เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 1085 คำเชิญร่วมกลุ่ม

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 1085 คำเชิญร่วมกลุ่ม อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 1,085 คำเชิญร่วมกลุ่ม

เหยียนหรู่อี้กำลังย้ำเตือนให้หลินเป่ยเฉินได้รู้ว่า ยังคงมีกลุ่มผู้แข็งแกร่งเช่นอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กเหลืออีกถึง 13 สำนัก

ทุกสำนักต่างก็มีความแข็งแกร่งน่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน

เพราะฉะนั้น การแย่งชิงตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

“ต่อให้เป็นท่าน ก็ไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้สำเร็จ”

เหยียนหรู่อี้กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและมีเสน่ห์

หลินเป่ยเฉินถามออกมาหลังใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ “เดิมทีตำแหน่งเซียนกระบี่เป็นของผู้คนในเมืองไป๋หยุน แล้วเหตุไฉนถึงมีคนนอกให้ความสนใจมากมายเพียงนี้? ได้เป็นเซียนกระบี่จากเมืองนี้แล้วมีดีอย่างไร? เพราะอะไรผู้คนถึงได้อยากเป็นกันนักขอรับ?”

เหยียนหรู่อี้ตอบอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง “ขอบอกคุณชายหลินตามตรง ก่อนหน้านี้ตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนไม่ได้มีความน่าสนใจแม้แต่น้อย ใครที่ได้ตำแหน่งนี้ไปครอบครอง ก็จะมีเพียงภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อปีที่ผ่านมา มีการประกาศจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางว่า ต่อจากนี้ไปผู้ใดที่สามารถครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุนได้สำเร็จ ก็จะได้รับตำแหน่งพิเศษใหม่คือตำแหน่งเทพาจารย์”

ตำแหน่งพิเศษใหม่อย่างนั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาเล็กน้อย “ตำแหน่งเทพาจารย์หรือขอรับ?”

เหยียนหรู่อี้พยักหน้าตอบว่า “นับเป็นตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์ที่มือกระบี่ทุกคนล้วนใฝ่ฝัน ใครก็ตามที่ได้ครอบครองตำแหน่งนี้ ก็จะได้มีโอกาสกลายเป็นเทพเซียนตัวจริง”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง “หากได้ครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุน ก็จะมีโอกาสได้กลายเป็นเทพเซียนตัวจริงเลยหรือขอรับ?”

ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มเคยพบแต่กับพวกเทพมารที่มาจากภพอื่น

ทว่า เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามนุษย์จะสามารถเป็นเทพเซียนได้ด้วย

ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินตงเต้า แทบไม่เคยมีการกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน

“ถูกต้อง”

เหยียนหรู่อี้ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ไม่ต้องสงสัยเลย

หลินเป่ยเฉินเข้าใจทั้งหมดแล้ว

ก่อนหน้านี้ เพียงเพื่อที่จะได้แทนที่เทพีกระบี่ในโลกมนุษย์ เทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาจึงไม่ลังเลที่จะเป็นสุนัขรับใช้เว่ยหมิงเฉิน และสุดท้ายก็ต้องสังเวยชีวิตตนเองอย่างน่าอนาถ

ตำแหน่งเทพเซียนช่างล่อตาล่อใจอย่างนี้นี่เอง

“แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็น่าจะมีคนเข้าร่วมการประลองมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?”

หลินเป่ยเฉินยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด “ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิเจิ้งหลง หรือจักรวรรดิต้าเกี๋ยน พวกเขาก็น่าจะระดมส่งกำลังพลมาให้เยอะมากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วกระมัง?”

เหยียนหรู่อี้ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบว่า “ตำแหน่งเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุนใช่ว่าทุกคนจะสามารถครอบครองได้ คำว่า ‘เซียนกระบี่’ นั้น หมายความว่าผู้ครอบครองต้องบรรลุวิชากระบี่ขั้นสูงสุด และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นองเลือดที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย กลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางจึงจัดการคัดเลือกตามดินแดนต่าง ๆ มาก่อนแล้วล่วงหน้า และทุกสำนักที่เหลือรอดมาจนถึงรอบสุดท้าย ก็จะได้เดินทางมาประลองที่เมืองไป๋หยุน ยกเว้นก็แต่กลุ่มมือกระบี่ของเมืองไป๋หยุนเองเท่านั้น ที่สามารถเข้าร่วมการประลองได้โดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกใด ๆ”

อื้อหือ

ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ

เดิมทีนี่คือตำแหน่งของลูกศิษย์จากเมืองไป๋หยุนเท่านั้น คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามาแย่งชิง

แต่บัดนี้ ตำแหน่งเซียนกระบี่กลับดึงดูดผู้คนมาจากทั่วทุกสารทิศ

นี่สินะ โฉมหน้าที่แท้จริงของโลกแห่งวรยุทธ์

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับตนเองและถามว่า “สรุปก็คือ สำนักกระบี่ทุก ๆ สำนักในแผ่นดินตงเต้าล้วนส่งคนมาเข้ารับการคัดเลือกด้วยความสนใจกันทั้งหมดเลยใช่ไหมขอรับ?”

เหยียนหรู่อี้ตอบว่า “ก็ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียว สำนักกระบี่บางแห่งเคารพเทพเจ้าของตนเองอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องสรรหาเทพเจ้าองค์ใหม่อีก อาทิ สำนักกระบี่มังกรขาว หรือพวกสำนักกระบี่ชื่อดังจากจักรวรรดิเจิ้งหลง พวกเขาก็ไม่ได้ส่งคนมาเข้าร่วมการประลองครั้งนี้เลยสักคนเดียวเช่นกัน”

“สำนักกระบี่มังกรขาวและสำนักกระบี่จากจักรวรรดิเจิ้งหลงนับว่าควรค่าแก่การเคารพมากเลยนะขอรับ ไม่เหมือนสำนักอื่น ๆ ที่เข้าร่วม ดีแต่อยากได้ของผู้อื่น ช่างไร้ยางอายจริง ๆ”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เหยียนหรู่อี้มองเด็กหนุ่มดวงตาวาวโรจน์

การเข้าร่วมประลองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเซียนกระบี่กลายเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายได้อย่างไร?

นับเป็นคำพูดที่ฟังดูแสลงหูเหลือเกิน

เพราะมันทำให้สำนักคฤหาสน์กำยานต้องพลอยถูกเหมารวมไปด้วย

“กลุ่มมือกระบี่ 14 สำนักที่มาเมืองไป๋หยุนในครั้งนี้ นอกจากเผ่าอมนุษย์ผมขาวและสำนักคฤหาสถ์กำยานของท่านแล้ว ก็ยังเหลืออีก 12 สำนักใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง

“ใช่แล้ว 12 สำนักเหล่านั้นประกอบไปด้วยสำนักมหากระบี่ สำนักกระบี่มายา สำนักกระบี่วายุสายฟ้า เผ่าปักษาขนแดง สำนักกระบี่พลัดถิ่น สำนักกระบี่หางขาวผกผัน ตัวแทนจากหุบเขาผีเสื้อพิษ สำนักกระบี่ทรงกรด สำนักกระบี่มัจฉาเริงระบำ สำนักกระบี่กระดูกขาว สำนักกระบี่สนธยาและสำนักกระบี่กังวาล ในจำนวน 12 สำนักนี้ สำนักที่มีความแข็งแกร่งที่สุดก็คือสำนักมหากระบี่ ตามมาด้วยสำนักกระบี่วายุสายฟ้า และสำนักกระบี่สนธยาตามลำดับ…”

เหยียนหรู่อี้บอกเล่ารายละเอียดอย่างครบถ้วน

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ต้องถ่ายคลิปวีดีโอบันทึกการอธิบายของหญิงสาวเอาไว้รับฟังในภายหลังเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

แต่ที่แน่นอนก็คืองานประลองครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว

“ขอบคุณพี่เหยียนมากขอรับ”

หลินเป่ยเฉินประสานมือขอบคุณด้วยความจริงใจ

“ท่านไม่ถามหรือว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ของข้าจึงดีต่อท่านถึงเพียงนี้?”

ในที่สุด หูเหม่ยเอ๋อร์ก็ได้โอกาสส่งเสียงขึ้นมาบ้าง

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม ตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องถาม ข้าก็ดูออก”

“หืม? ไหนท่านลองบอกมาสิ”

เหยียนหรู่อี้ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง อย่าบอกนะว่าหลินเป่ยเฉินจะล่วงรู้ว่านางเห็นเขามีฝีมือการสังหารคนยอดเยี่ยม ทักษะการเดินหมากเป็นเลิศ จึงตั้งใจผูกมิตรเพื่อหวังผลประโยชน์โดยตรง

หลินเป่ยเฉินตอบออกมาหน้าตาเฉยว่า “พี่เหยียนคงลุ่มหลงเสน่ห์ของข้าเข้าให้แล้วสินะขอรับ ท่านตกหลุมรักข้าโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ท่านจึงห่วงใยข้าเป็นพิเศษ ฮ่า ๆๆ ไม่ทราบว่าข้าน้อยพูดถูกหรือไม่?”

เหยียนหรู่อี้กะพริบตาปริบ ๆ

ซวีหวันก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน

หูเหม่ยเอ๋อร์หัวใจไหววูบ ชำเลืองมองไปที่อาจารย์ของตนเองด้วยความสงสัยว่า เป็นไปได้หรือที่อาจารย์คิดจะแย่งชิงคนรักกับลูกศิษย์?

“คุณชายสนใจมาร่วมมือกับพวกข้าหรือไม่?”

เหยียนหรู่อี้สงบจิตใจได้รวดเร็วมากพอ จึงสอบถามขึ้นว่า “ข้าคิดว่าท่านคงต้องการพันธมิตร”

“จะร่วมมือกันอย่างไรล่ะขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินทำท่ายกมือดันแว่นด้วยความเคยชิน “ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่าถึงข้าจะไม่ได้สนใจครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่อะไรนี่เลย แต่ในเมื่อมันเป็นของชาวเมืองไป๋หยุน ข้าก็คงปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือคนนอกไม่ได้เด็ดขาด”

เหยียนหรู่อี้ลอบหัวเราะอยู่ในใจ

คงมีแต่หมูโง่เท่านั้นที่หลงเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะไม่สนใจตำแหน่งเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุน

“เท่าที่ข้ารู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็น การประลองรอบสุดท้ายจึงถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง พวกเราจะจับคู่ประลองผ่านการจับสลาก ทุกสำนักที่เข้าร่วมต้องส่งสมาชิกตัวแทนออกมาสำนักละห้าคน และผู้ที่เหลือรอดอยู่เป็นสำนักสุดท้ายก็จะได้เป็นผู้ชนะ”

พูดมาถึงตรงนี้ เหยียนหรู่อี้ก็หยุดเล็กน้อยเพื่อสังเกตสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน หลังจากนั้นนางจึงได้เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนฟังต่อไป “พวกเราตัวแทนจากสำนักคฤหาสน์กำยานมีความแข็งแกร่งสู้สำนักอื่นไม่ได้ ส่วนมือกระบี่จากเมืองไป๋หยุนก็อ่อนแอไร้ความสามารถ เอาเป็นว่าท่านย้ายมาเข้าร่วมกับสำนักคฤหาสน์กำยานของข้าดีหรือไม่… พวกเราจะช่วยกันต่อสู้ไปจนถึงตำแหน่งผู้ชนะในท้ายที่สุด”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนี้ก็รู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที

ปรากฏว่างานประลองกระบี่ในครั้งนี้มีความไม่ธรรมดาจริง ๆ

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด พวกสำนักต่าง ๆ ถึงมั่นใจว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะ

เพราะว่าการประลองในครั้งนี้ ทุกสำนักล้วนแต่ส่งมือดีที่สุดของตนเองออกมาทั้งสิ้น

“เรื่องนี้ข้าน้อยคงต้องขอกลับไปคิดทบทวนดูก่อน”

หลังจากหลินเป่ยเฉินใช้เวลานั่งตรึกตรอกอยู่อึดใจใหญ่ เขาก็ไม่ได้ตกปากรับคำโดยทันที

ทำเอาเหยียนหรู่อี้ประหลาดใจไม่ใช่น้อย

ด้วยความกระตือรือร้นที่เด็กหนุ่มแสดงออกมาก่อนหน้านี้ นางมั่นใจว่าตราบใดที่ตนเองยื่นคำเชิญให้ร่วมมือกลุ่ม หลินเป่ยเฉินย่อมไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน

แต่ที่ไหนได้…

เหยียนหรู่อี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว

หูเหม่ยเอ๋อร์ผู้นั่งอยู่ด้านข้างก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างชัดเจนเช่นกัน

“พี่เหยียน ข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อน”

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นประสานมืออำลาและพูดว่า “อาจารย์อาอิ๋น พวกเราไปกันเถอะ”

เหยียนหรู่อี้ต้องตกตะลึงอีกครั้ง

เขาจะไปแล้วหรือ?

ไปง่าย ๆ เช่นนี้เนี่ยนะ?

หลังจากที่วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ในที่สุดเหยียนหรู่อี้ก็ได้รับคำตอบว่าตนเองถูกหลินเป่ยเฉินหลอกถามข้อมูลโดยไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทนกลับมาเลยสักอย่างเดียว

เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ชักจะร้ายกาจมากเกินไปแล้ว!

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

เหยียนหรู่อี้ส่งเสียงโพล่งขึ้น

หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองกลับมาสอบถามว่า “พี่เหยียน มีอะไรหรือขอรับ?”

หัวใจของเขากำลังพองโต

อิอิ

ดูเหมือนวิธีการนี้จะได้ผลจริง ๆ ด้วย

บนโลกมนุษย์ใบเก่า หลินเป่ยเฉินศึกษากลยุทธ์จีบหญิงมาหลากหลายทฤษฎี มาในวันนี้มีโอกาสได้ใช้งานจริง จึงประหลาดใจไม่น้อยที่พบว่ามันใช้ได้ผล

เหยียนหรู่อี้คลี่ยิ้มแจ่มใสราวกับมวลบุปผาบานสะพรั่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “หมูบินเหล่านั้นเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรชั้นยอดของแผ่นดินตงเต้า แต่ละตัวมีมูลค่ามหาศาล หากท่านนำพวกมันไปรับประทานก็นับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก อีกอย่าง… พวกมันเป็นหมูที่ถูกเช่ามาจากหอการค้าสุกรบิน หากท่านรับประทานพวกมัน หอการค้าสุกรบินก็จะต้องโกรธแค้นเป็นแน่แท้ ข้าขอแนะนำให้คุณชายอย่าสร้างศัตรูเพิ่มอีกเลยจะดีกว่า”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด