เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 1223 โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทวยเทพ

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว ตอนที่ 1223 โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทวยเทพ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 1,223 โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทวยเทพ

“เจี๋ยนเซียวเหยา?”

ใต้เท้าเหลียนขมวดคิ้วหน้ายุ่ง “น่าจะเป็นชื่อปลอมกระมัง”

เสวี่ยไป๋กล่าวตอบว่า “ข้าน้อยก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน… แต่คนผู้นี้เพิ่งเข้าสู่หุบผาอเวจีแดน 4 เมื่อหกวันที่แล้ว จนกระทั่งวันนี้เขาก็ยังไม่กลับออกมา บางทีอาจเสียชีวิตอยู่ภายในนั้นแล้วก็เป็นได้… เหตุผลที่ข้าน้อยเอ่ยถึงเขาขึ้นมา ก็เพราะว่าเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างหาตัวจับได้ยาก ต่อให้นำเทพเจ้าหนุ่ม ๆ ในเมืองเยี่ยเฉิงมารวมกันทั้งหมด ก็ยังสู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำเจ้าค่ะ อิอิ”

ใต้เท้าเหลียนไม่สนใจอาการเพ้อฝันของเด็กสาวและสอบถามด้วยน้ำเสียงจริงจังต่อไป “ในบรรดาอัจฉริยะทั้งห้าคนนี้ เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใด?”

ทันใดนั้น เสวี่ยไป๋มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในพริบตา “ข้าน้อยไม่ทราบ ข้าน้อยไม่รู้จะหาคำตอบอย่างไร ใต้เท้าก็สั่งฆ่าพวกเขาให้หมดไปเลยสิเจ้าคะ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รู้แล้วว่าใครเก่งที่สุด”

“หลายปีที่ผ่านมา ข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปจริง ๆ เจ้าถึงได้กล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมา”

ใต้เท้าเหลียนพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“โฮะ ๆๆ ใต้เท้าอย่าโกรธข้าน้อยเลยนะเจ้าคะ”

เด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีดำแลบลิ้นใส่หนึ่งในห้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสภาเทพเจ้าอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนกล่าวว่า “ข้าน้อยเพียงล้อเล่นเท่านั้น ในกลุ่มอัจฉริยะทั้งห้าคนนี้ มีหนึ่งคนที่โดดเด่นมากกว่าใคร แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครึ่งปีก่อนพร้อม ๆ กันก็ตาม แต่คนแจวเรือฮว่าเซี่ยมีสายเลือดคนบาปอยู่ในตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์และแข็งแกร่งขึ้นมาได้เช่นนี้ ดังนั้นข้าน้อยจึงคิดว่าฮว่าเซี่ยน่าจะเป็นคนที่เราตามหาอยู่เจ้าค่ะ”

แม้ว่าเสวี่ยไป๋จะมีสถานะไม่ต่ำต้อย แต่นางก็ไม่ได้ดูถูกดูแคลนกลุ่มคนบาป ดังนั้นเด็กสาวจึงพูดออกมาด้วยความระมัดระวังยิ่ง

ใต้เท้าเหลียนหลับตาลงและขบคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะทำสิ่งใดต่อไป?”

เสวี่ยไป๋กลับมามีสีหน้าหนักแน่นมั่นคงอีกครั้งขณะกล่าวตอบว่า “ข้าน้อยจะส่งเทียบเชิญในฐานะวิหารเทพพงไพรให้พวกเขาทั้งห้าคน เข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้าเจ้าค่ะ”

ความพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของใต้เท้าเหลียน “ในที่สุดเจ้าก็รู้จักใช้สมองบ้างสักที”

“ใต้เท้าชื่นชมข้าน้อยมากเกินไปแล้ว”

เด็กสาวเสื้อคลุมดำยิงฟันยิ้มแฉ่ง “ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยจะไปดำเนินการเลยนะเจ้าคะ การแข่งขันครั้งนี้น่าตื่นเต้นมากทีเดียว มีผู้คนเข้าร่วมสมัครแล้วถึงสองหมื่นราย ดินแดนทวยเทพของเราจะต้องขยายจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน”

จะต้องขยายจำนวนประชากรได้อย่างแน่นอนงั้นหรือ?

ใต้เท้าเหลียนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

ไม่ทราบว่าประชากรในดินแดนทวยเทพยังมีไม่มากพออีกหรือ?

ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังขึ้นจากนอกห้องโถงใหญ่ว่า

“ใต้เท้าเหลียน ข้าพเจ้าคือเทพีกระบี่ ได้โปรดยินยอมให้ข้าพเจ้าเข้าพบด้วย”

ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายของบรรดาองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู

เดี๋ยวก่อนนะ?

สีหน้าของใต้เท้าเหลียนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างที่หาได้ยากยิ่ง

สตรีผู้นั้นจะมาขอเข้าพบนางจริง ๆ หรือ?

หลังจากนั้น ใบหน้าของใต้เท้าเหลียนก็แสดงความดีใจออกมา

เสวี่ยไป๋สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของใต้เท้าเหลียนอย่างใกล้ชิด หัวใจจึงกระตุกวูบ ก่อนถามด้วยความสงสัยว่า “ใช่เทพีกระบี่ขี้เมาประจำเขตชานเมืองหรือไม่เจ้าคะ? ข้าน้อยเคยได้ยินชื่อเสียงของนางมานานแล้ว ว่ากันว่านางถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบเทพธิดาที่ยากจนที่สุดประจำดินแดนทวยเทพ เป็นหนึ่งในสิบเทพธิดาที่อ่อนแอที่สุดในดินแดนทวยเทพ เป็นหนึ่งในสิบเทพธิดาที่มีหนี้สินมากที่สุดในดินแดนทวยเทพ และเป็นหนึ่งในสิบเทพเจ้าที่มีสาวกน้อยมากที่สุดในดินแดนทวยเทพ นางไม่เคยมาปรากฏตัวยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในเมืองเยี่ยเฉิง เพราะปกติจะหากินอยู่บริเวณชานเมืองเท่านั้น… สำหรับกับบุคคลเช่นนี้ นางอาศัยเกียรติยศอันใดมาขอเข้าพบใต้เท้าเจ้าคะ?”

ใต้เท้าเหลียนส่ายศีรษะ ตอบว่า “ก่อนหน้านี้ เทพีกระบี่เคยเป็นหนึ่งในแปดเทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา”

“เทพสงครามไม่ได้มีแค่เจ็ดคนหรือเจ้าคะ?”

เด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีดำถามออกมาด้วยความสงสัย

ใต้เท้าเหลียนตอบว่า “นั่นเป็นเพราะว่าเทพีกระบี่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเทพสงครามในภายหลังน่ะสิ”

เมื่อเสวี่ยไป๋รับทราบเรื่องราวนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกายระยิบระยับ

แต่จังหวะที่นางกำลังจะสอบถามเรื่องราวเพิ่มเติม ใต้เท้าเหลียนก็กล่าวออกมาอีกครั้ง “อย่าถามอันใดอีกเลย เรื่องนี้รู้มากเกินไป มันจะไม่ดีต่อตัวเจ้าเอง”

ประกายในแววตาของเสวี่ยไป๋พลันสลายหายวับไปทันที

“ใต้เท้าจะให้นางมาเข้าพบหรือไม่เจ้าคะ?”

เด็กสาวถามด้วยความสงสัย

“ย่อมต้องให้เข้าพบ”

ใต้เท้าเหลียนพยักหน้า “ในบรรดาอันดับที่เจ้าเอ่ยถึงมานั้น มีอยู่หนึ่งรายการที่เจ้าไม่ได้พูดออกมา”

“อันดับใดหรือเจ้าคะ?”

เสวี่ยไป๋เลิกคิ้วสูงอย่างคาดไม่ถึง

ใต้เท้าเหลียนกล่าว “เทพีกระบี่ผู้นี้ถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในลิบสุดยอดโฉมงามแห่งดินแดนทวยเทพ และนางมีอันดับอยู่สูงมากกว่าข้า ข้าได้ตำแหน่งอันดับสอง ส่วนนางได้ตำแหน่งอันดับหนึ่ง”

“จริงหรือเจ้าคะ?”

เสวี่ยไป๋มีสีหน้าเหมือนเห็นวิญญาณคนตายกลางวันแสก ๆ ขณะกล่าวต่อ “ใต้เท้าอยู่ในการจัดอันดับนั้นด้วย แต่ได้ตำแหน่งเป็นรองนาง เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“นั่นเป็นเพราะว่านางงดงามมากเกินไป”

ใต้เท้าเหลียนตอบกลับมาด้วยเสียงราบเรียบ

เสวี่ยไป๋อ้าปากเหวอ สีหน้าบอกชัดถึงความเหลือเชื่อ

สำหรับนางแล้ว ใต้เท้าเหลียนคือยอดโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทวยเทพอย่างไม่ต้องสงสัย

ในดินแดนแห่งนี้ย่อมมีเทพธิดาสาวสวยอยู่มากมาย แต่เสวี่ยไป๋ไม่เคยพบเห็นผู้ใดจะมีความงดงามสมบูรณ์แบบเท่ากับใต้เท้าเหลียนมาก่อน

ยกเว้นแต่เทพีกระบี่ผู้นี้

ในไม่ช้า เด็กสาวก็หัวเราะออกมา

สีหน้าของเสวี่ยไป๋เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

สำหรับผู้คนที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับเสวี่ยไป๋ พวกเขาก็จะรู้ว่ายามที่นางแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าเสวี่ยไป๋ได้คนพบเหยื่อที่น่าสนใจแล้ว

ความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็นของนางผลักดันให้เสวี่ยไป๋กระทำเรื่องราวแหกกฎระเบียบมามากมายนัก

แต่สิ่งที่บรรดาเจ้าหน้าที่ประจำวิหารเทพพงไพรหลายคนไม่เข้าใจเลยก็คือ เพราะเหตุใด ใต้เท้าเหลียนจึงปฏิบัติต่อเด็กสาวเท้าเปล่าผู้นี้เป็นอย่างดีเสมอมา

“และการจัดอันดับยอดโฉมงามนี้ เป็นการจัดอันดับหลังวิหารเทพีกระบี่ล่มสลายลงแล้วด้วย”

ใต้เท้าเหลียนกล่าวเสริมมาอีกหนึ่งประโยค

เด็กสาวเสื้อคลุมดำเบิกตาโต

นี่หมายความว่าต่อให้วิหารเทพีกระบี่ล่มสลาย แต่ความงามของนางก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนทวยเทพอยู่ดี

แล้วเหตุไฉนเสวี่ยไป๋จึงไม่เคยรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อน?

ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เด็กสาวก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น และยิ่งตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เสวี่ยไป๋ก็ยิ่งมีความสงสัยมากขึ้นทวีคูณ

นางไม่ได้พบเจอผู้คนที่น่าสนใจในดินแดนทวยเทพมาได้พักใหญ่แล้ว ดังนั้นเทพีกระบี่ผู้นี้จึงควรค่าต่อการสำรวจเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าไปซ่อนตัวก่อนเถอะ”

ใต้เท้าเหลียนโบกมือไล่ เมื่อเสวี่ยไป๋หายวับไปจากด้านหลังของนาง เทพธิดาสาวสวยก็ส่งเสียงดังกังวานว่า “เชิญเข้ามาได้ ท่านเทพีกระบี่”

หลังจากนั้น

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวก็ก้าวเดินเข้ามาอย่างสง่างาม

ผมหางม้าสองแกละของนางสะบัดไหวในอากาศ หญิงสาวล้วงสองมืออยู่ในกระเป๋า ลักษณะท่าทีไม่ได้เป็นคนดีแต่อย่างใด

“สวัสดี เสี่ยวเหลียนเหลียน ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ท่านมีตำแหน่งใหญ่โตมากเลยนี่นา”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเมื่อพบหน้าใต้เท้าเหลียนก็ยิ้มแย้มทักทายอย่างสนิทสนม “พวกเราไม่ได้พบเจอกันเสียนาน ไม่ทราบว่าคิดถึงกันบ้างหรือไม่?”

ใบหน้าที่สวยงามของใต้เท้าเหลียนกระตุกเล็กน้อย

“ท่านมาหาข้ามีเหตุอันใด?”

ใต้เท้าเหลียนสูดหายใจลึกและถามเสียงแผ่วเบา

“อ้อ พอดีมีเรื่องเล็กน้อยอยากรบกวนน่ะ”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงเอาสองมือล้วงกระเป๋าขณะที่กล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าอยากจะส่งคนของข้าเข้าร่วมการแข่งขันชิงศึกชิงตำแหน่งเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้า ก็เลยอยากจะมาติดต่อขอดำเนินการกับเสี่ยวเหลียนเหลียนนี่ล่ะ”

“ว่าอย่างไรนะ?”

ใต้เท้าเหลียนมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันทีราวกับว่านางได้ยินสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุด “เจ้าคิดจะส่งคนเข้าร่วมการแข่งขัน? นี่หรือที่บอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด