารเทพพงไพร

ตราบใดที่ไปมีเรื่องกับพวกเขา ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเซียน ต่อให้เป็นนักบวชระดับสูง หรือต่อให้เป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจเรียกลมเรียกฝนได้ สุดท้ายก็ยังต้องพบกับความตาย แม้แต่สมาชิกร่วมตระกูลก็ไม่มีเหลือรอด หากถูกพบว่ากระทำผิดกฎการบัญญัติ ก็จะถูกกลุ่มนักบวชเหล่านี้จับตัวมาลงโทษอย่างโหดร้ายทารุณ…

บัดนี้ เจี๋ยนอู่จีผู้ถือตราศิลาศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงอำนาจที่อยู่ในมือของตนเอง

เขาพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา

เหตุผลที่เจี๋ยนอู่จีฉายภาพเหตุการณ์นี้ออกมา นอกจากจะใช้มันเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าเมืองไป๋หยุนสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเจี๋ยนอู่จีต้องการจะใช้มันข่มขู่เจ้าสำนักทั้งสามที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม

การตั้งตนต่อต้านวิหารเทพพงไพรจะนำมาสู่ผลลัพธ์ที่น่ากลัวเกินคาดคิด

ดูอย่างชาวเมืองไป๋หยุนที่อยู่ในภาพเหตุการณ์นี้เถอะ

เมื่อตกมาอยู่ในเงื้อมมือของนักบวชในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน ก็ไม่มีผู้ใดที่จะหนีรอดความตายได้สำเร็จ และบางคนอาจจะเศร้าเสียใจที่ตนเองถือกำเนิดเกิดมาด้วยซ้ำ

ในแผ่นดินตงเต้า ไม่มีผู้ใดสามารถหนีพ้นอำนาจของวิหารเทพพงไพร

แม้แต่นักบวชระดับสูงของเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้น

หากเปรียบเทียบระบบเทพเจ้าในแผ่นดินตงเต้าเป็นผืนป่าแห่งหนึ่ง ลัทธิเทพพงไพรก็เปรียบเสมือนต้นไม้ที่สูงใหญ่ที่สุดในป่าแห่งนี้ ส่วนลัทธิเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ก็เปรียบเสมือนต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยที่คอยอาศัยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโต ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ต้นไม้เหล่านั้นก็ไม่อาจใหญ่โตเทียบเท่ากับต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่าได้อยู่ดี

ภาพเหตุการณ์จากตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ยังคงดำเนินต่อไป

ต่อมา ยังคงมีมือกระบี่จากเมืองไป๋หยุนปรากฏตัวเข้ามาในภาพเหตุการณ์เรื่อย ๆ

เนื้อหาของการทรมานยังคงเกี่ยวข้องกับเมืองไป๋หยุน

กลุ่มนักบวชจากวิหารเทพพงไพรสามารถรีดข้อมูลมาได้ว่าเมืองไป๋หยุนสมคบคิดกับเผ่าปีศาจจันทราทมิฬ และมี ‘ปีศาจ’ จำนวนหลายตัวที่มาแฝงตัวมาอยู่ในเมืองไป๋หยุน…

ด้วยหลักฐานจากปากคำพยานของผู้ถูกทรมาน จึงเป็นการยืนยันว่าเมืองไป๋หยุนได้ข้องเกี่ยวกับเผ่าปีศาจนอกระบบเทพเจ้าจริง ๆ

เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดแล้ว

“กราบเรียนทุกท่าน เรื่องที่ข้าควรพูด ก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว”

เจี๋ยนอู่จีเก็บตราศิลาศักดิ์สิทธิ์เข้าในอกเสื้ออย่างช้าๆ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบตัวและพูดกระแทกเสียงแข็งกร้าว “วันนี้ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านหัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพพงไพรให้มาจัดการบรรดาปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองไป๋หยุน เรื่องราวนี้ไม่เกี่ยวกับพวกท่านทั้งสามเลย ผู้นำเม่ย ประมุขเจิ้น และท่านเจ้าสำนักฮั่ว พวกท่านถูกเหล่าปีศาจหลอกลวง เรื่องนี้ข้าไม่ถือสา บัดนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัวกลับ ความผิดที่พวกท่านกระทำจะได้รับการละเว้นโทษ มิฉะนั้นแล้ว พวกท่านลองคิดทบทวนดูให้ดีว่าการขัดขืนคำสั่งของวิหารเทพพงไพรนั้นจะนำอะไรมาสู่พวกท่านบ้าง”

อุณหภูมิที่ร้อนระอุอยู่แล้วจากบ่อลาวาด้านล่างยิ่งเพิ่มความร้อนระอุมากขึ้น

คำว่าวิหารเทพพงไพรทำให้หัวใจของทุกคนรู้สึกหนักอึ้ง

โดยเฉพาะผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงซึ่งเป็นเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสาม บัดนี้ พวกเขาต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความตึงเครียด

แต่ทันใดนั้น…

ชิ้ง!

ได้ยินเสียงกระบี่ถูกชักออกจากฝัก

เม่ยฮัวโส่วเจ้าสำนักกระบี่สายฟ้าวายุควงกระบี่ในมือถามน้ำเสียงเรียบเฉย “พูดจบแล้วหรือไม่?”

เจี๋ยนอู่จีถึงกับตกตะลึง

นี่หมายความว่าอย่างไร?

“ในเมื่อคนพูดจบแล้ว ให้กระบี่ได้พูดบ้างดีหรือไม่?”

เม่ยฮัวโส่วยังคงกล่าวต่อไป “หากท่านกล่าวจบแล้ว ได้โปรดชักกระบี่ออกมาเถอะ”

น้ำเสียงแข็งกร้าว

น้ำเสียงเช่นนี้ กิริยาเช่นนี้ สีหน้าเช่นนี้ ทำให้เจี๋ยนอู่จีได้รับทราบแล้วว่าการข่มขู่ของตนเองไม่เป็นผลสำเร็จ

เจี๋ยนอู่จีได้แต่พิศวงว่าตนเองมีค่าเป็นตัวอะไรในสายตาของฝ่ายตรงข้าม?

หรืออีกฝ่ายเห็นว่าตนเองเป็นเพียงตัวตลกผู้หนึ่ง?

เจี๋ยนอู่จีรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังโดนดูถูกอย่างรุนแรง

“ท่าน…”

เจี๋ยนอู่จีเบิกตาโตด้วยความโกรธแค้น แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจอยู่ดี “ทำไมท่านถึงไม่กลัว?”

เม่ยฮัวโส่วตอบด้วยสีหน้าเย็นชา “วิหารเทพพงไพรไม่ได้น่าเคารพเลื่อมใสเหมือนเดิมอีกแล้ว”

“ประเสริฐ ในเมื่อท่านตัดสินใจเช่นนี้ ข้าก็หวังว่าสำนักกระบี่สายฟ้าวายุจะสามารถรับผลกรรมที่ตามมาได้ก็แล้วกัน”

เจี๋ยนอู่จีหัวเราะเยาะ

ในเวลาเดียวกันนั้น

“เฮอะ ท่านเป็นสุนัขหรืออย่างไรถึงได้ดีแต่เห่าเช่นนี้ ลูกผู้ชายพูดกันด้วยคมกระบี่ มาตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่งของระดับฝีมือไม่ดีกว่าหรือ?” เจิ้นหรู่หลงอดระเบิดเสียงคำรามออกมาไม่ได้ “ไหนว่าผู้ที่ต่อต้านวิหารเทพพงไพรจะต้องพบกับชะตากรรมอันน่าเศร้า แล้วเหตุไฉนพวกเราสามคนจึงยังยืนอยู่ตรงนี้ได้? หรือท่านต้องการให้พวกเราวิ่งเข้าไปทิ่มแทงร่างกับกระบี่ของท่านด้วยตนเอง? ไม่คิดว่ามันน่าขบขันเกินไปหรือ?”

พูดจบ กระบี่ก็ถูกชักออกมาจากฝักแล้ว

กระบี่สามเล่มในมือของผู้เป็นเจ้าสำนักทั้งสามท่านสาดประกายแวววาว รังสีอำมหิตแห่งการฆ่าฟันแผ่ออกมาจากตัวกระบี่ มวลอากาศปั่นป่วน

กระบี่เล่มที่มีประกายสังหารมากที่สุดย่อมเป็นกระบี่ในมือของเจิ้นหรู่หลง

“ช่างรนหาที่ตายนัก”

ซยงป่าควงกระบี่เล่มยักษ์ในมือโถมตัวออกไปข้างหน้า

เปรี้ยง!

บัดนี้ เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างซยงป่ากับเจิ้นหรู่หลงซึ่งเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงด้วยกันทั้งคู่

คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า พลังกดดันแผ่กระจายไปรอบบริเวณ บรรดาก้อนหินที่อยู่ในสุสานใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง…

ผิวน้ำในบ่อลาวาเกิดการสั่นไหว

บรรดาเศษหินจากด้านบนที่ร่วงหล่นลงสู่บ่อลาวาแปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันสีดำลอยขึ้นมา

ในอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นผง

สุสานใต้ดินคล้ายกับจะพังถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

“พวกเราร่วมมือโจมตี สังหารผู้ทรยศเหล่านี้ให้ได้”

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าสำนักกระบี่มายาถังหลิวฮัวก็ระเบิดเสียงคำรามพร้อมกับควงกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้า

รอบกายของเขามีเงากระบี่สิบหกเล่มปรากฏออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พวกมันพุ่งออกมาข้างหน้า สอดประสานโจมตีใส่เจิ้นหรู่หลงผู้เป็นเจ้าสำนักกระบี่กังวานอย่างไร้ความเมตตา

เดิมที ถังหลิวฮัวมีความเกลียดชังต่อเจิ้นหรู่หลงอยู่หลายส่วน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มีโอกาสลงมือ สามารถระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกมา

แต่เงากระบี่เหล่านั้นยังไปไม่ถึงตัวเจิ้นหรู่หลง คลื่นพลังสีดำเข้มก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง ป้องกันกลุ่มเงากระบี่ไม่ให้โจมตีใส่เจิ้นหรู่หลง

ปรากฏว่าเป็นฮั่วเฟยฮัวจากคฤหาสน์กำยานลงมือแล้ว!!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด