เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 1087 ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
ตอนที่ 1,087 ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
“หากเป็นก่อนหน้านี้ก็ใช่”
ติงซานฉือมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย “แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว… หากเจ้าอยากเข้าร่วมการประลอง ก็ต้องรวบรวมพันธมิตรสร้างกลุ่มขึ้นมาเพื่อร่วมการประลองโดยเฉพาะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือเท้าคางถามว่า “วันนี้อาจารย์ไปเจอคนรักเก่ามาไม่ใช่หรือขอรับ? ท่านไม่สามารถทำอะไรได้บ้างเลยหรือ?”
ติงซานฉือลุกพรวดขึ้นยืนราวกับเป็นแมวน้อยที่ถูกเหยียบหาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไร? เจ้าพูดอะไรของเจ้า? ใครเป็นคนบอกเจ้า”
“อ้าว อาจารย์อย่าร้อนตัวสิขอรับ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “อย่าไปบอกใครนะขอรับว่าข้ารู้มาจากท่านอาจารย์อาอิ๋น”
ติงซานฉือได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปนอกห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อึดใจต่อมา ชายชราก็เดินกลับมา
“อาจารย์หายไปไหนมาหรือขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความอยากรู้
“ก็ไปจัดการอาจารย์อาของเจ้าไงล่ะ”
ติงซานฉือพูดสีหน้าไร้อารมณ์ “เรามาคุยเรื่องงานประลองกระบี่กันต่อดีกว่า หากไม่มีวิธีอื่นแล้ว เจ้าใช้ตำแหน่งของข้าแทนก็ได้ แล้วเจ้าก็ไปตามหายอดฝีมือมาร่วมกลุ่มกับเจ้าซะ”
“เราสามารถส่งผ่านตำแหน่งให้คนอื่นได้ด้วยหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
สมองของเขาเกิดความคิดบรรเจิดขึ้นมาประการหนึ่ง
“อย่าได้คิดอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาอีกละ”
ติงซานฉือพูดดักคอลูกศิษย์ของตนเอง “เดี๋ยวเจ้าได้พาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยอีก”
“อาจารย์มองออกด้วยหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงไม่น้อยที่ชายชราสามารถอ่านใจเขาได้ถึงขนาดนี้
ติงซานฉือพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา “แค่เจ้าอ้าปากข้าก็เห็นลิ้นไก่แล้ว”
“สุดยอด”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้ให้แก่ผู้เป็นอาจารย์ด้วยความชื่นชม
ติงซานฉือยังคงกล่าวด้วยความเป็นกังวลต่อไป “บัดนี้ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว การที่เจ้ากวาดล้างกลุ่มอมนุษย์ผมขาว ทำให้กลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางกำลังหมายหัวเจ้าอยู่ สำนักอื่น ๆ คงไม่มีทางรับตัวเจ้าเข้าร่วมประลองเป็นแน่แท้ ไม่มีใครอยากได้ตัวเจ้าอีกต่อไป”
หลินเป่ยเฉินยกมือเกาหัวด้วยความเหนื่อยใจ “ศิษย์รู้สึกเหมือนตนเองเป็นหมาหัวเน่าอย่างไรไม่ทราบ”
ติงซานฉือหัวเราะในลำคอ “แล้วเจ้าไม่ใช่หรืออย่างไร? ได้โปรดพิจารณาตนเองใหม่เสียด้วย เข้าใจหรือไม่?”
“นี่อาจารย์มีอะไรในใจกับศิษย์หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยความขุ่นเคือง “เพราะว่าข้ารู้เรื่องที่ท่านแอบไปหาคนรักเก่า ท่านจึงโกรธข้าสินะ?”
ติงซานฉือใบหน้ากระตุก กระซิบเสียงแผ่วเบา “นางไม่ใช่คนรักเก่าของข้า เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหลอีก”
แต่ยิ่งปฏิเสธ ก็เหมือนกับยิ่งเป็นการยอมรับ
หลินเป่ยเฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้ “อาจารย์ขอรับ ท่านได้โปรดวางใจ ท่านก็รู้จักศิษย์ดี ศิษย์กลัวตายมากที่สุด หากศิษย์ไม่แน่ใจว่าจะชนะ ลูกศิษย์ไม่มีทางลงมือทำสิ่งใดเด็ดขาด เพราะฉะนั้น เรื่องการหาสำนักเพื่อเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เดี๋ยวศิษย์จะหาทางเอง”
ติงซานฉือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่ออีกครั้ง “แต่อาจารย์ขอรับ ระดับพลังของท่านต่ำต้อยมากเกินไป ท่านแน่ใจหรือว่าอยากเข้าร่วมการประลองที่มีแต่ยอดฝีมือระดับสูงร่วมต่อสู้ในครั้งนี้? แม้ว่าพี่หญิงเหยียนอิงจะไม่นับถือท่านเป็นบิดา แต่หากท่านกลับไปเป็นเพียงอัฐิคนตาย นางก็คงต้องเสียใจแน่นอน”
“ปากเจ้านี่ไม่เป็นมงคลเลยจริง ๆ”
ติงซานฉือตวาดลั่น “ไสหัวออกไปได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและเดินออกมา
แต่เมื่อเดินมาถึงประตู เด็กหนุ่มก็หยุดชะงักและโยนผลกวนเจี๋ยสองลูกไปให้อาจารย์ของตนเองพร้อมกับพูดว่า “ทางอาจารย์ก็พยายามเข้านะขอรับ”
ติงซานฉือไม่รู้ว่าตนเองสมควรหัวเราะหรือร้องไห้มากกว่ากัน
…
“ท่านเห็นด้วยหรือ?”
เมื่อเหยียนหรู่อี้ได้ยินหลินเป่ยเฉินกล่าวว่าจะขอเข้าร่วมสำนักคฤหาสน์กำยานของนางในการประลองครั้งนี้ หญิงสาวก็อารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว
หลินเป่ยเฉินคลี่ยิ้มออกมาด้วยความขื่นขม “สำนักกระบี่อมตะซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองไป๋หยุนมีคนเต็มแล้วขอรับ บัดนี้ ข้าจึงกลายเป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีผู้ใดต้องการอีกต่อไป หากอยากจะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ ก็คงต้องเข้าร่วมในนามของสำนักอื่นแทน”
“นับว่าท่านมีความจริงใจ”
เหยียนหรู่อี้ชำเลืองมองหน้าเด็กหนุ่มและกล่าวต่อ “ไม่มีปัญหา ข้าจะเว้นหนึ่งตำแหน่งในกลุ่มให้กับท่าน”
“พี่เหยียนมีจิตใจเมตตา ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง”
หลินเป่ยเฉินยิ้มหวานอย่างประจบประแจง “แต่ไม่ทราบว่าข้าน้อยขอตำแหน่งเพิ่มอีกสักสามถึงสี่ที่ได้หรือไม่”
“สามถึงสี่ที่อย่างนั้นหรือ?”
เหยียนหรู่อี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความเดือดดาลใจ “สำนักคฤหาสน์กำยานของเรามีสิทธิ์ส่งผู้เข้าร่วมประลองได้แค่ห้าคนเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าข้าต้องเสียตำแหน่งตัวแทนทั้งหมดไปให้แก่ท่านแล้วหรือ?”
“หากพี่เหยียนเห็นด้วย ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้เสมอ”
หลินเป่ยเฉินทำตาปิ๊ง ๆ “ข้าน้อยมีความคิดดี ๆ มานำเสนอ”
“รบกวนท่านอย่าได้คิดอะไรอีกเลย”
เหยียนหรู่อี้ปฏิเสธทันควัน
“แต่การเข้าร่วมงานประลองกระบี่ในครั้งนี้ สำนักคฤหาสน์กำยานส่งพวกท่านศิษย์และอาจารย์มาเพียงสามคนเองไม่ใช่หรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มอย่างสบายใจ “ยังไม่ครบห้าคนเลยด้วยซ้ำ”
เหยียนหรู่อี้ตอบว่า “ข้าสามารถมอบตำแหน่งให้ท่านได้เพียงหนึ่งหรือสองตำแหน่งเท่านั้น”
“พี่เหยียน ข้าน้อยเป็นคนหยาบกร้าน…”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง และพูดว่า “ข้าเพียงพูดในสิ่งที่สมควรพูด ระดับพลังของศิษย์พี่ซวีหวัน และศิษย์น้องหูเหม่ยเอ๋อร์นั้น… หากส่งขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีประลอง เกรงว่าพวกนางคงรับไม่ไหวแล้ว”
ซวีหวันผู้นั่งอยู่ด้านข้างก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย
นางมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะขึ้นสู่ขั้นเซียน ว่ากันตามความเป็นจริง คงไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประลองสักเท่าไหร่
หูเหม่ยเอ๋อร์ยิ่งมีระดับพลังต่ำต้อยกว่านาง แต่เด็กสาวกลับตบโต๊ะปังและกล่าวว่า “อาจารย์เจ้าคะ…”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง
หรือหูเหม่ยเอ๋อร์รู้สึกเสียหน้าจนโกรธแค้น?
แต่เขาก็ได้ยินหูเหม่ยเอ๋อร์กล่าวต่อไปว่า “อาจารย์เจ้าคะ พี่เป่ยเฉินกล่าวได้ถูกต้องทุกประการ ระดับพลังของศิษย์ยังไม่อาจเอื้อมเข้าร่วมการประลอง ดังนั้นตำแหน่งของศิษย์มอบให้แก่พี่เป่ยเฉินไปเถอะเจ้าค่ะ”
เหยียนหรู่อี้พูดอะไรไม่ออก
นางได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความหมดหวัง
นับตั้งแต่ที่พบหน้าหลินเป่ยเฉิน ลูกศิษย์คนเล็กของเหยียนหรู่อี้ก็เหมือนจะสูญเสียการควบคุมตนเองไปโดยปริยาย ไม่ว่าหลินเป่ยเฉินจะพูดอะไรออกมา หูเหม่ยเอ๋อร์ก็พร้อมที่จะรับฟังและช่วยสนับสนุนเสมอ
“อาจารย์เจ้าคะ…”
ซวีหวันใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุด พูดเสียงแผ่วเบาราวกับยุงบิน “ตำแหน่งของศิษย์… ทะ… ท่านก็สามารถมอบให้แก่พี่หลินได้เช่นกัน”
เหยียนหรู่อี้ใบหน้ากระตุกขึ้นมาอย่างชัดเจน
แม้แต่ศิษย์ใหญ่ของนางก็เป็นไปกับเขาด้วยหรือนี่?
ให้ตายเถอะ
ตำแหน่งสำหรับผู้เข้าร่วมงานประลองกระบี่ในครั้งนี้มีค่ามากเพียงใดน่ะหรือ?
หากนำไปขาย อย่างน้อยก็ต้องได้ราคาไม่ต่ำกว่าศิลาบูชา 500 ก้อน
หรือถ้านำไปขายได้ถูกคน ราคาก็คงทะลุไปถึงศิลาบูชา 1,000 ก้อนแล้ว
ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ของนางทั้งสองคนติดเชื้อโรคสมองเสื่อมมาจากหลินเป่ยเฉินแล้วหรืออย่างไร?
ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก
ไม่ทราบเลยว่าฝ่ายคฤหาสน์กำยานต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปมากมายเพียงใด
เหยียนหรู่อี้พ่นลมผ่านทางจมูกและกล่าวว่า “ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะมอบให้ท่านสี่ตำแหน่ง”
หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยความดีใจ “ขอบคุณพี่เหยียน ข้าน้อยยินดีเป็นวัวเป็นควายรับใช้พี่เหยียนแล้ว”
หูเหม่ยเอ๋อร์ส่งเสียงแทรกขึ้นด้วยความสงสัย “ต้องบอกว่ายินดีเป็นม้ารับใช้นายท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
“นี่ เจ้าไม่เข้าใจอะไรเสียแล้ว”
หลินเป่ยเฉินพยายามอธิบายด้วยความอดทน “ม้าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เพียงอย่างเดียว นอกจากใช้ขี่แล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก แต่วัวควายเนี่ย ขอเพียงเจ้าให้ข้าวให้น้ำให้หญ้ามันรับประทาน มันก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเจ้าได้เสมอ”
“จริงด้วยนะเจ้าคะ”
หูเหม่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง “อิอิ งั้นในอนาคต ข้าจะให้ท่านได้รับประทานหญ้าของข้าให้สมใจ”
“ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งชื่นชม
หูเหม่ยเอ๋อร์กล่าวว่า “เมื่อท่านได้รับประทานหญ้าของข้าแล้ว จงตั้งใจทำงานหนัก อย่าได้เกียจคร้านเป็นอันขาด”
“ข้าไม่มีทางเกียจคร้านเป็นอันขาด”
หลินเป่ยเฉินยกมือตบหน้าอกตนเองด้วยความมุ่งมั่น
เหยียนหรู่อี้หัวเราะในลำคอและกล่าวขัดจังหวะว่า “ข้าสามารถมอบสี่ตำแหน่งให้แก่ท่านได้ แต่มีข้อแม้”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “พี่เหยียนสามารถบอกมาได้เลย”
เหยียนหรู่อี้กล่าวว่า “อย่างแรก ชื่อกลุ่มของเรายังคงเป็นกลุ่มตัวแทนจากสำนักคฤหาสน์กำยาน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในการประลองครั้งนี้ ต้องตกเป็นของสำนักคฤหาสน์กำยานแต่เพียงผู้เดียว อย่างที่สอง ท่านจะมอบตำแหน่งที่ข้าให้ไปนั้นให้แก่ผู้ใดบ้าง? ท่านต้องได้รับความยินยอมจากข้าเสียก่อน ท่านจะไปเอาบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติมาเข้าร่วมไม่ได้เป็นอันขาด”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนี้ก็อดถามไม่ได้ว่า “แล้วถ้าเราสามารถชนะการประลองครั้งนี้และได้ครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่ล่ะขอรับ?”
“นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก”
ดูเหมือนเหยียนหรู่อี้จะไม่ค่อยหวังที่จะเป็นผู้ชนะสักเท่าไหร่ แต่นางก็ยังคงกล่าว “หากพวกเราสามารถเป็นผู้ชนะได้จริง ๆ ข้าจะให้ท่านได้รับตำแหน่งเซียนกระบี่แต่เพียงผู้เดียว ส่วนของรางวัลอื่น ๆ ที่ตามมานั้น ต้องเป็นของพวกข้าสำนักคฤหาสน์กำยาน”
“ตกลงขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและยื่นมือออกไปข้างหน้า
เหยียนหรู่อี้ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหน้าเช่นกัน
และโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มก็จับมือนางเขย่าเล็กน้อย
“เจ้า…”
เหยียนหรู่อี้รีบสะบัดมือหนีด้วยความเขินอายทันที
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “เอ่อ นี่คือประเพณีของชาวเป่ยไห่ขอรับ หลังจากตกลงเรื่องราวได้เรียบร้อย พวกเราก็จะจับมือกันเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ”
เหยียนหรู่อี้กลับมามีสีหน้าสงบสุขุมดังเดิมอย่างรวดเร็ว “เชิญท่านกลับไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“รับทราบขอรับ ข้าน้อยจะพยายามให้เต็มที่ และจะไม่ทำให้พี่เหยียนผิดหวังเด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินจากไป
เห็นไหมล่ะ?
ขอเพียงมีหน้าตาหล่อเหลา อะไร ๆ มันก็ง่ายไปเสียหมด!!
คอมเม้นต์