เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 980 ผู้อาวุโสหลินเป่ยเฉิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 980 ผู้อาวุโสหลินเป่ยเฉิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 980 ผู้อาวุโสหลินเป่ยเฉิน

เมืองโบราณเขตตะวันตก หอผู้อาวุโสของชาวเผ่าจันทราขาว

“ว่าไงนะ? พวกท่านจะแต่งตั้งข้าเป็นผู้อาวุโสต่างแซ่?”

หลินเป่ยเฉินเกือบจะสำลักน้ำผลไม้ที่ตนเองกำลังดื่ม

นี่คือเรื่องที่เขาไม่คาดคิดจริง ๆ

หลังจากพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย ไป๋ไห่เฉาไม่แม้แต่จะสอบถามที่มาที่ไปของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าจันทราขาวก็แสดงให้เห็นถึงความมีจิตใจอันดีงามขั้นสุด นอกจากจะอนุญาตให้หลินเป่ยเฉินอยู่ในเผ่าต่อไปได้แล้ว ยังแต่งตั้งเขาขึ้นเป็น ‘ผู้อาวุโสต่างแซ่’ อีกด้วย

นี่คือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงมาก่อน

ตำแหน่งผู้อาวุโสต่างแซ่นี้หมายความว่าหลินเป่ยเฉินจะมีสถานะเช่นเดียวกับผู้อาวุโสในเผ่าจันทราขาว เพียงแต่เขาไม่ได้มีแซ่ไป๋เท่านั้น

เรื่องนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจอย่างแท้จริง

คิดไม่ถึงเลยว่าชาวเผ่าจันทราขาวจะเรียบง่ายและจริงใจถึงขั้นนี้

แต่นั่นเป็นเพราะทุกคนยังไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน

เขาแฝงตัวเข้ามาที่นี่ก็เพื่อผลประโยชน์ของจักรวรรดิเป่ยไห่

ยิ่งเรื่องราวดำเนินไปมากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นคนชั่วร้ายมากเท่านั้น

‘ขอบคุณทุกท่านมากขอรับ’

หลินเป่ยเฉินเขียนข้อความบนโต๊ะทรายโดยไม่ลังเล

ไป๋ไห่เฉา ไป๋ซานเยว่และคนอื่น ๆ ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีอกดีใจ

ไป๋เสี่ยวเซียวไม่เคยละสายตาไปจากหลินเป่ยเฉินแม้เพียงวูบเดียว

ใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา ดวงตายามที่จ้องมองหลินเป่ยเฉินก็เต็มไปด้วยความลึกซึ้งพิเศษสุดโดยไม่ปิดบัง

ชาวเผ่าจันทราขาวมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แม้นี่จะผ่านยุครุ่งเรืองของชาวเผ่ามาแล้ว แต่ตำนานที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้เน้นย้ำให้ชาวเผ่ามองเห็นถึงความสำคัญของความรักและอิสรภาพอยู่เสมอ

ไป๋เสี่ยวเซียวเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับ ‘วีรบุรุษผู้ช่วยชีวิตโฉมงาม’

ในความคิดเห็นของนาง การปรากฏตัวของหลินเป่ยเฉินผู้หล่อเหลาเก่งกาจมีความสามารถรอบด้าน ใยมิใช่จุดเริ่มต้นของตำนานวีรบุรุษเคียงข้างโฉมงามนั้นหรอกหรือ?

ในมุมมองของไป๋เสี่ยวเซียวขณะนี้ การมาถึงของหลินเป่ยเฉินคือสิ่งที่โชคชะตากำหนด ทุกคนไม่ต้องรอรับความช่วยเหลือจากผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป

และวีรบุรุษย่อมได้ครองคู่กับสาวงามประจำเผ่า

ซึ่งตัวนางก็คือสาวงามประจำเผ่า

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของไป๋เสี่ยวเซียวพลันเป็นประกายแวววาวขึ้นมา

‘แต่ข้ายังพอมีหนทางชุบชีวิตต้นกวนเจี๋ยที่เหลืออยู่ได้เช่นกัน’

หลินเป่ยเฉินเขียนข้อความลงบนโต๊ะทรายอีกครั้ง

เขารู้ว่าตนเองจำเป็นต้องได้รับความไว้ใจจากชาวเผ่าจันทราขาวมากกว่านี้

ไป๋ไห่เฉาและกลุ่มผู้อาวุโสเมื่อเห็นข้อความของเด็กหนุ่ม สีหน้าของพวกเขาก็ปรากฏความตื่นเต้นชัดเจน

ต้นกวนเจี๋ยเปรียบเสมือนหนทางอยู่รอดของชาวเผ่าจันทราขาว

โดยเฉพาะต้นกวนเจี๋ยที่ได้รับการชุบชีวิตโดยหลินเป่ยเฉิน นอกจากมันจะช่วยทำให้พวกเขาอยู่รอดแล้ว การรับประทานผลของมัน ยังช่วยเสริมสร้างพลังให้ชาวเผ่าแข็งแกร่งมากขึ้นในระยะยาว

เมื่อมีอาหารอุดมสมบูรณ์ จำนวนประชากรของชาวเผ่าก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

หากพวกเขาสามารถบำรุงรักษาและผลิตผลกวนเจี๋ยที่มีคุณภาพเช่นนี้ออกมาได้อีกเรื่อย ๆ อนาคตของเผ่าจันทราขาวก็สดใสแล้ว

ไป๋ไห่เฉาพูดว่า “คารี บีกา!”

ไป๋ซานเยว่ตอบว่า “อะเล อะเล วากา…โวเดกา”

ชาวเผ่าส่งเสียงพูดคุยระหว่างมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความตื้นตันใจ

เด็กหนุ่มผู้นี้คือผู้พิทักษ์ที่สวรรค์ส่งลงมาให้พวกเขาจริง ๆ

‘แต่ยังมีปัญหาติดขัดอยู่เล็กน้อย’

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นและไร้เดียงสา ก่อนจะเขียนข้อความต่ออีกครั้ง ‘น้ำยาบำรุงพืชพรรณในมือข้าหมดเสียแล้ว ไม่ทราบว่าพวกท่านพอจะมีศิลาบูชาหรือเหรียญทองคำบ้างหรือไม่ แน่นอนว่าเหรียญเงินก็สามารถใช้ได้…แต่หากพวกท่านไม่มีสิ่งของเหล่านั้น ขอเป็นเหรียญทองแดงก็ไม่มีอันใดเสียหาย’

ไป๋ไห่เฉาและพรรคพวกจ้องมองข้อความของหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้าว่างเปล่า

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเหรียญทองคำหรือศิลาบูชาคืออะไร

สำหรับชาวเผ่าแล้ว การมีชีวิตอยู่รอดคือสิ่งสำคัญสูงสุด

และจะอยู่รอดได้ก็ต้องมีอาหาร

ส่วนสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่อาหาร?

ย่อมไม่จำเป็นทั้งสิ้น

พละกำลังของชาวเผ่าครึ่งหนึ่งล้วนมีมาแต่กำเนิด และอีกครึ่งหนึ่งไม่ได้มาจากการฝึกวิชา แต่มันเป็นความแข็งแกร่งที่จะเพิ่มขึ้นตามอายุของแต่ละคน

ดังนั้น นอกจากอาหารแล้ว สิ่งของมีค่าอย่างเช่นเหรียญทองคำหรือเหรียญเงิน ย่อมไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาแม้แต่น้อย

แล้วศิลาบูชาเล่า?

หลังจากเขียนข้อความสื่อสารกันครู่ใหญ่ หลินเป่ยเฉินก็ได้ค้นพบความจริงว่าชาวเผ่าจันทราขาวไม่มีศิลาบูชา

ชีวิตในดินแดนสนธยาแห่งนี้ช่างเรียบง่าย

ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทอง

อีกทั้งชาวเผ่าจันทราขาวยังมีบุคลิกตรงไปตรงมา

มิเช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่ตัดสินใจรับตัวหลินเป่ยเฉินและแต่งตั้งเขาเป็นผู้อาวุโสต่างแซ่ประจำเผ่ารวดเร็วเช่นนี้

แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้

อุตส่าห์แอบแฝงตัวเข้ามาทั้งที่ ดันแฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านยาจกซะได้

นับเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

เมื่อคิดถึงน้ำยาเร่งผลผลิตทางการเกษตรที่ตนเองใช้ก่อนหน้านี้ไปจนหมดขวด คุณชายหลินก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าตนเองจะไม่ยอมขาดทุน

‘แล้วพวกท่านติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกอย่างไร? พวกท่านไม่ต้องการสิ่งของใดจากโลกภายนอกบ้างหรือ?’

หลินเป่ยเฉินเขียนข้อความถามด้วยความไม่ย่อท้อ

ไป๋ซานเยว่ให้คำตอบกลับมาว่า

แม้ชาวเผ่าจันทราขาวจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตสนธยาแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตัดขาดจากอาณาเขตอื่นเสียทีเดียว ยังคงมีการสื่อสารและติดต่อกันระหว่างชนเผ่าต่างดวงดาวอยู่บ้างประปราย

บางครั้ง พวกเขาก็จะทำการค้าระหว่างกัน

เผ่าจันทราขาวมีผลไม้ประจำเผ่าคือผลกวนเจี๋ย เช่นเดียวกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ และแร่พิเศษที่หาได้แค่ในดินแดนนี้เท่านั้น

ไป๋ไห่เฉาช่วยเสริมข้อมูลให้ว่า สิ่งมีค่าสูงสุดของชาวเผ่าจันทราขาวมีอยู่ด้วยกันสามอย่าง ประกอบด้วยศิลาดวงดาว แร่โลหะดำ และต้นหางจระเข้!

ทั้งสามสิ่งนี้คือ ‘ของดีประจำเผ่า’ ของพวกเขา

ศิลาดวงดาวและแร่โลหะดำคือแร่หินชนิดหนึ่ง

ศิลาดวงดาวจะถูกใช้สำหรับการสร้างค่ายอาคมพิเศษ รวมถึงยังใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับการใช้งานค่ายอาคมต่าง ๆ อีกด้วย

ส่วนแร่โลหะดำเป็นวัตถุสำหรับใช้หลอมอาวุธและใช้ทำเป็นวัสดุก่อสร้าง เมื่อนำมาผสมกับแร่หินชนิดอื่น ๆ มันก็จะยิ่งมีความแข็งแกร่งทนทานมากขึ้น

ส่วนต้นหางจระเข้มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังและช่วยปลุกกำหนัด นับเป็นสินค้าขายดีและมีความต้องการสูงทุกครั้งที่ออกวางจำหน่าย

ชัดเจนแล้วว่ามีการค้าขายระหว่างดวงดาวจริง ๆ

ทุก ๆ เดือน ม่านพลังที่กั้นชายหาดหลังกำแพงเมืองของชาวเผ่าจันทราขาวจะสลายลงไป ชาวเผ่าก็จะใช้ช่วงเวลานั้นสื่อสารกับเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างในวิหารเพื่อเปิดประตูไปสู่ดวงดาวอื่น ๆ และชาวเผ่าก็จะนำสินค้าเหล่านี้ออกไปเร่ขายในท้องตลาดระหว่างดวงดาวนั่นเอง

“หากผู้อาวุโสจูต้องการสิ่งของเหล่านั้นจริง ๆ พวกเราก็สามารถนำของดีประจำเผ่าของเราไปแลกเป็นเหรียญทองคำและเหรียญเงินกลับมาให้ท่านได้เมื่อตลาดการค้าเปิดขึ้นอีกครั้ง”

ไป๋ไห่เฉาเขียนข้อความอธิบายด้วยความเรียบง่ายและจริงใจ

‘ตลาดการค้าจะเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อใด?’

หลินเป่ยเฉินสอบถาม

สาวงามประจำเผ่าไป๋เสี่ยวเซียวรีบขยับเข้ามาเขียนข้อความตอบว่า ‘ตลาดเพิ่งปิดไปเมื่อสี่วันที่แล้วเจ้าค่ะ และนั่นหมายความว่ามันจะเปิดขึ้นอีกครั้งในอีก 26 วันหลังจากนี้…’

อีก 26 วันหลังจากนี้?

ใครจะไปรอจนถึงตอนนั้น

เด็กหนุ่มส่ายศีรษะและเขียนข้อความ ‘นานเกินไป หากพวกเราไม่รีบหาทางแก้ไข ต้นกวนเจี๋ยเหล่านั้นจะตายกันหมด…แต่เอาเถอะ พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวล เดี๋ยวข้าจะคิดหาทางแก้ไขเอง’

แต่จะแก้ไขอย่างไรดี?

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับอย่างใช้ความคิด

น้ำยาช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชพรรณส่วนใหญ่ เขายังเก็บอยู่ที่เมืองเจาฮุย และได้รับการดูแลโดยอานมู่ซี เพื่อใช้สำหรับการผลิตอาหารและยาสมุนไพรให้แก่ชาวเมือง

บัดนี้ นครเจาฮุยเปรียบเสมือนฐานบัญชาการของหลินเป่ยเฉิน

ทุกคนที่นั่นบูชาเขาราวกับเทพเจ้า ต่อให้เด็กหนุ่มเมามายไปเคาะประตูบ้านแม่หม้ายสาวกลางดึก ก็ไม่มีทางที่ผู้ใดจะคิดอกุศลจิตขึ้นมาเด็ดขาด

แต่การเดินทางกลับนครเจาฮุยในขณะนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ดังนั้น จึงต้องหาบางอย่างมาทดแทนน้ำยาวิเศษ

และสิ่งนั้นก็คือ…

ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโต

ต้นกวนเจี๋ยเป็นผลไม้วิเศษ

จำเป็นต้องเพาะปลูกในพื้นดินที่มีสารอาหารเพียงพอ

หากสามารถหาปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้เทียบเท่ากับน้ำยาวิเศษเหล่านั้น ปัญหานี้ก็จะหมดไปทันที

หลินเป่ยเฉินลองเปิดดูในแอป Taobao และค้นหาผลิตภัณฑ์ปุ๋ยทางการเกษตรตามที่ตนเองต้องการ

แผนการของเขาก็คือสั่งปุ๋ยมาจากแอป Taobao

หลังจากที่โทรศัพท์ได้รับการอัพเกรดอุปกรณ์ สกุลเงินพื้นฐานทุกอย่างที่โทรศัพท์เครื่องนี้ใช้ ล้วนแต่เป็นศิลาบูชาทั้งสิ้น

และนั่นหมายความว่าของแต่ละชนิดมีราคาแพงมาก

ต่อให้หลินเป่ยเฉินมีศิลาบูชาเก็บเอาไว้มากมาย แต่เขาก็ต้องทยอยใช้พวกมันกับโทรศัพท์เครื่องนี้ในทุกวัน เพราะฉะนั้น เวลาจะใช้จ่ายสิ่งใดแต่ละที หลินเป่ยเฉินจึงจำเป็นต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบที่สุด

ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่เคยทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

เขากำลังจะต้องเสียศิลาบูชาตั้งมากมาย สมควรมีอะไรตอบแทนคืนมาบ้างสิ

เดิมที หลินเป่ยเฉินตั้งใจจะรวบรวมเงินจากชาวเผ่าจันทราขาวให้ได้มากที่สุด แต่เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่าชาวเผ่าจะจนกรอบถึงขนาดนี้

นี่แหละที่เป็นปัญหา

ลองเก็บข้อมูลต่อไปก่อนดีกว่า

ก่อนที่การประชุมจะจบลง หัวหน้าเผ่าไป๋ไห่เฉาซึ่งยังคงอยู่ในความตื่นเต้นก็ได้ประกาศให้ชาวเผ่ารับรู้ว่า พวกเขากำลังจะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองต้อนรับหลินเป่ยเฉินเข้าสู่เผ่าอย่างเป็นทางการ

ชาวเผ่าจันทราขาวมีความคิดเรียบง่ายและสามารถลงมือทำทุกเรื่องราวได้อย่างว่องไว

หนึ่งชั่วยามต่อมา

ณ ลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพเจ้า กองไฟขนาดใหญ่ได้ถูกก่อขึ้น บรรดาชาวเผ่าสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเริ่มทำการเริงระบำประจำเผ่า และจัดแสดงพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา

เมื่อพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์จบลง ก็เข้าสู่ขั้นตอนของการเริงระบำเพื่อความบันเทิง

หญิงสาวชาวเผ่าเริ่มต้นการร่ายรำเพื่อโปรยเสน่ห์ใส่บุรุษหนุ่มตามจังหวะการตีกลองหนังสัตว์

นี่คือความบันเทิงเพียงหนึ่งเดียวของชาวเผ่าที่อยู่ในดินแดนอันยากลำบากแห่งนี้

กองไฟปะทุดังเปรี๊ยะปร๊ะ กลุ่มเด็กสาวยิ่งเต้นด้วยความเร่าร้อนมากกว่าเดิม

ไป๋เสี่ยวเซียวเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นสะดุดตามากที่สุด

นางเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าประจำเผ่าที่หาโอกาสใส่ได้ยากยิ่ง และร่างที่กำลังเริงระบำไปรอบกองไฟด้วยความคล่องแคล่วนั้น ก็ไม่ต่างไปจากเสือดาวสาวเลยทีเดียว

โดยเฉพาะส่วนเว้าส่วนโค้งและหอคอยคู่ขนาดมโหฬารที่ทำให้หลินเป่ยเฉินอดนึกถึงไป๋ชินหยุนขึ้นมาไม่ได้

ไป๋เสี่ยวเซียวโยกย้ายส่ายเอว อวดสะดือของนางร่อนไปร่อนมาล่อตาล่อใจหลินเป่ยเฉิน กระโปรงและรองเท้าหนังสัตว์ดูทรงเสน่ห์ไม่ต่างไปจากกระโปรงสั้นและรองเท้าบูทหนังแบรนด์เนมจากโลกยุคปัจจุบัน สองขาของไป๋เสี่ยวเซียวเรียวยาว ยามเริงระบำแสดงให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่เต่งตึง…

กล่าวได้ว่าเด็กสาวผู้นี้มีความเร่าร้อนในทุกอณูของเรือนร่าง

หลินเป่ยเฉินซึ่งนั่งดูการเริงระบำอยู่ข้างกองไฟ พลันนึกถึงตัวละครในเกม League of Legends อย่าง ‘นิดาลี’ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

และท่ามกลางเสียงรัวกลองหนังสัตว์ ไป๋เสี่ยวเซียวก็ยิ้มแย้มอ่อนหวานเดินนวยนาดเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินราวกับเสือดาวสาวจ้องตะครุบเหยื่อ

“ไปเต้นรำกันเถอะ”

นางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงใจ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด