Eight Desolate Sword God – ตอนที่ 9 หยิ่งยโส เเละ โอ้อวด
“ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงาม”
ขณะที่หญิงสาวคนนึงที่สวมใส่ชุดสีชมพูยาว พร้อมกับรองเท้าสีดำ วิ่งออกมาจากคฤหาสน์ เย่เฉินเฟิง สังเกตุได้ถึงความงดงามที่ซ่อนภายใต้ชุดกระโปรงยาวนั่น
เย่เฉินเฟิง ได้เห็นความงดงามเหล่านี้ตั้งเเต่เขายังเด็ก ต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่วิ่งมาหาเขาด้านหน้านี้ ไม่เพียงเเต่หน้าตาเเละท่าทีการเเสดงออก ทุกอย่างของเธอโดยรวมเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ในบรรดาสาวงามทั้งหมดที่เพียงพอจะเทียบเคียงเธอได้ก็คงจะมีเเต่ จี้ฉิงเสวี่ย เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับ จี้ฉิงเสวี่ย ที่เป็นคู่หมั้นของเขาตั้งเเต่ยังเด็ก รวมถึงพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของเธอ เย่เฉินเฟิง ก็ทำได้เเต่หัวเราะเยาะตนเอง
“ซือหยา เจ้าบ้าไปเเล้วงั้นหรอ ? เจ้าคนจรนี้ จะต้องเป็นพวกต้มตุ๋น อย่างเเน่นอน อย่าได้ไปไว้ใจมัน”เหลียนโจว กล่าวตอบด้วยท่าทีสับสน
“ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่? ฟังจากที่ท่านพูดดูเหมือนท่านมีความมั่นใจที่จะช่วยชีวิตท่านปู่ของข้าจริง ๆ ?”
จริง ๆ เลเว ไป๋ซือหยา ก็ไม่เชื่อมั่นในตัวของ เย่เฉินเฟิง เเต่ตราบใดที่มีความหวังเเม้จะน้อยนิดเธอก็จะไม่ยอมเเพ้อย่างเเน่นอนดังนั้นเธอจึงไล่ตามเขาออกมา
“เเซ่ของข้าคือ เฉิน ถ้าข้าไม่มั่นใจข้าจะมาที่นี่งั้นเหรอ?”เย่เฉินเฟิง กล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ท่านมั่นใจจริง ๆ ?”
เเม้ทัศนคติที่เย่เฉินเฟิงเเสดงออกจะไม่ค่อยดี เเต่ ไป๋ซือหยา หาได้สนใจเเละกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
เหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นก็เพราะในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลไป๋ ได้จ้างหมอจำนวนมากมารวมถึงหมอจากจักรวรรดิ์ อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บของ อาวุโสไป๋ ก็เเปลกมาก เเม้เเต่หมอของจักรวรรดิก็จนปัญญาที่จะรักษา
“ถ้าเกิดไล่เจ้าคนที่ปรากฏในกรอบสายตาของข้าตอนนี้ไปได้ โอกาสประสบความสำเร็จคงจะสัก 6 ส่วน เเต่ถ้าหากเขายังอยู่ที่นี่ ข้าเองก็มีความมั่นใจราว 2 ส่วน”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ เหลียนโจว ที่ยืนอยู่ด้านหลังของ ไป๋ซือหยา สายตาของเขาปรากฏความเป็นศัตรูอยู่ทั่วใบหน้า
“เจ้า…”
ได้ยินคำพูดของ เย่เฉินเฟิง เหลียนโจว เเทบจะอาเจียนออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่เพลิงไหม้บางอย่างกำลังเผาผลาญหัวใจของเขาอย่างดุเดือดสีหน้าของเขาตอนนี้ดำทมึนอย่างมาก
“เจ้ายังไม่เเม้เเต่จะได้เห็นอาการของอาวุโสไป๋กลับมั่นใจเช่นนี้? ไม่ใช่ว่าเจ้าโอ้อวดมากเกินไปหรอกเหรอ?”ชายชราเเซ่ไป๋ เองก็รู้สึกสงสัย
เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่า ทักษะทางการเเพทย์ของ เย่เฉินเฟิง นั้นเหลือล้ำกว่าหมอที่มาจากจักรวรรดิ เพราะแบบนี้ เขาถึงคิดว่า เย่เฉินเฟิง เป็นพวกนักตุ้มตุ๋น เขาเองก็ต้องการขับไล่เย่เฉินเฟิงออกไป
“นั่นก็เพราะข้ามีความมั่นใจในทักษะทางการเเพทย์ของข้า”เย่เฉินเฟิงตอบกลับอย่างไร้อารมณ์”ในเดือนที่ผ่านมา เจ้ารู้สึกปวดหัวเเละอึดอัดในใจใช่หรือไม่ ? ทั้งยังรู้สึกไม่สบายตัวทุกครั้งที่พยายามจะฝึกฝน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”ชายชราเเซ่ไป๋ พยายามเเสดงออกด้วยอาการตกใจ
ความเจ็บปวดในอกของเขารวมถึงความไม่สบายตัวทุกครั้งที่ทำการฝึกฝน เรื่องนี้เขาไม่เคยพูดกับใคร เเต่ถึงอย่างนั้น เย่เฉินเฟิง กลับสามารถวินิจฉัยออกมาได้ เพียงเเค่สายตาก็สามารถตรวจสอบอาการเจ็บป่วยของเขาได้ เเสดงให้เห็นว่า คนคนนี้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเเน่นอน
“เป็นเพราะเจ้าสะสมพลังหยินในร่างกายมากเกินไป ดูจากระหว่างคิ้วของเจ้า เป็นที่ชัดเจนว่า ชีพจรของเจ้ากำลังทำงานอย่างไม่ปกติ เนื่องเพราะพลังหยินในร่างกายนั้นมีมากเกินความจำเป็น เเละ อาการปวดหัวเเละเจ็บปวดที่หน้าอกนั้นเป็นเพียงระยะเริ่มต้นเพียงเท่านั้น หากเจ้าไม่ขับพลังหยินออกจากร่างกาย เมื่อพลังหยินเข้าสู่ไขกระดูก เจ้าอาจจะกลายเป็นคนพิการในเวลาต่อมา”
เเม้ว่าเย่เฉินเฟิงจะไม่มีประสบการณ์ทางการเเพทย์ เเต่เขาก็ฝึกฝนทักษะทางการเเพทย์ที่มาจาก สมองศักดิ์สิทธิ์ เทียบได้กับว่า เขามีความทรงจำเเละความชำนาญของหมอคนนึง ดังนั้นเขาจึงสามารถวินิจฉัยอาการป่วยเพียงเเค่มองผ่านร่างกายของ ชายชราเเซ่ไป๋ ได้
“ถ้าอย่างนั้น ท่านหมอ ท่านสามารถช่วยขจัดพลังหยินในร่างกายของข้าได้ใช่หรือไม่?”
ด้วยคำพูดของ เย่เฉินเฟิง ชายชราเเซ่ไป๋ เต็มไปด้วยความหวัง เเละเริ่มเชื่อทักษะทางการเเพทย์ของ เย่เฉินเฟิง ตอนนี้สีหน้าของเขากลายเป็นเคารพอีกฝ่ายมากขึ้น
“ไม่ใช่ว่าเจ้าว่าข้าโอ้อวดหรอกหรือ?”เย่เฉินเฟิงกล่าวตอบอย่างไร้อารมณ์
“ท่านปรมาจารย์ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ที่ข้าตาบอดไม่เห็นเขาไท่ซ่างเเม้จะยืนอยู่เบื้องหน้า ข้าหวังว่าท่านจะไม่ติดใจถือสาเอาความข้าก่อนหน้านี้”ชายชราเเซ่ไป๋ กล่าวโค้งคำนับด้วยความจริงใจ เขารู้สึกเสียใจอย่ามากที่ทำตัวขุ่นเคืองกับ เย่เฉินเฟิง
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่า การรักษา อาวุโสไป๋ มีความสำคัญน้อยกว่าการรักษาเจ้าหรอกหรือ ?”เย่เฉินเฟิง คร้านที่จะพูดคุยกับคนจองหองเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงจงใจยิงคำถามนี้ออกมา
“เเน่นอนว่าอาการของอาวุโสไป๋นั้นสำคัญกว่า,ท่านปรมาจารย์โปรดตามข้ามา”
ชายชราเเซ่ไป๋ ได้นำทาง เย่เฉินเฟิง ไปอย่างรวดเร็ว เขาเพิกเฉยต่อสีหน้าที่ เหลียนโจว เเสดงออกมา จากนั้นไม่นาน ภายใต้การนำของ ชายชราเเซ่ไป๋ เย่เฉินเฟิง เหลียนโจว เเละ ไป๋ซือหยา ก็ได้มาถึงห้องโถงหลักในคฤหาสน์
“ทำไมเจ้าคนนั้นถึงยังติดตามพวกเรามา หรือว่าเขาเป็นสมาชิกตระกูลไป๋ของเจ้า ?”เย่เฉินเฟิง ได้กล่าวถามพร้อมกับจ้องมองไปที่ชายชุดสีขาวที่ติดตามเขามาอย่างใกล้ชิด
“ต้องขอโทษด้วยท่านปรมาจารย์ได้โปรดอย่าเเสดงความขุ่นเคืองเลย ข้าจะให้เขาออกไปตอนนี้”
เห็นการเคลื่อนไหวของ เย่เฉินเฟิง ไป๋ซือหยา ได้หันกลับไปที่ด้านข้างของเธอพร้อมกับจ้องมองไปที่ เหลียนโจว เเละพูดว่า”เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาการของท่านปู่ของข้า ตอนนี้ เจ้ากลับไปได้เเล้ว”
“ซือหยา เจ้าเชื่อ เจ้าคนจรนี่จริง ๆ ? เขากำลังโกหกเจ้าอยู่”เหลียนโจว กล่าวออกมาด้วยความโกรธ หากเขาเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋ไป ไม่ใช่กลับว่าเขาได้เสียหน้าหรอกหรอ
“เหลียนโจว ที่นี่คือ ตระกูลไป๋ ของข้า ไม่ใช่ ตระกูลเหลียนของเจ้า หากเจ้ายังทำตัวหยาบคายอย่าได้โทษข้าที่จะช่วยส่งเจ้าออกไป”ไป๋ซือหยา ได้กล่าวเตือน เหลียนโจว อย่างใจเย็น เเละ หวังว่าจะให้เขาออกไปเเต่โดยดี
เเม้ว่าเธอจะยังไม่มีความมั่นใจว่า เย่เฉินเฟิง จะมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่ของเธอหรือไม่ เเต่ถ้าทำให้ เย่เฉินเฟิง โกรธ ความหวังสุดท้าย อาจจะเเตกกลายเป็นเสี่ยง ๆ
“ก็ได้ข้าจะไป หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการกระทำเช่นนี้”
หลังจากพูดอย่างขุ่นเคือง เหลียนโจว ก็จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างดุเดือด พร้อมกับกัดฟันเเละเเละทิ้งความโกรธเคืองเอาไว้
“ท่านปรมาจารย์ ได้โปรดอย่าถือสา ตราบใดที่ท่านสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่ของข้าได้ ตระกูลไป๋ของข้าจะตอบเเทนท่านอย่างเเน่นอน”ไป๋ซือหยา จ้องมองไปที่ ใบหน้าไร้อารมณ์ของ เย่เฉินเฟิง เเละกล่าวพูดด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม
“ชั่งมันเถอะ พาข้าไปพบปู่ของเจ้า”เย่เฉินเฟิง พูดอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะเดินตาม ไป๋ซือหยา ต่อไปที่ห้องโถงใหญ่ เเละ พบ เจ้าเมืองเเห่งเมืองจักรพรรดิขาว ไป๋เจียงชุ่น เเละ หมอที่มีชื่อเสียงผมขาวอีก สามคน หมอทั้งสามคนนี้มีชื่อเสียงมากในเมืองจักรพรรดิขาว
“ซือหยา เจ้าพาใครมา?”
ไป๋เจียงชุน สวมใส่เสื้อคลุมลายมังกรสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับเปล่งกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาเมื่อเขาเห็นชายหน้าตาไม่คุ้นเคยเเละยังถือกล่องยามาด้วยทำให้เขาเกิดความสงสัย
“ท่านพ่อ,นี่ก็คือปรมาจารย์เฉิน เขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่”ไป๋ซือหยา กล่าวเเนะนำ
“ปรมาจารย์เฉินงั้นเหรอ?”ไป๋เจียงชุน ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปฏิกิริยาการเเสดงออกของเขาตอนนี้เหมือนกับ ชายชราเเซ่ไป๋ ในตอนเเรก ซึ่งก็คือเขาคิดว่า เย่เฉินเฟิง เป็นพวกตุ้มตุ๋น
ท้ายที่สุดเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ยังให้ความรู้สึกที่ยังเยาว์วัยเกินไป ดูเเล้วไม่น่าจะเป็นหมอที่มีทักษะทางการเเพทย์โดดเด่น
“ข้ามาเพื่อดูอาการของอาวุโสไป๋เเละรักษาเขา”
เย่เฉินเฟิงคร้านจะอธิบายเขาพูดออกมาอย่างชัดเจน
“นี่…”
เห็นการเเดสงออกของ เย่เฉินเฟิง ไป๋เจียงชุน รู้สึกพูดอะไรไม่ออก
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตเเละความตายของท่านพ่อของเขา ไป๋เจียงชุน ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
“เจ้าหนู,อาวุโสไป๋ มีค่ามากกว่าพันจิน เจ้าไม่สามารถที่จะพูดเรื่องล้อเล่นเช่นนี้ออกมาด้วย”หมอผมขาวได้กล่าวเตือน เย่เฉินเฟิง
“ตั้งเเต่ที่ข้ามาที่นี่ข้าก็มีความมั่นใจที่ทำการรักษา เรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่ว่า ท่านเจ้าเมืองไป๋ จะเต็มใจให้ข้าลองหรือไม่ ?”เย่เฉินเฟิงกล่าวตอบด้วยท่าทางหยิ่งยโสเล็กน้อย
“เจ้ามั่นใจเเค่ไหน”ไป๋เจียงชุน กล่าวถามด้วยความลังเล
“ข้ามีความมั่นใจประมาณ 6 ส่วน”เย่เฉินเฟิงกล่าวตอบอย่างชัดเจน
“6 ส่วน ?”หมอทั้งสามคนจ้องมองหน้ากันเเละพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ”เจ้าหนูเจ้าไม่กลัวจะเสียลิ้นไปหลังจากพูดคำโอ้อวดเหล่านั้นหรอกเหรอ?”
เมื่อทั้งสามคนกำลังระเบิดกับคำพูดที่ชวนน่าหัวร่อคำนึง จู่ ๆ ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา พวกเขาตกใจจนดวงตาเเทบจะเบิกถลนออกมา ปากของพวกเขาอ้ากว้างราวกับเห็นผี
คอมเม้นต์