เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 1148 ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 1148 ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 1,148 ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทักทายพวกของเสี่ยวหราน เจี๋ยนอู่จีผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่ก็ลงมือโจมตี

แม้ว่าบัดนี้ชายชราจะไม่ได้มีกระบี่คู่กายอยู่อีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูง พลังกดดันแผ่คุกคามหลินเป่ยเฉิน เส้นผมของเด็กหนุ่มปลิวไสว สายลมร้อนอุ่นพัดปะทะใบหน้าเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง

“เฒ่าบัดซบ จะปล่อยให้ข้าได้พูดอะไรสักคำก่อนไม่ได้หรือไร”

หลินเป่ยเฉินนำกระบี่เงินของตนเองออกมาถือด้วยความเร็วแสงก่อนทิ่มแทงออกไป

กำแพงวายุปรากฏขึ้น

“วูบ!”

แล้วพลังลมปราณที่เจี๋ยนอู่จีปลดปล่อยออกมาก็ถูกดูดหายเข้าไปในกำแพงวายุหมดสิ้น

นี่คือประโยชน์ของหนึ่งในกระบวนท่าจากคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร

ต่อให้ระดับพลังของผู้โจมตีจะมีมากกว่าหลินเป่ยเฉิน แต่พลังเหล่านั้นก็ยังคงดูดซับเข้าสู่กำแพงวายุได้อย่างไม่มีปัญหา

“คืนกระบี่ของข้ามา”

ขณะนี้ เจี๋ยนอู่จีจดจำได้แล้วว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ใด จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมาจึงรุนแรงมากกว่ายามที่เผชิญหน้ากับเม่ยหลินก่อนหน้านี้

และก็เป็นอีกครั้งที่ชายชราลงมืออย่างรวดเร็ว เขาโบกสะบัดแขนเสื้อปลดปล่อยพลังปราณกระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างกายของหลินเป่ยเฉิน ก่อนที่ในมือจะปรากฏกระบี่อีกเล่มหนึ่งทุ่มเทฟาดฟันออกไป

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ในมือตอบโต้

เคร้ง!

ทันใดนั้น ปรากฏลำแสงกระบี่อีกสายหนึ่งพุ่งเข้ามาผนึกกำลังกับหลินเป่ยเฉิน

ในที่สุด เม่ยหลินที่ถอยออกไปยืนดูเหตุการณ์อยู่รอบนอก ก็ตัดสินใจลงมือแล้ว

พวกเขาต่างก็เป็นผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วมการประลองกระบี่ แต่ในขณะนี้ กลับยินดีร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มเจี๋ยนอู่จี

นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สำนักกระบี่สายฟ้าวายุร่วมมือกับสำนักอื่น

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังขาดความเข้าใจกันอีกมาก

เดิมที เม่ยหลินคาดเดาว่าหลินเป่ยเฉินได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการประลองกระบี่ อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นฐานวิชากระบี่ที่ในหมู่อัจฉริยะยอดมือกระบี่ด้วยกันสามารถจับจังหวะได้

แต่กลับกลายเป็นว่าบุรุษหนุ่มแขนเดียวคิดผิด

หลินเป่ยเฉินลงมืออย่างไม่มีจังหวะ ลงมืออย่างไม่มีรูปแบบ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของเม่ยหลินแทบจะกลายเป็นการขัดขวางหลินเป่ยเฉินไปโดยไม่รู้ตัว

หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ให้ตายสิ นี่เม่ยหลินต้องการจะช่วยเขาหรือช่วยฝ่ายตรงข้ามกันแน่?

“พี่ชาย ท่านอยากสู้ก่อนใช่หรือไม่?”

ในขณะนั้นเอง หลินเป่ยเฉินได้ถอนตัวออกจากวงต่อสู้หน้าตาเฉย

เม่ยหลินพูดอะไรไม่ออก

แต่เขาก็หยิ่งทะนงเกินกว่าจะร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้น เม่ยหลินจึงตวัดกระบี่สายฟ้าพิโรธในมือโจมตีใส่เจี๋ยนอู่จีด้วยความหนักหน่วงรุนแรงเท่าที่ตนเองจะสามารถกระทำได้

ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินค่อยมีเวลากวาดสายตาสำรวจมองการต่อสู้ของคู่อื่น ๆ ส่วนมือของเขาก็พ่นละอองน้ำจากพลังวารีบำบัดให้แก่พวกของเสี่ยวหรานไปด้วย กลุ่มมือกระบี่ชาวเมืองไป๋หยุนส่งเสียงร้องครวญครางออกมาจากในลำคอ สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บของพวกเขาเหล่านั้นก็หายดีราวกับปาฏิหาริย์

ทันใดนั้น หนึ่งในศิษย์ของเสี่ยวหรานมีปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศ เขารีบนำแขนที่ขาดของเสี่ยวหรานมาต่อกลับเข้าไปใหม่ และหลินเป่ยเฉินก็ไม่รอช้าที่จะทดลองใช้พลังวารีบำบัดอีกครั้ง

แต่โชคร้ายที่มันไม่ได้ผล

มิเช่นนั้น หากวิธีการนี้ใช้ได้ผล หลินเป่ยเฉินก็คงค้นพบเส้นทางหาเงินที่จะทำให้เขาร่ำรวยล้นฟ้าแล้ว

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อระดับพลังของเสี่ยวหรานฟื้นคืน อาการบาดเจ็บของเขาก็ทุเลา ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมา แล้วจึงบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง

ระหว่างที่รับฟังเรื่องราวเหล่านั้น หลินเป่ยเฉินก็ใช้พลังปราณธาตุทองคำของตนเองควบคุมกระบี่บินไปสังหารผู้คนของสำนักมหากระบี่ สำนักกระบี่สนธยา สำนักกระบี่มายา รวมไปถึงกลุ่มคนจากหุบเขาผีเสื้อพิษตกตายดั่งใบไม้ร่วง

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ท่ามกลางการต่อสู้ที่โกลาหลบนสะพานหิน พื้นที่บริเวณปลายสุดของสะพานตรงส่วนนี้กลับเงียบสงบปราศจากผู้คน เนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้ารุกคืบเข้ามาใกล้อีกแล้ว…

“สรุปว่า กลุ่มฆาตกรที่คอยล่าสังหารผู้คนซึ่งเดินทางออกจากเมืองไป๋หยุนนั้น กลับกลายเป็นคนของสำนักมหากระบี่ใช่ไหมขอรับ?”

เมื่อรับฟังจบ หลินเป่ยเฉินก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

เสี่ยวหรานพยักหน้าตอบว่า “พวกเขาเจตนาสังหารผู้คนเพื่อโยนความผิดมาให้พวกเรา… ส่วนญาติของผู้เสียชีวิตเหล่านั้นก็เสียสติกันไปหมด”

“แล้วทำไมสำนักกระบี่สายฟ้าวายุ สำนักคฤหาสน์กำยานกับสำนักกระบี่กังวานถึงมาช่วยเหลือพวกเราล่ะขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง

เสี่ยวหรานตอบว่า “เพราะพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกับพวกเรา พวกเขาถูกกดขี่ข่มเหงจากวิหารเทพพงไพรมานานแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาคิดต่อต้านวิหารเทพพงไพร แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส จนกระทั่งในครั้งนี้ พวกเขาคิดร่วมมือกับเรากวาดล้างสำนักมหากระบี่ ซึ่งถือเป็นมือเท้าสำคัญของวิหารเทพพงไพร”

“หมายความว่าพวกท่านรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีคนคิดก่อกวนการประลอง?”

หลินเป่ยเฉินเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

เสี่ยวหรานกล่าวว่า “ใช่แล้ว เมืองไป๋หยุนเราก็ถูกวิหารเทพพงไพรกดขี่ข่มเหงเช่นกัน โดยเฉพาะหลังจากเกิดการก่อกบฏของเว่ยหมิงเฉิน ซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนผู้หนึ่ง มิหนำซ้ำ เขายังได้ลักพาตัวท่านเจ้าเมืองคนเก่าของเราไปอีกด้วย…”

“ว่าไงนะขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านหมายความว่าท่านเจ้าเมืองคนเก่าที่หายตัวไปนั้น เป็นเพราะถูกเว่ยหมิงเฉินลักพาตัวไป?”

เสี่ยวหรานพยักหน้า

ข่าวที่หลินเป่ยเฉินได้รับทราบมาก่อนหน้านี้ก็คือท่านเจ้าเมืองคนเก่าหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านผู้เฒ่าหายไปอยู่ที่ไหน

แต่ในความเป็นจริงนั้น ท่านเจ้าเมืองคนเก่าไม่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ แต่กลับตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยหมิงเฉินผู้ชั่วร้าย

“เช่นนี้ไม่ถูกต้อง”

หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “ข้าน้อยเคยพบท่านเจ้าเมืองคนเก่ามาแล้วขอรับ เขาถูกคุมขังอยู่ในบ่อลาวาใหญ่ด้านหลังนี่เอง…”

แต่พูดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็รีบปิดปากตนเองลงทันที

หากพูดออกไป ทุกคนก็รู้กันหมดน่ะสิว่าเขาเคยแอบเข้ามาในสุสานกระบี่

แต่โชคดีที่เสี่ยวหรานเพียงมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ได้ถามอะไรนอกจากกล่าวว่า “คนที่อยู่ในนั้นคือท่านอาจารย์ใหญ่ผู้ก่อตั้งเมืองนี้ต่างหาก…”

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ

ที่แท้ก็เป็นเขาเข้าใจผิดไปเอง

“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านจะขังเขาไว้ทำไมล่ะขอรับ?”

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้พบเจอกับคนที่รู้ทุกอย่างและพร้อมที่จะบอกทุกอย่างแล้ว ดังนั้นตีเหล็กต้องตีตอนร้อนฉันใด เขาก็ต้องรีบรัวยิงคำถามต่อไปฉันนั้น

“เพราะว่าในร่างของอาจารย์ใหญ่ผนึกวิญญาณปีศาจอยู่น่ะสิ”

เสี่ยวหรานตอบ

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและกล่าวว่า “พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราถูกเข้าใจผิด เมืองไป๋หยุนไม่ได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เป็นพวกเราช่วยเหลือผู้คนผนึกวิญญาณปีศาจอยู่ต่างหาก ใช่ไหมขอรับ?”

เสี่ยวหรานจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นบุคคลสมองเสื่อมจึงคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสามารถเข้าใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

“ก็ไม่เชิง”

เสี่ยวหรานเปลี่ยนมาพูดผ่านทางพลังจิต “ในอดีต เมืองไป๋หยุนเรากับเผ่าปีศาจจันทราทมิฬมีความสัมพันธ์อันดี ข่าวที่พวกสำนักมหากระบี่ได้รับทราบมานั้นถูกต้องแล้ว”

หลินเป่ยเฉินตกตะลึงแทบลืมหายใจ

มีความสัมพันธ์อันดี นั่นย่ำแย่กว่าการสมรู้ร่วมคิดอีกไม่ใช่หรือ?

แต่เสี่ยวหรานกลับยอมรับออกมาได้เต็มปากเต็มคำ

ปรากฏว่าเมืองไป๋หยุนร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจริง ๆ

เมื่อเสี่ยวหรานเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของหลินเป่ยเฉินก็ต้องรีบอธิบายว่า “เจ้ายังเด็ก เจ้ายังไม่รู้หรอก ความจริงนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด พวกเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกระบบเทพเจ้าเท่านั้นเอง”

เฮอะ

เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีมากไปกว่าหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว

เพราะเขาเจอกับตัวเองมาแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินตกตะลึงก็คือเมืองไป๋หยุนได้ชื่อว่าเป็นสาวกอันดับหนึ่งของเทพีกระบี่ แล้วเหตุไฉนถึงไปมีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ล่ะ? เรื่องนี้เกรงว่าคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังสลับซับซ้อนเสียแล้ว

ทันใดนั้น

“ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก?”

มือกระบี่หนุ่มจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุเม่ยหลินเมื่อต่อสู้กับเจี๋ยนอู่จีเพียงลำพัง เขาย่อมตกเป็นรองและไม่สามารถต้านทานการจู่โจมของอีกฝ่ายได้ และนั่นก็ทำให้เม่ยหลินเลือกที่จะกล้ำกลืนศักดิ์ศรีของตนเองลงคอ ก่อนร้องขอความช่วยเหลือจากหลินเป่ยเฉินในที่สุด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด