ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 3 ตั๊กแตนจับจักจั่น
“ฝันไปเถอะ!”ไป๋เวยถึงกับสีหน้าเขียว
“งั้นไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว ผมออกไปทำงานก่อนนะ”
ผมยิ้มอย่างเรียบเฉย หลังจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป แล้วพูดต่อว่า
“ประธานไป๋ ผมแค่อยากทำงานดีๆ อย่าคิดจะไล่ผมเชียวนะ การเดินเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะสวมรองเท้า ฉันไม่รังเกียจที่จะฉีกหน้าคุณจนจบ”(เท้าเปล่าไม่กลัวที่จะสวมรองเท้าใช้เปรียบเปรยคนที่ไม่มีอะไรจะเสียย่อมชนะเสมอ เพราะคนผู้นั้นจะทุ่มสุดตัว)
พูดจบ ผมจึงเปิดประตูแล้วเดินออกไป
ด้านนอกห้องทำงานของไป๋เวยมีโต๊ะทำงานของผู้ช่วย ผู้ช่วยคนเดิมคงไม่รู้ว่าไป๋เวยไล่ผมออกแล้ว เธอกำลังเก็บของเตรียมตัวส่งมอบงานให้กับผม จากนั้นเขาก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปอีกตำแหน่งหนึ่ง
ผมทักทายเธออย่างสุภาพ แล้วเริ่มรับช่วงต่อ ส่วนใหญ่เป็นเอกสารการตลาดและตารางงานของไป๋เวย
ผ่านไปไม่นาน ส่งมอบงานเสร็จ ผู้ช่วยคนเดิมจึงกล่าวลาทักทายกับไป๋เวยเสร็จก็เดินจากไป
ไป๋เวยไม่ได้รั้งเธอไว้ และไม่ได้หาผม
ผ่านไปไม่นาน ผู้จัดการฝ่ายบุคคลคนหนึ่งเรียกผมเข้าไปหา เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมลาออก
ผมปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
หลังจากที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเกลี้ยกล่อมอย่างยากลำบากหลายครั้งแต่ไม่มีผล สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นแย่ขึ้น ไม่พูดอะไรแล้วจ้องหน้าผมอยู่นาน สุดท้ายจึงโบกมือไล่ให้ผมออกไปอย่างหงุดหงิด โดยไม่ยกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวโดยตรง
เห็นได้ชัดว่า ไป๋เวยไม่กล้าทำอะไรเด็ดขาดเกินไป
หลังจากที่กลับเข้ามาที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้ว ผมจึงสงบจิตสงบใจ เริ่มจัดเรียงเอกสาร แล้วทำความคุ้นเคยกับระบบ พยายามจดจำตารางงานประจำวันของไป๋เวยและเรื่องสำคัญ เตรียมตัวเป็นผู้ช่วยที่ดี
ทั้งวัน ไป๋เวยออกจากห้องทำงานเฉพาะเวลาเที่ยงวันเพื่อทานข้าวเที่ยงเท่านั้น ในขณะที่ผ่านโต๊ะทำงานของผม เธอไม่แม้แต่จะมองมาที่ผม
เหมือนจะมองข้ามการมีตัวตนอยู่ของผม แต่ก็เมินเฉยผมเช่นกัน
กลับเป็นว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆสนใจผมมากกว่า บางคนเดินผ่านละแวกนั้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เหลือบมองมาที่ฉัน แล้วเดินจากไปพร้อมพูดซุบซิบนินทา
ในตอนเย็น เมื่อไป๋เวยเดินจากไปไม่นาน ผมก็เลิกงานตามไปด้วย
ด้านล่างใต้ตึกของบริษัท ในตอนที่ผมเดินมาถึงลานจอดรถ ผมเห็นเข้ากับจากัวร์ เอฟ-ไทป์สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถอย่างสง่างาม ในตอนที่เธอเดินผ่านผม ไป๋เวยเข้าไปนั่งบนที่นั่งคนขับแล้วมองมาที่ผมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวย
ผมสบถด่าเสียงเบา ผมหันหน้ากลับไปเห็นบริเวณพื้นที่สีเขียวมีร่างของคนสองคนโผล่ออกมา คนหนึ่งผอมคนหนึ่งอ้วน คนที่ผอมผมไม่รู้จัก แต่คนที่อ้วน……
เป็นคนที่อยากข่มขืนไป๋เวยในตอนนั้น ชายตัวอ้วนวัยกลางคนที่ถูกผมทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ทั้งสองคนจ้องมองไปที่รถจากัวร์ของไป๋เวยไกลๆ สีหน้าของชายตัวอ้วนคนนั้นโหดเหี้ยมมาก ปากของเขาพึมพำพูดอะไรบางอย่าง
สัญชาตญาณแรกของผมก็คือชายตัวอ้วนอย่างก่อเรื่อง จึงแอบเลี้ยวเข้าไปในพื้นที่สีเขียว อาศัยพุ่มไม้บดบังตัว แล้วเดินตามชายตัวอ้วนไปอย่างเงียบๆ
เมื่อผมเข้าไปใกล้ การสนทนาระหว่างทั้งสองก็ดังมาถึงหูของผมด้วย
“พี่เป่า ผู้หญิงสวยที่อยู่ในรถ เป็นคนที่ทำให้พี่ต้องติดคุกเหรอ?”
“ใช่”น้ำเสียงของชายตัวอ้วนดูเคร่งขรึม”ไป๋เวย ผู้หญิงอันตรายคนนั้น ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหน ทำให้กูถูกสอบสวน แล้วยังทำให้กูต้องติดคุกสามปีอีกต่างหาก กูไม่มีวันปล่อยมันไปแน่!”
“งั้นเราจะเข้าไปจับตรงๆ หรือว่า……”
“ไม่ ถ้าเราเข้าไปจับซึ่งๆหน้าจะมีเอี่ยวเข้าไปด้วย กูได้ยามานิดหน่อย พรุ่งนี้แกโทรหาไป๋เวย บอกว่ามีเพื่อนแนะนำมา อยากเปลี่ยนซอฟต์แวร์ของบริษัทตัวเองทั้งระบบ ชวนเธอออกมาคุยเรื่องธุรกิจ อาศัยจังหวะนั้นวางยาให้เธอ ถึงเวลานั้น……หึ เราจะเล่นยังไงก็ได้ แล้วค่อยถ่ายรูปเธอสักหนึ่งอัลบั้ม……”
ทั้งสองพูดพึมพำกันไปมา ขณะที่เดินข้ามทางม้าลาย พอเดินห่างกันแล้วทำให้ผมไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน ผมไม่อยากให้พวกเขาพบเข้า ดังนั้นจึงไม่ได้เดินตามไป
หลังจากที่รอพวกเขาเดินจากไปไกลแล้ว ผมก็โผล่ออกมาจากบริเวณพื้นที่สีเขียว มองไปยังทิศทางที่พวกเขากำลังจะจากไปอย่างครุ่นคิด
ชายตัวอ้วนคนนั้นมีชื่อว่าเหลยหยุนเป่า ผมทำความเข้าใจกับข้อมูลของเขาเมื่อสามปีก่อนในขณะที่สู้คดีกับเขา เดิมทีเขาเป็นหัวหน้าของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง แต่จากที่เขาพึ่งพูดเมื่อสักครู่แล้ว ตอนนี้น่าจะไม่ใช่แล้ว ไป๋เวยใช้วิธีบางอย่างทำให้เขาติดคุก
อาจจะเป็นตรวจพบการยักยอกโดยใช้หน้าที่อำนาจของตนเอง กลับกันต้องไม่ใช้คดีข่มขืนอย่างแน่นอน
จากมุมมองนี้ ไป๋เวยไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีเงิน
เหลยหยุนเป่าเป็นคนบ้า หลังจากที่ออกมาจากคุกยังอยากจะแก้แค้นไป๋เวยอีก อีกทั้งยังจะใช้วิธีต่ำทรามอีกด้วย
ตามที่เขาเพิ่งบอกวิธีนั้นไป มีแนวโน้มมากที่จะประสบความสำเร็จ ใช้การเจรจาธุรกิจเป็นข้ออ้างในการขอให้ไป๋เวยออกไป แล้ววางยา ในขณะที่ทำภารกิจถ่ายรูปเธอไปด้วย หลังจากนั้นก็ใช้รูปถ่ายมาแบล็กเมล์เธอ แล้วขอเงิน กระทั่งยังสามารถครอบครองเธอในระยะยาวด้วย……
เลวเกินไปแล้ว
ถ้าหากไม่ถูกผมได้ยินบทสนทนาโดยบังเอิญ ไป๋เวยอาจจะแย่ก็ได้
ไม่สิ ไป๋เวยจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับผม กระทั่ง แม้ว่าผมมักจะหวังเสมอว่าเธอจะไม่จบลงด้วยดีก็ตาม
ยังมีเหลยหยุนเป่าอีก ถ้าไม่เป็นเพราะตอนนั้นไอ้ชั่วนี่จะบังคับขืนใจไป๋เวย ผมคงไม่ต้องติดคุก
ทางที่ดีที่สุดทั้งสองคนต้องมีจุดจบไม่สวย
พอคิดได้ดังนั้น จู่ๆผมก็มีความคิดที่บ้าบิ่นปรากฏขึ้นมาในสมอง ตั๊กแตนจับจักจั่นนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง ผมต้องการให้ไป๋เวยลิ้มรสชาติในตอนนั้นที่เธอสมควรจะได้รับมัน แล้วส่งเหลยหยุนเป่ากลับเข้าคุก
อย่างไรก็ตามไป๋เวยสมควรแล้วที่จะโดน เหลยหยุนเป่าก็สมควรได้รับโทษข้อหาพยายามขมขื่น
พรุ่งนี้พวกเขาจะลงมือแล้ว ผมแค่ต้องตามไป๋เวยอย่างใกล้ชิดก็พอ
วันที่สอง ผมได้รับบัตรทำงานของบริษัท ด้านบนยังเครื่องหมายภาษาไทยกำกับอีกด้วย ตั้งใจเพิ่มสัญลักษณ์เพื่อไปแย่งชิงออเดอร์ใหญ่ที่ประเทศไทยโดยเฉพาะ
ไป๋เวยยังคงเมินเฉยผม ไม่ไล่ผมไปไหน แต่ก็ไม่สลัดผมทิ้ง
ในตอนที่มีเพื่อนร่วมงามรวมถึงหัวหน้าแผนกอื่นๆเข้าพบเธอ ผมแค่ช่วยพวกเขาเคาะประตู หลังจากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วทำงานของตัวเองต่อ
ตอนเที่ยง ไป๋เวยออกไปทานข้าวเที่ยง ผมแอบตามเธอออกไป แต่เธอทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้องทำงาน
เมื่อเลิกงานในช่วงเย็น ผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถที่จองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ แล้วตามรถจากัวร์ของไป๋เวยมาตลอดทาง
เป็นไปตามคาด รถจากัวร์ขับเข้ามาจอดในลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง ไป๋เวยจอดรถเสร็จ ก็เดินเข้าไปในร้านอาหารจีนที่อยู่ในชั้นหนึ่งของโรงแรม ไม่ได้เข้าห้องวีไอพี แต่เข้าไปที่ล็อบบี้
ผมเดินตามเข้าไป ไป๋เวยกำลังคุยกับผู้ชายอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็นั่งลง
ผู้ชายคนนั้นคือคนตัวผอมที่อยู่กับเหลยหยุนเป่าเมื่อวาน ลักษณะท่าทางไม่เหมือนคนประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย แต่สวมสูทระดับไฮเอนด์ เหมือนพวกเศรษฐีใหม่
เห็นได้ชัดว่า ไป๋เวยไม่รู้ว่าอยู่ในสถานการณ์อันตราย หรืออาจจะเป็นเพราะบริเวณห้องโถงมีผู้คนจำนวนมาก ถึงอีกฝ่ายจะคิดไม่ซื่อแต่ก็ไม่กล้าทำอะไร
ผมเดินเตร็ดเตร่หนึ่งรอบ เพื่อทำความรู้จักกับสภาพแวดล้อมของร้านอาหาร และทิศทางของทางเดินที่มีไม่กี่ทาง หลังจากนั้นก็หาที่พักของร้านอาหารที่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ พิงกับเก้าอี้แล้วใช้นิตยสารปิดบังใบหน้าของตัวเองไว้ คอยพลิกเปิดอ่านนิตยสารไปด้วย พร้อมจ้องมองไป๋เวยกับผู้ชายคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นสั่งเหล้าขาวมาหนึ่งขวด แต่ไป๋เวยไม่ดื่มเหล้า และไม่ดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ เธอสั่งน้ำเปล่าหนึ่งแก้วกับพนักงานเท่านั้น
ผมจงใจเดินตามพนักงานไป ระหว่างทาง ผมเห็นเหลยหยุนเป่า เขาจงใจโยนป้ายบนอกที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนลงกับพื้น แล้วบอกกับพนักงาน อาศัยจังหวะที่พนักงานหันกลับไป ใส่ของเหลวที่ไร้สีลงไปในแก้วเล็กน้อย
เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก พอจัดการเสร็จเขาก็กลับเข้าไปในทางเดิน นอกจากผมที่แอบมองอยู่ที่ไกลๆ ก็ไม่มีใครเห็น
ด้วยวิธีนี้เอง แก้วถูกส่งไปที่หน้าของไป๋เวย อีกทั้งยังถูกไป๋เวยดื่มไปครึ่งหนึ่ง
ผ่านไปไม่นาน ไป๋เวยก็เริ่มนวดขมับ เหมือนเหนื่อยอ่อนเพลีย
จากนั้นไม่นาน ไป๋เวยก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วลุกขึ้น เดินไปยังห้องน้ำ น่าจะอยากไปล้างหน้าเรียกสติ
ไป๋เวยพึ่งเดินออกไป ผู้ชายคนนั้นก็รีบลุกขึ้นคิดเงินทันที แล้วเดินตามไปยังห้องน้ำทันที
ผมไม่ได้ตามไป แต่เอาหน้ากากอนามัยและแว่นตาที่ผมเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา เดินเลาะไปข้างๆทางเดินแล้วรออย่างใจจดใจจ่อ
ผมดูแผนผังมาแล้วเมื่อสักครู่ รู้ว่าอีกด้านหนึ่งของห้องน้ำคือทางไปลิฟต์ สามารถขึ้นไปยังห้องพักได้ หากไม่เกินความคาดหมายล่ะก็ พวกของเหลยหยุนเป่าต้องพาไป๋เวยขึ้นไปชั้นบนอย่างแน่นอน
เป็นไปตามคาด รออยู่หลายนาที ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมา แล้วแบกไป๋เวยที่แทบจะไม่ได้สติเดินไปยังลิฟต์
เหลยหยุนเป่าเดินตามอยู่ด้านหลัง และยังคอยพูดจาทำนองว่า”บอกแล้วไงว่าประธานไป๋ดื่มเหล้าไม่ได้ รีบส่งเธอไปที่ห้องพักเร็วเข้า”ไม่หยุด
ขณะที่เดินผ่านนั้น ผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก
เห็นได้ชัดว่า พวกของเหลยหยุนเป่ากรอกเหล้าดีกรีแรงให้กับไป๋เวย ยังพูดตลอดทาง ให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าไป๋เวยดื่มเมาจริงๆ
หลังจากที่มั่นใจว่าพวกเขาเดินไปที่ลิฟต์แล้ว ผมจึงถอยกลับไปที่บริเวณพักผ่อนของร้านอาหาร ถอดหน้ากากอนามัยกับแว่นตาออก หลังจากที่รอสองนาที ผมก็แสร้งทำเป็นรีบร้อนแล้ววิ่งเข้าไปถามพนักงานหน้าเคาน์เตอร์
ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน บอกว่าเธอดื่มเหล้าจนเมาแล้วเข้าไปพักในห้องพัก แต่ไม่รู้ว่าห้องพักห้องไหน แล้วโทรหาเธอไม่ติด รู้แค่ว่าเธออยู่กับเพื่อนผู้ชายสองคน ให้พนักงานช่วยผมหาเลขที่ห้อง
พนักงานถามผ่านอินเตอร์คอม พอมั่นใจว่าเมื่อครู่มีผู้หญิงคนหนึ่งเมาไม่ได้สติ จากนั้นก็บอกผมว่าอยู่ห้อง1208 พึ่งเข้ามาในห้องได้ไม่ถึงหนึ่งนาที
ผมขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นสิบสอง แล้วรออยู่ในลิฟต์พักหนึ่ง
วางแผนว่าจะรอไม่กี่นาทีแล้วค่อยโทรแจ้งตำรวจ ในช่วงเวลาที่ตำรวจมาถึง เหลยหยุนเป่ากับพวก ต้องจัดไป๋เวยไปคนละหนึ่งรอบ
ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยถึงการแก้แค้น ในสมองมีภาพร่างกายอันเปลือยเปล่าของไป๋เวยนอนอยู่บนเตียงซ้ำไปซ้ำมา นึกภาพเหลยหยุนเป่าไอ้อ้วนนั่นทับอยู่บนร่างของเธอ……
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นผมก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย และมีความวิตกกังวลบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก อีกทั้งมันก็รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างทนไม่ได้ สูบเข้าไปเต็มแรง
จู่ๆปมก็อดสบถด่าออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นก็โยนก้นบุหรี่ทิ้ง รีบพุ่งตรงไปยังหน้าห้อง1208 แล้วยกมือขึ้นเคาะประตู
“ใคร?”ด้านในมีเสียงตกใจกระวนกระวายของเหลยหยุนเป่าดังลอดออกมา
ผมจงใจใช้น้ำเสียงอย่างสุภาพพูดว่า”พนักงานครับ เมื่อสักครู่คุณผู้หญิงท่านนี้ทำแว่นตกไว้ในร้านอาหารครับ ผมเอามาคืนให้กับเธอ”
“ไม่ต้อง แว่นนั้นไม่เอาแล้ว นายทิ้งถังขยะไปเถอะ”
“คุณผู้ชายครับ ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะอาจจะถูกตัดเงินเดือนได้นะครับ คุณแค่เปิดแง้มประตูเล็กน้อย ผมจะยื่นแว่นเข้าไปให้ครับ”
เหลยหยุนเป่าไม่ตอบกลับอะไร ผมอาศัยจังหวะนี้ถอยหลังไปสองก้าว หยิบแว่นตาของผมออกมาแล้ววางไว้หน้าตาแมวที่ประตู
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็ถูกแง้มออก
ผมพุ่งตัวเข้าไปอย่างแรง ถีบเข้าไปที่ประตู
คอมเม้นต์