เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 563 ทำไมถึงต้องเชื่อคำพูดของหลินเป่ยเฉิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 563 ทำไมถึงต้องเชื่อคำพูดของหลินเป่ยเฉิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เกล็ดปลาทมิฬที่พุ่งมานั้นพลันปะทะเข้ากับม่านพลังกำแพงโปร่งแสง และเมื่อพวกมันพุ่งทะลวงผ่านเข้ามา เกล็ดปลาทมิฬก็สลายหายไปกลายเป็นเพียงฝุ่นผงสีดำในอากาศ

“เป็นไปได้อย่างไร?”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

นี่เป็นเพลงกระบี่ชนิดใดกัน?

การโจมตีด้วยวิชาเพลงหมัดเกล็ดทมิฬของมันสามารถถูกทำลายได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าหลินเป่ยเฉินจะล่วงรู้ถึงการโจมตีของมัน จึงได้เตรียมตัวระมัดระวังอยู่ก่อนแล้ว และใช้งานเพลงกระบี่ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน

การโจมตีด้วยวิชาเพลงหมัดเกล็ดทมิฬถือเป็นอาวุธลับชนิดหนึ่งของแม่ทัพฉลามอู๋หยา

ไม่ควรมีใครเตรียมตัวตั้งรับได้ทัน

ทันใดนั้น แม่ทัพฉลามอู๋หยาก็หันขวับไปมองทางเกี้ยวทองคำที่อยู่ห่างออกไป

ไม่ต้องสงสัยเลย

ติงซานฉือจะต้องเป็นคนแอบปล่อยข้อมูลให้ลูกศิษย์ของตัวเองรู้แน่นอน

ฉินฉู่อี้ เจิ้งเจินเจี้ยนและเซียงต้าหลงเคยรายงานว่าติงซานฉือและองค์หญิงแห่งท้องทะเลมีแผนคิดที่จะยืมมือหลินเป่ยเฉินมาสังหารแม่ทัพฉลามอู๋หยา แต่หลังจากนั้น ตัวตนในฐานะสายลับของพวกฉินฉู่อี้ก็ถูกเปิดโปง และด้วยความที่หลินเป่ยเฉินมีความเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมชนิดคิดไม่ถึง แผนการลอบสังหารหลินเป่ยเฉินจึงต้องล้มเหลวในท้ายที่สุด

แต่นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าองค์หญิงแห่งท้องทะเลกับติงซานฉือมีเจตนาคิดสังหารมันจริงๆ

หัวใจของฉลามหนุ่มกระตุกวูบด้วยความเจ็บปวด

แม่ทัพฉลามอู๋หยาหันหน้ากลับมาที่เวทีประลองอีกครั้ง

เป็นจังหวะเดียวกับที่ม่านกระบี่ครอบคลุมเข้าหา

หลินเป่ยเฉินกลับมาโจมตีต่อเนื่องด้วยเพลงกระบี่กระบวนท่าที่หกอีกครั้ง

แม่ทัพฉลามอู๋หยาผงะถอยหลัง

พลังลมปราณสีดำพุ่งออกไปข้างหน้า

แล้วในทันใดนั้น กลุ่มเมฆดำก็รวมตัวขึ้นมาบนท้องฟ้าเหนือเกาะกลางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กลุ่มเมฆดำเหล่านั้นจะพุ่งลงมาหาร่างกายของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังดูดก้อนเมฆลงมาอย่างไรอย่างนั้น

ในระหว่างที่ร่างกายของฉลามหนุ่มกำลังดูดซับก้อนเมฆลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศบนเวทีประลองก็ปั่นป่วนราวกับมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำ เสียงฟ้าคำรามดังครืนครัน สายลมกระโชกแรงส่งเสียงดังหวีดหวิว

“นี่มัน…”

หลินเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็ถึงกับชะงักไปทันที ในหัวใจอุทานออกมาว่า…

นี่เจ้าฉลามกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วใช่ไหม?

มีแต่ท่าไม้ตายเท่านั้นถึงจะสร้างบรรยากาศเช่นนี้ขึ้นมาได้

อันตรายที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว

เพื่อที่จะเอาชนะเขาให้ได้ แม่ทัพฉลามอู๋หยาถึงกับต้องยอมใช้ท่าไม้ตายอย่างไม่มีทางเลือก

หลินเป่ยเฉินล่วงรู้แล้วว่าท่าไม้ตายของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ก็คือกระบวนภาพเพลงหมัดหลับใหลชั่วนิรันดร์

วิกฤตการณ์ของเขามาถึงแล้ว

แม่ทัพฉลามอู๋หยามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 8 ท่าไม้ตายของมันจึงมีพลังทำลายล้างมหาศาล

หลังจากตั้งสติได้ หลินเป่ยเฉินก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

เขาโยนกระบี่สายฟ้าทิ้งลงไปบนพื้น

เหมือนคนที่ต้องการยอมแพ้

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

เสียงหัวเราะที่เย็นชาและอำมหิตดังออกมาจากปากของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ไม่ต่างจากเสียงหัวเราะของเทพเจ้าแห่งความตาย

“ให้มันจบลงที่ตรงนี้เถิดหนา”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวจากเชื่องช้าเป็นรวดเร็ว ทันใดนั้น มันกระแทกหมัดออกมาข้างหน้า

นี่คือการต่อยหมัดที่แท้จริง

เป็นการกระแทกกำปั้นที่มีเพียงหมัดลุ่นๆ ปราศจากลำแสงพลังที่น่าตื่นตาตื่นใจ

การโจมตีในครั้งนี้ ม่านพลังโปร่งแสงไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินสะบัดมือของตนเองในอากาศ

กระบี่เงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา

กระบี่เป็นประกายอ่อนโยนราวแสงจันทร์เต็มดวง

ด้ามจับก็ทำจากเงินบริสุทธิ์

เมื่อกระบี่วิเศษเล่มนี้ปรากฏขึ้นในมือเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เริ่มโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายทันที

ลำแสงสีเงินระเบิดเจิดจ้าออกมาจากร่างกายของเขา

กระบี่จันทราพิฆาตสว่างไสวเป็นลำแสงสวยงาม

นี่คืออาวุธวิเศษที่ท่านนักพรตใหญ่ทิ้งเอาไว้ให้เขาใช้ป้องกันตัว

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้มีโอกาสใช้งานมันอย่างจริงจังสักที

พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเด็กหนุ่มถูกโคจรลงไปอยู่ในกระบี่เล่มนี้หมดสิ้น

ไม่ต่างจากเทพีกระบี่ได้เข้ามาสถิตอยู่ในร่างกายของเขาอีกครั้ง

“ไม่น่าเป็นไปได้…”

ฉู่เหินพูดด้วยความมึนงง “เจ้าลูกเต่าเคยใช้กระบี่เล่มนี้ฆ่าหานเฉิงมาแล้ว ซ้ำหลินเป่ยเฉินเป็นคนพูดเองว่ากระบี่เล่มนี้เมื่อใช้งานออกมาแล้ว ก็สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เหตุไฉน… ทำไมเขาถึงสามารถใช้งานออกมาได้อีก ซ้ำพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…”

ไม่ว่าจะเป็นหลิวฉีไห่ พานเว่ยหมินหรือคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงไปกับความเป็นจริงข้อนี้หมดสิ้น

พวกเขาทราบดีว่ากระบี่จันทราพิฆาตเป็นอาวุธวิเศษชนิดหนึ่ง สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินเป็นคนบอกเรื่องนี้ออกมาเอง

แต่ทว่าบัดนี้…

เซียวปิงยืนแทะน้องไก่อยู่ในความเงียบ

สีหน้าของเด็กหนุ่มร่างอ้วนบอกชัดถึงความไม่เข้าใจว่าทุกคนตกตะลึงในเรื่องราวใดกัน?

“เหตุไฉนพวกท่านถึงต้องเชื่อสิ่งที่ท่านพี่เป่ยเฉินพูดออกมาด้วยล่ะขอรับ?”

เซียวปิงอดถามออกมาไม่ได้จริงๆ

ทุกคนได้แต่เบิกตาโต

นั่นสินะ

พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน

หรือว่ากระบี่จันทราพิฆาตจะไม่ได้มีขีดจำกัดอยู่แค่การใช้งานเพียงครั้งเดียว?

หลินเป่ยเฉินมีนิสัยโกหกปลิ้นปล้อนเป็นทุนเดิม วาจาโดยส่วนมากมักเชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว

การที่เขาโกหกในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการปล่อยข่าวเท็จให้ศัตรูตายใจอย่างนั้นหรือ?

ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว

ช่างไร้ยางอายเกินไปด้วยเช่นกัน

“ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?”

ฉู่เหินถามออกมาด้วยความสงสัย

เซียวปิงระบายลมหายใจออกมายาวแรง “มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละขอรับที่จะป่าวประกาศว่าตนเองมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ เพราะยิ่งศัตรูดูถูกเรามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น”

ทุกคนได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

ให้ตายสิ

ยิ่งคิดก็ยิ่งใช่

ยิ่งคิดก็ยิ่งถูกต้อง

นั่นคือคำตอบที่เป็นเหตุและเป็นผล

ฟังดูน่าเชื่อถือ

ไม่ต้องแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมหลินเป่ยเฉินกับเซียวปิง ถึงกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันได้ในที่สุด

เพราะว่าพวกเขาต่างก็มีความคิดเจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนกันนั่นเอง

“ดูนั่นสิ…”

พลัน ไต้จือฉุนส่งเสียงอุทานออกมา

หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่บนเวที ตอนนี้มีปีกคู่หนึ่งงอกออกมาบนแผ่นหลัง

เป็นปีกที่มีขนาดใหญ่ยิ่ง

แน่นอนว่ามันต้องเป็นปีกกระบี่อันแหลมคม ยามที่แทงทะลุขึ้นมาจากร่างกาย เสื้อที่หลินเป่ยเฉินสวมใส่อยู่ก็ขาดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปิดเผยให้เห็นถึงร่างกายท่อนบนที่กำยำด้วยมัดกล้าม ปีกกระบี่คู่นี้มีสีขาวราวกับงาช้าง และขนาดของมันก็ไม่ได้เล็กกระจิ๋วหลิวเหมือนเดิมอีกแล้ว

ลำแสงจากพลังศักดิ์สิทธิ์สาดกระจาย

แต่นี่ไม่ใช่พลังจากเทพีกระบี่เหมือนครั้งก่อน

เพราะมันเป็นพลังที่ไหลทะลักออกมาจากตัวของหลินเป่ยเฉินเอง

เมื่อสักครู่นี้ เขาดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์จากบรรดาผู้ศรัทธาในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิด ซึ่งบัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีผู้ศรัทธาอยู่เป็นจำนวนหลายพันคน เมื่อพลังของทุกคนรวบรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจากการสวดภาวนาตลอดการต่อสู้ หลินเป่ยเฉินก็มีพลังเพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว

เดิมที เด็กหนุ่มมีปีกกระบี่ที่สั้นเล็กดูน่ารัก เหมาะสำหรับเป็นปีกของคิวปิดน้อยเสียมากกว่า ใครจะไปคิดเลยว่าพลังศรัทธาของชาวเมืองจะเปลี่ยนแปลงเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ปีกกระบี่ของเขาเติบโตขึ้นมาถึงขนาดนี้

นี่มันเกินกว่าที่หลินเป่ยเฉินจะเคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก

เด็กหนุ่มกางปีกออกกว้าง

พลังศักดิ์สิทธิ์โคจรลงไปอยู่ที่กระบี่จันทราพิฆาต เซียวปิงคาดเดาได้ถูกต้องทุกประการ หลินเป่ยเฉินตั้งใจหลอกลวงทุกคนว่ากระบี่เล่มนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง กระบี่จันทราพิฆาตยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติทุกเมื่อ ตราบใดที่เขายังสามารถใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่นั่นเอง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าระดับพลังในร่างกายของตนเองเพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่า

นี่หมายความว่าอานุภาพการโจมตีก็จะรุนแรงมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่?

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด ยามที่เยว่เว่ยหยางกางปีกกระบี่ออกมาทั้งสี่ข้าง นางจึงได้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น

หลินเป่ยเฉินมีพลังลมปราณแข็งแกร่ง เพราะสามารถหยิบยืมพลังขึ้นมาจากพื้นดินได้ไม่จำกัด…

หลินเป่ยเฉินมีพลังศักดิ์สิทธิ์จากแรงศรัทธาของชาวเมืองหลายพันคน…

หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ…

หลินเป่ยเฉินมีพลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้งจากการเปิดเพลงประกอบในพื้นหลัง…

จังหวะนั้น เด็กหนุ่มใช้กระบวนท่ากระบี่ที่หกออกมาโดยไม่ลังเล

ประกายกระบี่ลุกลามเข้าไปถึงข้างกายแม่ทัพฉลามอู๋หยา

ม่านกระบี่แผ่ปกคลุม

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

ได้ยินเสียงโลหะปะทะกับโลหะดังขึ้น

ประกายไฟสาดกระจาย

พลังลมปราณกระบี่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยังคงโจมตีใส่กำปั้นของแม่ทัพฉลามอู๋หยาอย่างต่อเนื่อง

คิดไม่ถึงเลยว่าเพลงหมัดพิฆาตที่สามารถเด็ดชีพศัตรูมาได้ไม่เคยพลาด กลับตกอยู่ภายใต้การคุกคามของม่านกระบี่จนระดับความเร็วในการออกกําปั้นลดลง ความสามารถในการป้องกันตัวลดลง และพลังลมปราณของฉลามผู้ดุร้ายก็กำลังเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ…

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาเบิกตาโต

มันรู้สึกได้ถึงพลังคุกคามที่แผ่ออกมาจากตัวหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินกำลังกระพือปีกกระบี่บนแผ่นหลังอย่างน่าเกรงขาม

มนุษย์ผู้ต่ำต้อยและอ่อนแอ เหตุไฉนถึงได้มีพลังการต่อสู้สูงล้ำขนาดนี้?

ในตัวของหลินเป่ยเฉิน ยังมีพลังใดซุกซ่อนอยู่อีกบ้าง?

คิดมาถึงตรงนี้ พลังลมปราณจากตัวของแม่ทัพหน่วยรบคลื่นทมิฬก็สลายหายไปอย่างกะทันหัน

ไม่ต่างจากมังกรผู้ดุร้ายตกลงไปอยู่ในบ่อโคลน

ยิ่งพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

พ่ายแพ้แล้ว

ถ้อยคำสามพยางค์ปรากฏขึ้นในจิตใจ

แล้วเงาแห่งความพ่ายแพ้ก็แผ่ปกคลุมทั่วร่างกายของแม่ทัพฉลามผู้เกรียงไกร

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด