เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 652 ทำไมสุนัขรับใช้เหล่านี้ถึงได้ร่ำรวยนักนะ?

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 652 ทำไมสุนัขรับใช้เหล่านี้ถึงได้ร่ำรวยนักนะ? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 652 ทำไมสุนัขรับใช้เหล่านี้ถึงได้ร่ำรวยนักนะ?

หัวใจของเด็กหญิงหลู่หลิงซินกระตุกวูบ ในขณะที่เด็กสาวร่างสูงหลิวเฉิงเหนียนเองก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที

กำลังเสริมของฝ่ายตรงข้ามมาถึงแล้ว

พวกนางจะทำอย่างไรดี?

“พี่ชาย… พวกเรารีบหนีกันก่อนดีกว่า”

หลิวเฉิงเหนียนอดส่งเสียงร้องตะโกนออกมาไม่ได้ “ถ้าไม่รีบหนีตอนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

หลินเป่ยเฉินกลับยกมือตบอกและฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจ “พวกเจ้าไม่ต้องหนีหรอก เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะปกป้องพวกเจ้าเอง”

หลิวเฉิงเหนียนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ นางจึงไม่อยากพูดอะไรอีก

หลู่หลิงซินมีความเยือกเย็นมากขึ้นแล้ว

นางมองออกว่าหลินเป่ยเฉินตั้งใจรอให้กำลังเสริมของอีกฝ่ายมาถึงตั้งแต่แรก

เพราะเขามั่นใจว่าตนเองแข็งแกร่งมากพอ

พี่ชายท่านนี้มั่นใจว่าตนเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้

หลินเป่ยเฉิน?

เด็กหญิงรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน

หลู่หลิงซินพยายามทบทวนความทรงจำ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ออกอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม พี่ชายท่านนี้อุตส่าห์บริจาคเงินสิบเหรียญทองคำ มิหนำซ้ำยังมาช่วยเหลือพวกนางแม้ว่ามันจะเสี่ยงมากก็ตาม เด็กหญิงจึงมั่นใจว่าอย่างน้อยเขาคงไม่ใช่คนเลวร้าย

เพราะถึงพี่ชายจะมีลักษณะท่าทีเรื่อยเฉื่อย แต่แววตาของเขากระจ่างชัดเจน ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นบุคคลคนละแบบกับพวกของเหลียงซือเฉิน

ด้านนอกมีเวรยามผู้คุ้มกันมารวมตัวกันอยู่นับร้อยคน

คฤหาสน์หลังนี้ถูกปิดล้อมไว้ทุกทางแล้ว

ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันสวมใส่เสื้อคลุมสีเขียว มีเครายาว ใบหน้าตอบ พลังลมปราณไม่ต่ำต้อย ปัจจุบันมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ บัดนี้ เขาเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับส่งเสียงคำรามลั่น “ผู้ใดกล้าบุกเข้ามาทำร้ายคุณชาย จับตัวพวกมันเดี๋ยวนี้…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

วูบ!

ลูกดอกเหล็กก็พุ่งแหวกอากาศเข้าไปปักที่ต้นขาของเหลียงซือเฉิน

“อ๊ากกก…” เหลียงซือเฉินส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“เจ้าพูดออกมาหนึ่งคำ ข้าจะยิงหนึ่งดอก” หลินเป่ยเฉินถลึงตาจ้องมองชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมสีเขียว ก่อนจะหันไปสยายยิ้มอบอุ่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ดังนั้น ข้าจึงอยากแนะนำให้ท่านพูดออกมาอีกเยอะๆ”

ใบหน้าของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีเขียวพลันแข็งค้างไปทันที

“อวี่หวัน เจ้าเศษสวะ เลิกพูดจาไร้สาระและเข้ามาช่วยเหลือข้าได้แล้ว”

เหลียงซือเฉินตะโกนด้วยความเจ็บปวด

อวี่หวัน ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีเขียวมีสีหน้าเย็นชา ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นวิญญาณตนหนึ่ง เพียงกระพริบตาทีเดียว ชายวัยกลางคนก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนั้น ชายวัยกลางคนก็กำลังจะใช้นิ้วชี้ของตนเองจิ้มลงมาที่กลางหว่างคิ้วของเด็กหนุ่มอีกด้วย

นับเป็นการโจมตีที่รวดเร็วมาก

รวดเร็วยิ่งกว่าวิญญาณร้าย

“คิดจะวัดความเร็วกับข้าหรือ!”

ทันใดนั้น นอกจากทุกคนจะได้เห็นว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้ถอยหนีด้วยความหวาดกลัวแล้ว เขากลับฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ และร่างกายก็ปลดปล่อยไอสังหารออกมาอย่างหนาแน่น

ในจังหวะที่นิ้วมือของชายวัยกลางคนกำลังจะสัมผัสลงที่หน้าผากของหลินเป่ยเฉินนั้น…

ผลั่ก!

อะไรบางอย่างก็กระแทกเข้าใส่ท้องน้อยของชายวัยกลางคน

“อะเฮือก…”

ชายวัยกลางคนหรี่ตา เสียงครางที่ไม่สามารถอธิบายได้เปล่งออกมาจากลำคอ

พลังลมปราณที่รวบรวมอยู่บริเวณปลายนิ้วของชายวัยกลางคนสลายหายไปแล้ว

การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก

ชายวัยกลางคนตัวงอเป็นกุ้ง

น้ำลายไหลทะลักออกจากปากผสมกับโลหิตอย่างควบคุมไม่ได้

อะไรกัน?

นี่เขา… ถูกโจมตีแล้วอย่างนั้นหรือ?

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เด็กคนนี้… ทำไม… ทำไมถึงได้แข็งแกร่งอย่างนี้!

ชายวัยกลางคนผู้มีนามว่าอวี่หวันพลันแขนขาอ่อนระทวย ค่อยๆ ล้มลงไปบนพื้นห้องอย่างแช่มช้า

หลินเป่ยเฉินถอนกำปั้นของตนเองกลับมา

ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดมือที่เพิ่งต่อยออกไป

“อ่อนหัดนัก”

คำพูดเหยียดหยามสามพยางค์นี้หล่นออกมาจากปากของคุณชายหลิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปกติแล้วนี่เป็นคำพูดของตัวร้ายที่ควรพูดใส่พวกพระเอก

แต่เมื่อได้พูดออกมาแล้ว หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกดีเป็นบ้า

“จะ… เจ้าเป็นใคร…”

อวี่หวันร่างกายชักกระตุก พยายามโคจรพลังลมปราณอย่างยากลำบาก

แต่ในไม่ช้า ชายวัยกลางคนก็ได้พบว่าพลังที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับหนึ่งของเขา ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์หมัดของเด็กหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย พลังลมปราณในร่างกายสูญสลายหายไปหมดสิ้น อวี่หวันไม่สามารถใช้งานพลังลมปราณได้อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ จิตใจของเขาจึงตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เด็กหนุ่มคนนี้มีความแข็งแกร่งมากเกินไป

“อยากรู้ใช่ไหม?”

หลินเป่ยเฉินเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าคู่ต่อสู้ “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”

อวี่หวันใบหน้ากระตุก

เหลียงซือเฉินและพรรคพวกที่ถูกจับตรึงอยู่บนกำแพงเมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

อวี่หวันคนนี้เป็นผู้คุ้มกันที่ถูกส่งมาอารักขาเหลียงซือเฉินจากจวนผู้ว่าโดยตรง

เขาจัดเป็นอัจฉริยะจอมยุทธ์ผู้มีฝีมืออยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่หนึ่ง

แล้วทำไมถึงพ่ายแพ้ได้ง่ายดายขนาดนี้

ความหวาดกลัวและความเศร้าครอบคลุมจิตใจของเหล่าคุณชายทันที

หากพวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความร้ายกาจถึงขนาดนี้ตั้งแต่แรก ทุกคนก็คงยอมคุกเข่าแต่โดยดีไปนานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นบุคคลเสเพล พวกเขาไม่ได้ยึดถือในศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

“พวกเจ้าจงฟังข้าให้ดี”

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองกลุ่มผู้คุ้มกันหลายสิบคนที่ยืนอออยู่หน้าประตูห้องรับแขก “ข้าได้ล้อมพวกเจ้าเอาไว้หมดแล้ว…”

ผู้คุ้มกันเหล่านั้นได้แต่เบิกตาโตทำหน้าพิศวง

“พวกเจ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่พูด แต่ทุกคำที่พวกเจ้าพูดจะถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล… เฮ้อ จำผิดท่อนอีกแล้วเรา”

“สำหรับคนที่ยังไม่อยากตาย มีเงินเท่าไหร่จงส่งออกมาให้หมด แม้แต่เหรียญทองแดงเดียวก็ห้ามเก็บเอาไว้ รวมถึงต้องโยนอาวุธทิ้งลงไปบนพื้น ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออก เดินไปยืนรวมกันที่โถงทางเดินด้านนอก แล้วเอามือข้างหนึ่งไว้บนหัวของเจ้า ส่วนมืออีกข้างจับข้อเท้าของตนเอง …”

“มิฉะนั้น อย่าหาว่าข้าฆ่าพวกเจ้าอย่างอำมหิตเกินไป”

หลินเป่ยเฉินกราดตามองชายฉกรรจ์หลายสิบคนเหล่านั้นด้วยแววตาดุดัน

การกระทำของเขาอยู่เหนือการคาดคิดของทุกคน

แม้แต่หลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียนก็ยังต้องตกตะลึงแล้ว

พวกนางไม่รู้เลยว่าขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

เหลียงซือเฉินพลันระเบิดเสียงคำรามออกมา “เจ้าพวกโง่ มัวยืนทำอะไรอยู่อีก รีบถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกมาซะ… จงทำตามที่คุณชายท่านนี้สั่งเดี๋ยวนี้”

“รีบถอดเสื้อผ้าออกมา เร็วเข้า”

“ใครไม่ยอมถอด ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง”

จางโหรวหมิง ซุนเหรินหยง และคุณชายคนอื่นๆ ต่างก็พร้อมใจกันประสานเสียงร้องตะโกนด้วยความแตกตื่น

เดิมที พวกเขาเคยพูดประโยคเหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน จึงมีความคล่องปากเป็นอย่างยิ่ง

ต่อให้เป้าหมายในครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งก่อนๆ แต่เพื่อความอยู่รอด เหล่าคุณชายก็พร้อมใจกันระเบิดเสียงคำรามด้วยความดุดันยิ่งกว่าตอนออกคำสั่งใส่บรรดาหญิงสาวที่ไม่มีทางสู้เสียอีก

หลินเป่ยเฉินกำลังขมวดคิ้วใช้ความคิด

เขาลืมอะไรไปหรือเปล่านะ?

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าตนเองลืมอะไรไปบางอย่าง

เอ่อ…

เด็กหนุ่มพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก

หลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียนเพิ่งจะสามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองลงได้ไม่นาน พลัน ใบหน้าของพวกนางก็ร้อนผ่าวด้วยความตื่นตระหนกอีกครั้ง

หลิวเฉิงเหนียนรีบส่งเสียงร้องบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไม่ต้องถอดเสื้อผ้า ไม่ต้องให้พวกเขาถอดเสื้อผ้า…”

โอ๊ะ!

หลินเป่ยเฉินเพิ่งจะนึกขึ้นได้

จริงด้วยสิ

เขาลืมไปเลยว่าที่นี่ยังมีเด็กผู้หญิงอยู่อีกตั้งสองคน

“งั้นเหลือกางเกงชั้นในไว้ก็ได้” เด็กหนุ่มออกคำสั่งเสียงดัง “เจ้าพวกชั่วจิตใจต่ำช้า”

เหล่าชายฉกรรจ์ผู้คุ้มกันหันมองหน้ากัน น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ทุกคนหยิบถุงเงินของตนเองออกมาโยนไว้ที่ประตูทางเข้าห้องรับแขก จากนั้นจึงถอดชุดเกราะและเสื้อผ้าชั้นนอกออก นอกจากกางเกงชั้นในแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่มีเหลือ หลังจากนั้น กลุ่มผู้คุ้มกันก็เดินไปที่มุมโถงทางเดิน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับศีรษะ ยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อใช้มือจับข้อเท้าของตนเอง และยืนอยู่ในสภาพแปลกประหลาดอย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน

ภาพที่เห็นนี้…

คือสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น

ลมหนาวโชยพัดผ่านเข้ามา

กลุ่มผู้คุ้มกันขนลุกชันไปทั้งร่างกาย

หลินเป่ยเฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าในถุงเงินเหล่านั้นบรรจุเหรียญทองคำ เหรียญเงินและเหรียญทองแดงอยู่เป็นจำนวนมาก

คำนวณดูด้วยตาเปล่าแล้ว น่าจะมีมูลค่าหลายพันเหรียญทองคำ

ทำไมสุนัขรับใช้เหล่านี้ถึงได้ร่ำรวยนักนะ?

ในขณะที่นายทหารกล้าผู้เสียสละเพื่อชาติ ยังจำเป็นต้องรับเงินบริจาคผ่านพวกของหลู่หลิงซินอยู่เลย

โลกนี้ไม่ยุติธรรมจริงๆ

เด็กหนุ่มเดินไปเก็บถุงเงินเหล่านั้นและอัปโหลดใส่แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์โดยไม่ลังเล

เมื่อได้รับการอัพเกรดแล้ว แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ก็สามารถเก็บของได้เยอะขึ้น

นอกจากถุงเงินเหล่านั้น หลินเป่ยเฉินยังเก็บอาวุธและเสื้อผ้าของเหล่าชายฉกรรจ์เข้าไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์อีกด้วย ตอนนี้เขามีชาวเมืองหยุนเมิ่งให้คอยดูแลอีกนับหมื่นคน ชีวิตของผู้อพยพย่อมไม่สะดวกสบาย เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะเดียวกัน เขาก็พยายามจะลดรายจ่ายให้น้อยมากที่สุด

อาวุธ ชุดเกราะ และเสื้อผ้าเหล่านี้ สามารถนำไปให้ชาวเมืองหยุนเมิ่งใช้ประโยชน์ต่อไปได้

ต่อให้จะถูกมองว่าเป็นจอมโจรชั้นต่ำ เขาก็ไม่สน

ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดหลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียน ถึงไม่เข้าใจในการกระทำของหลินเป่ยเฉินสักนิดเดียว

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด